เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 960 ความหวาดกลัวเมื่ออยู่ใกล้บ้าน
บทที่ 960 ความหวาดกลัวเมื่ออยู่ใกล้บ้าน
บทที่ 960 ความหวาดกลัวเมื่ออยู่ใกล้บ้าน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ขณะเสี่ยวเถียนกำลังเคลิ้ม ๆ รถก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านหนานหลิ่ง
พวกเธอลงจากรถพร้อมของพะรุงพะรัง
ตอนนั้นมีคนยืนอยู่หน้าหมู่บ้านด้วย เป็นคนที่เธอรู้จัก คุณยายฉางนั่นเอง
ผ่านไปหลายปี เสื้อผ้าของท่านไม่ขาดกะรุ่งกะริ่งอีกต่อไปแล้ว แม้จะไม่ใช่ของใหม่แต่ไม่ได้มีการเย็บปะมากเท่าเมื่อก่อน
สีหน้าหญิงชราลดความหงุดหงิดลงไปเยอะ ดูเป็นมิตรมากขึ้น
พอเห็นเด็กสาว ท่านก็เอาแต่กะพริบตาปริบ ๆ ก่อนร้องด้วยความตกใจ “เสี่ยวเถียน? ไอหยา หนูกลับมาแล้วหรือ ยายก็คิดว่าตาฝาดเสียอีก ตัวจริงนี่เอง”
ยายฉางเป็นบุคคลตัวอย่างของคนที่รักลูกชายมากกว่าลูกสาวเลย เมื่อก่อนท่านอิจฉาบ้านซูมากที่มีหลานชายเยอะ
บ้านท่านมีลูกชายยากมาก พอเห็นบ้านเราถือเสี่ยวเถียนเป็นสมบัติล้ำค่าก็ทนไม่ไหว
ท่านมักพูดเสมอว่าคุณย่าซูตามืดบอด ให้ความสำคัญแต่ไอ้พวกเลี้ยงเสียข้าวสุกอยู่ได้
เพราะแบบนี้จึงตบตีกับคุณย่าของเธออยู่บ่อย ๆ
แต่ช่วงหลายปีมานี้หลานสาวค่อย ๆ หาเงินได้ ชีวิตครอบครัวดีขึ้น หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป
ยิ่งตอนได้เห็นเสี่ยวเถียน เธอรู้เลยว่าท่านมีความสุขจริง ๆ
“สวัสดีค่ะคุณย่าฉาง!”
เสี่ยวเถียนไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นหรอก ตอนนี้ท่านดีด้วยแล้ว เราก็ต้องเห็นท่านเป็นผู้อาวุโสด้วย
“เมืองหลวงนี่ดีจริง ๆ เลยนะ ดูหนูสิ สวยวันสวยคืนเลยนะ”
หญิงชรามองเด็กสาวขึ้น ๆ ลง ๆ รู้สึกว่าเป็นเด็กที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ ดีกว่าลูกหลานที่บ้านอีก
ไม่แปลกใจที่ยายแก่บ้านซูเอาแต่รักหลานสาวไม่สนหลานชายแบบนี้
“คุณย่า เดี๋ยวหนูไปบ้านลุงฉางจิ่วก่อนนะคะ”
ถึงจะปฏิบัติด้วยความสุภาพ แต่ก็ไม่ถึงว่าชอบอะไรมาก เลยไม่ได้ตั้งใจจะคุยด้วยและเอ่ยไปตรง ๆ ทันที
ยายฉางยิ้มออกมา “ย่าเพิ่งเห็นเขากลับมาจากทุ่งนาเนี่ย ถ้าไปตอนนี้จะต้องพบกันแน่ ๆ”
หลังจากเอ่ยขอบคุณก็พาเซี่ยหนานไปบ้านของซูฉางจิ่ว
หญิงชรามองเด็กสาวที่เดินไปไกล ก่อนจะตะโกนลั่น “เสี่ยวเถียน หนูจะกลับตอนไหนน่ะ ก่อนกลับมาหาย่าที่บ้านหน่อยนะ”
“เข้าใจแล้วค่า!”
คนข้าง ๆ ยายฉางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “คุณไม่ถูกกับบ้านซูไม่ใช่หรือ ไหงให้หลานบ้านนั้นไปหาที่บ้านล่ะ?”
หญิงชราระบายยิ้มออกมา “คนเราก็ต้องรู้จักบุญคุณใช่ไหมล่ะ ถ้าไม่ได้บ้านซูช่วยเหลือหมู่บ้านเราไว้ ชีวิตเราจะดีกว่าที่อื่นหรือ? ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องทำงานฝีมือขายนะ เมล็ดพันธุ์ที่เราใช้ก็มีเสี่ยวเถียนกับอาจารย์เสิ่นวิจัยเอาไว้ ไม่อย่างนั้นจะทำให้ไอ้หนุ่มแบบแกกินอิ่มได้ยังไง?”
ชายคนนั้นไม่กล้าพูดต่ออีก
หลังจากผู้ใหญ่บ้านซูกลับมาก็บอกว่าตอนนี้ตระกูลซูมีอิทธิพลในเมืองหลวงมาก ถึงขนาดสนทนากับกลุ่มเบื้องบนได้แล้ว
จากนี้ไปถ้าอยากให้ชีวิตในหมู่บ้านดีขึ้น ก็ไม่ต้องพึ่งพาตระกูลซูหรือไง?
ยายฉางเมินไอ้หนุ่มหน้านิ่งข้าง ๆ ก่อนจะมองเสี่ยวเถียนด้วยความอิจฉา
ตนมีหลานสาวเยอะมาก แต่ทำไมเทียบไม่ได้เลยสักคนนะ?
