เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 986 ขอบคุณมาก
บทที่ 986 ขอบคุณมาก
บทที่ 986 ขอบคุณมาก
ถ้าเซี่ยหนานรู้ว่าเสี่ยวเถียนมักจะทำตัวแบบนี้ทุกครั้งที่เดินทางบนรถไฟ เธอคงเสียใจมากที่คิดพาเด็กคนนี้มา
เสี่ยวเถียนอธิบายให้ฟังอย่างเรียบง่าย
“แค่ติดใจสงสัยคนพวกนั้นเลยเข้าไปแย่งเด็กน่ะหรือ?”
เซี่ยหนานตกใจ
เสี่ยวเถียนดูไม่เหมือนพวกไม่คิดหน้าคิดหลังด้วยซ้ำ ทำไมถึงใจกล้าขนาดนี้?
เกิดจับผิดตัวโดนเขาตบใครก็ช่วยไม่ได้นะ
“พฤติกรรมของพวกเขาแปลก ๆ น่ะค่ะ” เสี่ยวเถียนยิ้ม “อีกอย่างถ้าหนูจับผิดตัวก็แค่ขอโทษแล้วก็จ่ายเงินให้เอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่สักหน่อย”
เซี่ยหนาน “…”
เอาเถอะ พวกมีเงินเรื่องแค่นี้คงขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก
“วันหลังจะทำแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วนะ ถ้าเจอเรื่องอะไรต้องรีบหาคนไปช่วยสิ”
เซี่ยหนานเข้าใจแล้วว่าทำไมบ้านซูอยากให้หลานชายคอยดูแลเสี่ยวเถียน ก็เจ้าตัวอาจหาญเสียขนาดนี้
“เข้าใจแล้วค่ะ” เสี่ยวเถียนแย้มยิ้ม
อิ่นหรูอวิ๋นลุกขึ้นนั่ง แล้วจ้องอีกฝ่ายอยู่นาน
จู่ ๆ ก็เอ่ยถามขึ้นว่า
“ซูเสี่ยวเถียน เธอไม่กลัวเลยหรือ?”
พวกค้ามนุษย์เป็นพวกไร้กฎหมายนะ
เสี่ยวเถียนแปลกใจมากที่อีกคนในห้องเป็นฝ่ายคุยด้วย
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่กลัวหรอก แค่ห่วงว่าเกิดพวกมันเอาเด็กลงรถไฟไปได้จะตามจับตัวยากน่ะ”
อิ่นหรูอวิ๋นเงียบ
ซูเสี่ยวเถียนเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมากจริง ๆ
ตอนนี้เธอไม่ได้มองอีกฝ่ายด้วยอคติอีกต่อไป นึกย้อนกลับไปตอนที่เสี่ยวเถียนได้เป็นหัวหน้าคณะ เจ้าตัวก็ตั้งใจทำงานและทำได้ดีเสมอ
“ซูเสี่ยวเถียน เธอสุดยอดมากเลยนะ!”
อิ่นหรูอวิ๋นเอ่ยด้วยความจริงใจ
แม้แต่เซี่ยหนานที่ได้ยินยังประหลาดใจเลย
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ ฉันจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง!” หญิงสาวรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก
ใช่ เริ่มต้นใหม่
ในตอนนั้นเองมีคนมาหาเราที่ห้องโดยสาร
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตำรวจอาวุโสนั่นเอง
พอเห็นเด็กสาว ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา
“สหายตัวน้อย พ่อแม่เด็ก ๆ อยากมาขอบคุณน่ะ ฉันก็เลยพามา”
เสี่ยวเถียนช่วยพวกเขาไว้เยอะเลย
หลังจากสอบปากคำสั้น ๆ ก็พบว่าสองชายหญิงทำเรื่องชั่วร้ายจนเป็นนิสัย
เขาลงมือทำความชั่วบนรถไฟมานานแล้ว
ครั้งนี้เราจับมันไว้ได้ ถือเป็นบุญคุณอันยิ่งใหญ่
บางทีอาจจะได้เลื่อนยศเลยก็ได้
ต้องขอบคุณสาวน้อยคนนี้จริง ๆ
“สหาย เธอช่วยลูกของเราเอาไว้” หญิงวัยสามสิบกว่าคุกเข่าลงตรงหน้า
ทั้งเสี่ยวเถียนและตำรวจได้แต่ยืนสับสน
เกิดอะไรขึ้น? ทำไมต้องคุกเข่า?
