เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 979 เธอทำให้ฉันตกระกำลำบาก
บทที่ 979 เธอทำให้ฉันตกระกำลำบาก
บทที่ 979 เธอทำให้ฉันตกระกำลำบาก
เซี่ยหนานไม่อยากเห็นหน้าเซียวหย่วนหยาง เลยล้มลงตัวนอนบนเตียง
สองสามวันมานี้เธอเหนื่อยมาก จึงใช้เวลาไม่นานก็หลับไป
คงเพราะสบายใจเลยนอนหลับลึก
เสี่ยวเถียนก้มลงไปมองดู เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของผู้เป็นอาจารย์
ไม่รู้ว่าฝันถึงพี่เสี่ยวเฉ่าอยู่หรือเปล่า
เสี่ยวเถียนในตอนนี้กำลังตั้งใจอ่านหนังสือ
แม้จะไม่ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการอ่านหนังสือ หรือล็อกอินรายวันเอารางวัลมาเปิดกล่อง แต่มันกลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว เธอจึงมุ่งมั่นเหมือนทุกวัน
ส่วนอีกสองคนเตียงฝั่งตรงข้ามต่างมีความคิดที่ต่างกัน และกำลังหลับอยู่
ภายในห้องโดยสารเงียบสงัด
เซี่ยหนานตื่นขึ้นมาพบว่าฟ้ามืดสนิทแล้ว
เธอมองนาฬิกาซึ่งชี้เวลาสี่ทุ่ม
รถไฟจะปิดไฟเวลานี้พอดี
อีกเดี๋ยวก็ถึงเวลาแล้ว
เธอลุกขึ้นนั่งด้วยความมึนงง
คว้ากระติกน้ำร้อนขึ้นมาจิบ
น้ำอุ่นกำลังพอดี
หลังจากตื่นเต็มตา เซี่ยหนานลุกขึ้นยืนมองเสี่ยวเถียนเตียงบน
เจ้าตัวยังนั่งอ่านหนังสือเหมือนเดิม
พอรู้สึกว่ามีคนมองมาจึงละสายตามาหา
“ตื่นแล้วหรือคะ?”
“ตื่นแล้วละ หลับสบายมากเลย” เซี่ยหนานบิดขี้เกียจ
เธอไม่คิดเลยว่าการนอนบนรถไฟจะสบายกว่าที่บ้านขนาดนี้
“หนูเห็นอาจารย์ยิ้มตอนหลับด้วยนะ”
ถ้าไม่มีคนอื่นในห้องนี้เธอคงถามแล้วแหละว่าฝันถึงพี่เสี่ยวเฉ่าหรือ
“จริงหรือเนี่ย แล้วนี่เสี่ยวเถียนอ่านหนังสือมาตลอดเลยหรือ? พักผ่อนหน่อยเถอะ อ่านมานานขนาดไหนแล้วเนี่ย?”
ถึงปากจะบ่น แต่ใจยังนึกห่วงอยู่มาก
ที่เด็กคนนี้สอบได้คะแนนดีมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกนะ เธออ่านหนังสือตั้งแต่หกโมงกว่ายิงยาวถึงสี่ทุ่มเลย
แรงผลักดันในการเล่าเรียนของเธอไม่ใช่สิ่งที่จะเอาคนอื่นมาเทียบได้ด้วยซ้ำ
เซี่ยหนานโอดครวญ ถ้าเด็กทุกคนตั้งใจแบบนี้ก็เก่งกันหมดแล้วละ
เสี่ยวเถียนยังอ่านหนังสือสะสมไม่ถึงสิบชั่วโมงเลย แต่ก็ยังฟังที่อาจารย์บอกอยู่ดี
เธอวางหนังสือแล้วปีนลงมา
พอนึกได้ว่านี่ก็ดึกมาก และผ่านมาสี่ห้าชั่วโมงได้นับตั้งแต่กินข้าว จึงเดาได้ว่าอาจารย์น่าจะอยากกินข้าว
“อาจารย์หิวไหมคะ? เรามีเกี๊ยวอยู่ อยากกินหรือเปล่า?”
ปกติเซี่ยหนานไม่กินข้าวเวลานี้
แต่เธอกินข้าวไวมาก จึงหิวสุด ๆ
แถมเราเคยลำบากมาก่อน เลยกลัวว่าของดี ๆ จะเสียไปเปล่า ๆ
“งั้นเรามากินกันเถอะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เด็กสาวจึงนั่งลงหยิบกล่องเปล่าออกมาจากกระเป๋า
แต่จริง ๆ เธอใส่ไว้ในระบบน่ะ
อาหารพวกนี้คงอยู่ไม่รอดหรอก อากาศร้อนขนาดนี้ถ้าไว้ข้างนอกคงเสียไปหมดแล้วละ
“ดมก่อนดีไหม เผื่อเสียน่ะ?”