ดูเด็กคนนั้นสิ เป็นนักศึกษา เนื้อตัวขาวผ่องยองใย แตกต่างจากคนในหมู่บ้านมาก ๆ เลย
หญิงชราลืมสิ้นไปแล้วว่าสาเหตุที่บ้านตนไม่มีใครได้เรียนหนังสือเพราะคิดว่าผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเรียน
พวกลูกหลานที่บ้านได้เข้าร่วมชั้นเรียนแบบเปิดเหมือนกัน รู้คำศัพท์นิดหน่อย และเขียนชื่อตัวเองได้
บ้านซูฉางจิ่วอยู่ไม่ไกลจากปากทางเข้าหมู่บ้านนัก พวกเธอสองคนเดินกันประมาณห้าหกนาทีก็มาถึง
เซี่ยหนานเริ่มลังเลใจ
ไม่รู้ว่าหลังจากเข้าไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเกิดว่า…
“อาจารย์เซี่ย บ้านหลังนี้คือบ้านที่พี่เสี่ยวเฉ่าอยู่มายี่สิบกว่าปีเลยนะคะ ไม่อยากเข้าไปดูหน่อยหรือ?”
เสี่ยวเถียนคิดมาตลอดว่าเธอไม่สามารถตัดสินใจแทนคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเสี่ยวเฉ่าก็ดีหรืออาจารย์เซี่ยก็ดี ไม่ว่าใครย่อมต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางของตัวเองเท่านั้น
“ฉันกลัวนิดหน่อยน่ะ!”
เซี่ยหนานวางกระเป๋า ก่อนคว้ามือขาวผ่องของเด็กสาวมาจับ
“ไม่มีอะไรต้องกลัวค่ะ มันมีคำตอบอยู่สองอย่างเท่านั้น” เสี่ยวเถียนปลอบใจ
ยามเห็นสองสามีภรรยานั่งหันหน้าเข้าหากันใต้ต้นสาลี่ผ่านบานประตูที่แง้มออก เซี่ยหนานเหมือนตกอยู่ในภวังค์
บนโต๊ะมีอาหารทำกินง่าย ๆ วางอยู่ รอยยิ้มของทั้งสองคนจริงใจมาก
“ลุงฉางจิ่ว!”โนเวล-พีดีเอฟ
ซูฉางจิ่วคิดว่าหูฝาดตอนได้ยินเสี่ยวเถียนเรียกชื่อ
“ยายแก่ ทำไมฉันถึงได้ยินเสียงเสี่ยวเถียนล่ะ?” เขาถามภรรยาด้วยความสับสน
ตัวภรรยารู้สึกได้ว่าเป็นเสียงของหลานสาวจริง ๆ
แต่เธอน่าจะอยู่ที่เมืองหลวงสิ? ทำไมถึงกลับมาบ้านล่ะ?
“คุณลุง คุณป้า หนูมาหาค่า!”
ตอนนั้นเองที่มั่นใจแล้วว่าไม่ได้หูฝาด เสี่ยวเถียนมาหาพวกเขาจริง ๆ
ทั้งสองคนวางถ้วยตะเกียบลงทันทีก่อนผุดลุกขึ้น
“เสี่ยวเถียน ไม่ไปเรียนหรือ ทำไมถึงกลับมาหมู่บ้านล่ะ?” ซูฉางจิ่วมองหลานด้วยความสับสน
ยังไม่ถึงวันหยุดหน้าร้อนเลยนี่นา
เด็ก ๆ ที่ไปเรียนกันว่างงานขนาดนี้เลยหรือ?
“คุณลุง ทางนี้คืออาจารย์เซี่ยหนานค่ะ เป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยหนูเอง เธอมีธุระที่นี่หนูก็เลยมาด้วยกันค่ะ” เสี่ยวเถียนแนะนำด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีครับ อาจารย์เซี่ย”
ซูฉางจิ่วเป็นฝ่ายทักทาย ตั้งใจจะยื่นมือไปจับแต่นึกอะไรขึ้นได้ก่อนเลยชักกลับทันที
คนตรงหน้าเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ปัญญาชนผู้สูงศักดิ์
จะทำตัวเกินเลยต่อกันไม่ได้
“สวัสดีค่ะ ฉันขอเข้าไปได้ไหมคะ?”
เซี่ยหนานเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
แม้จะพยายามทำให้เป็นปกติมากแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้เลย
ภรรยาซูฉางจิ่วเดินเข้ามาพอดี ถึงจะไม่รู้จักคนแปลกหน้า แต่ในเมื่อเสี่ยวเถียนพามาจึงไม่ได้รังเกียจอะไร
“สวัสดีค่ะอาจารย์เซี่ย รีบเข้ามาเถอะ ๆ”
จากนั้นก็หาเก้าอี้สะอาด ๆ มาตั้งไว้ใต้ต้นสาลีเพื่อให้แขกทั้งสองได้นั่งพัก
“เหนื่อยไหมเสี่ยวเถียน? กินข้าวหรือยัง ถ้าอยากกินเดี๋ยวป้าไปทำให้”
เสี่ยวเถียนมองอาหารบนโต๊ะ มียำมะเขือ ซุปแป้งก้อนที่ผสมแป้งข้าวโพดกับแป้งสาลี เป็นอาหารชาวไร่ที่ธรรมดามาก ดูจืดชืดไม่หยอก
ดูเหมือนสถานการณ์ของชาวบ้านยังไม่ค่อยดีเท่าไร แม้แต่ผู้ใหญ่บ้านยังไม่สามารถกินแป้งสาลีล้วน ๆ ได้เลย
——————————————————-