“พี่สาวอย่าทำแบบนี้เลยค่ะ รีบลุกขึ้นเถอะ เราอยู่ในยุคสมัยใหม่แล้วนะ พี่จะคุกเข่าแบบนี้ไม่ได้” เสี่ยวเถียนรีบดึงเธอขึ้นยืน
ด้วยความที่แข็งแกร่งจึงดึงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นได้ไม่ยาก
ว่าฝ่ายคนเป็นแม่ไม่สามารถคำนับได้แล้ว
“สหาย ให้ฉันคุกเข่าคำนับเถอะนะ ฉันเพิ่งมีเขาเป็นคนแรกตอนอายุสามสิบน่ะ ลูกจึงมีค่าราวกับไข่มุก แต่ไม่คิดว่าเผลอแค่ครู่เดียวจะเกิดเรื่องขึ้น ถ้าไม่ได้เธอช่วยไว้ ฉันคงไม่สามารถเอาลูกกลับมาได้แล้ว”
เธอเอ่ยด้วยความหวาดกลัว
ตนพยายามตั้งครรภ์มาหลายครั้ง แต่กลับไม่เคยราบรื่นเลย
พ่อแม่สามีไม่พอใจมาก พยายามบีบคั้นอยู่เสมอ
ด้วยความผิดหวังจึงตั้งใจว่าจะหย่ากับสามีแล้วปล่อยให้เขาไปหาภรรยาใหม่
แต่กลายเป็นว่ากลับท้องเสียอย่างนั้น
แถมคนนี้ยังคลอดออกมาได้สำเร็จด้วย ทำให้ความสัมพันธ์ในบ้านกลมเกลียวขึ้น
เด็กคนนี้เป็นเหมือนชีวิตหนึ่งของเธอ
ถ้ากลับไปพร้อมกับข่าวที่ว่าลูกหายตัว ครอบครัวคงพังทลายแน่
“พี่สาว เจ้าพวกนั้นมันเป็นพวกน่ารังเกียจ ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องช่วยอยู่แล้วค่ะ” เสี่ยวเถียนจับมืออีกฝ่ายแล้วพาไปนั่งที่เตียง
“แล้วน้องไม่เป็นไรใช่ไหมคะ? เขาตื่นหรือยัง?”
เสี่ยวเถียนตรวจชีพจรให้แล้ว เด็ก ๆ โดนวางยา จะตื่นขึ้นก็ต่อเมื่อยาหมดฤทธิ์น่ะ
“ลูกฉันหลับอยู่น่ะ เสี่ยวโจวกำลังช่วยดูแลให้อยู่” หญิงสาวหลั่งน้ำตา
การเดินทางในครั้งนี้สร้างความทุกข์ทรมานให้ลูกเธอมาก
ทำไมจะไม่เสียใจล่ะ?
“แต่บนรถไฟไม่มีหมอ ฉันเลยไม่รู้ว่าเขาสบายดีไหม” ว่าจบก็ยกมือปิดหน้า
เสี่ยวเถียนเดาว่าคนเป็นแม่เห็นลูกไม่ตื่น จึงเป็นห่วงเรื่องสุขภาพเขา
หากมีผลกระทบขึ้นมา คงได้ส่งผลไปชั่วชีวิตแน่
“พี่สาว หนูมีความรู้ทางการแพทย์อยู่บ้างค่ะ ก่อนหน้านี้หนูตรวจชีพจรให้แล้ว ถ้าเขาตื่นแล้วก็หายห่วง แต่ถ้ายังกังวลรอไปโรงพยาบาลหลังจากลงรถไฟนะ”
เสี่ยวเถียนลูบหลังปลอบเบา ๆ
หญิงสาวไม่คาดคิดเลยสักนิด
“จริงหรือน้องสาว? ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” น้ำเสียงเธอยังมีความกังวล
เธอห่วงว่าเกิดได้รับสารพิษเข้าไปเยอะ แล้วทำให้ลูกกลายเป็นคนสติไม่ดีจะทำยังไง?
“ไม่เป็นไรแน่นอนค่ะพี่สาว ไว้ลูกพี่ตื่นแล้วลองไปคุยและสังเกตดูนะคะ”
สรรพนามจากคำว่าสหายกลายเป็นน้องสาวทำให้เสี่ยวเถียนเผยยิ้ม
ไม่มีใครรู้จักลูกตัวเองดีไปกว่าคนเป็นแม่แล้ว เธอย่อมบอกได้ทันทีแน่นอน
“แล้วอีกนานแค่ไหนกว่าเขาจะตื่นหรือ?” หญิงสาวเอ่ยอย่างมีความหวัง
“อีกสักพักเดี๋ยวก็ตื่นแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนเป็นแม่เตรียมไปหาลูกทันที
ตอนนั้นเองที่เธอฉุกคิดอะไรขึ้นได้
เธอรีบหยิบกระดาษออกมาแล้วยื่นให้เสี่ยวเถียน
“น้องสาว นี่คือที่อยู่บ้านเราเอง ถ้าต้องการอะไรมาหาฉันได้เสมอเลยนะ”
ในนั้นเขียนที่อยู่เอาไว้
หญิงสาวรู้สึกขอบคุณเสี่ยวเถียนมาก ๆ ที่ช่วยลูกเธอไว้ แต่เพราะกำลังเดินทางจึงไม่ค่อยสะดวกเท่าไร
เธอไม่ได้เอาของมีค่าติดตัวมามากจึงไม่สามารถแสดงความขอบคุณได้ เลยตัดสินใจทิ้งที่อยู่เอาไว้
ถ้าทำแบบนี้จะได้มีโอกาสตอบแทนโดยเฉพาะ
“บ้านเธออยู่ในเมืองหลวงหรือเปล่า? ไม่งั้นบอกที่อยู่เธอมาก็ได้นะ เดี๋ยวฉันส่งจดหมายไปหา”
หญิงสาวจับมือเสี่ยวเถียนด้วยความตื่นเต้น
เสี่ยวเถียนไม่ได้เปิดกระดาษดูหรอก แต่หยิบสมุดออกมาแล้วจดที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ของตัวเองลงไป ก่อนฉีกหน้านั้นให้อีกฝ่าย
“บ้านหนูอยู่เมืองหลวงค่ะ อันนี้เป็นที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์นะคะ”
หญิงสาวแย้มยิ้มทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
++++++++++++++++++++++++++++