เซี่ยหนานเป็นกังวลเรื่องอากาศเหมือนกัน จึงกลัวจะเผลอกินแล้วท้องไส้ปั่นป่วน
เสี่ยวเถียนยิ้ม “ไม่กี่ชั่วโมงเองค่ะ คงไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวหนูเอาไปอุ่นก่อนนะ”
ที่อ้างว่าไปอุ่นเพราะจะเอาออกมาจากระบบนี่แหละ
ตอนนี้น่าจะยังอุ่นอยู่
ถ้าไม่บอกไปแบบนั้นความลับแตกแน่
แม้จะชอบเซี่ยหนาน แต่ความลับนี้ไม่สามารถให้ใครรู้ได้
ส่วนเซี่ยหนานกำลังคิดว่าถ้ากินอาหารเย็น ๆ คงไม่ดีเท่าไร เลยพยักหน้ารับ
บทสนทนาระหว่างทั้งสองปลุกเซียวหย่วนหยางให้ตื่นขึ้น
เขาลุกขึ้นนั่ง พลันรู้สึกถึงท้องร้องโครกครากเพราะคำว่าเกี๊ยว
ปกติเขาจะเอาอาหารมาด้วยอยู่แล้ว แต่มันไม่ใช่เกี๊ยว มีแค่แป้งทอดและขนมปัง
สายตาเหลือบมองอิ่นหรูอวิ๋นที่นอนอยู่เตียงบน อยากจะให้อีกฝ่ายไปเอาน้ำร้อนมาเขาจะได้กินข้าว
แต่หญิงสาวเหมือนหลับลึกมาก จ้องอยู่นานกลับไม่มีท่าทางว่าจะตื่นสักนิด
จริง ๆ อิ่นหรูอวิ๋นตื่นอยู่แล้ว
แต่ไม่อยากเผชิญหน้ากับเซียวหย่วนหยางชายร่างอ้วนคนนี้
เธออยากนอนเงียบ ๆ คนเดียว
เซียวหย่วนหยางขมวดคิ้วแน่น สุดท้ายก็ยอมแพ้
ตอนนี้คนอยู่เยอะ จึงไม่สามารถตะคอกหรือลงไม้ลงมือได้
เขาหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม เย็นเจี๊ยบ
มันเป็นขวดน้ำธรรมดาน่ะ
ต่างกับแก้วเก็บอุณหภูมิของเสี่ยวเถียน พอขึ้นรถไฟก็เย็นหมดแล้ว
ในเมื่ออิ่นหรูอวิ๋นหลับ ตนจำต้องไปเอาน้ำร้อนมาด้วยตัวเอง
เซี่ยหนานมองอีกฝ่ายที่เดินออกไปก่อนจะร้องเหอะออกมา
ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนดี
อายุรุ่นพ่ออิ่นหรูอวิ๋นได้เลยมั้ง แต่กลับลงมือกับผู้หญิงวัยเท่านี้เนี่ยนะ ไม่อายบ้างหรือ?
ตอนโอบกอดเธอไม่คิดถึงเมียกับลูกอีกสามคนที่บ้านเลยหรือ?
ถึงจะไม่ชอบคนแบบอิ่นหรูอวิ๋น แต่เธอรังเกียจคนแบบเซียวหย่วนหยางมากกว่า
เพราะตอนตัวเองสาว ๆ ก็เคยได้สามีเลว ๆ มาเหมือนกัน
ชายร่างอ้วนได้ยินเสียงสบถ แต่ไม่สนใจ
ตั้งแต่ได้พบกับเซี่ยหนาน ทุกอย่างล้วนแย่ไปหมด
ถึงจะทำเรื่องไม่เหมาะสมในต่างถิ่น แต่ไม่ได้ละเลยภรรยากับลูกที่เมืองหลวงหรอกนะ
แค่ตระกูลเซียวไม่สามารถพาตนกลับไปได้ เลยรอภรรยาช่วยเหลือเท่านั้น
ถ้าเกิดเซี่ยหนานเอาไปบอกครอบครัวเขา ชายอ้วนก็กลัวภรรยาจะโมโหจนขอหย่าเอาน่ะสิ
เซียวหย่วนหยางเดินเอื่อยเฉื่อยมาจนถึงห้องต้มน้ำ สายตาเห็นเสี่ยวเถียนที่เพิ่งอุ่นเกี๊ยวเสร็จพอดี
ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่งดงามและสดใสของอีกฝ่ายทำเขามีน้ำโห
จึงจ้องด้วยสายตาดุร้าย
เสี่ยวเถียนเห็นแล้ว
แต่ไม่คิดจะเสวนาด้วย
พอเราเดินมาเผชิญหน้ากัน เซียวหย่วนหยางเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น
“ซูเสี่ยวเถียน แกทำให้ฉันต้องตกระกำลำบาก!”