เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 11 ฉินหงเหยียน
พอนึกถึงเรื่องที่เย่เฉินจัดการอันธพาลที่หวังจื้อเฉียงส่งไปจัดการเขาได้อย่างง่ายดาย คนตระกูลหวังก็เริ่มกังวล
หวังจื้อเฉียงกล่าวต่อ “ทุกท่าน เดียรัจฉานที่ชื่อเย่เฉินมีความสามารถในการต่อยตีอยู่บ้าง ฝีมือเขาไม่ธรรมดาเลย ผมเดาว่าเขาอาจไปหาเศรษฐีในอวิ๋นโจวแล้วสมัครเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว ทุกท่านครับ ใครจะสามารถตัดอาชีพทางนี้ของเขาได้บ้างครับ?”
แล้วทั้งงานก็ตกอยู่ในความเงียบ เศรษฐีในอวิ๋นโจวมีมากจนเกินไป ใครก็ไม่กล้าพูดว่ารู้จักคหบดีทั้งอวิ๋นโจวและยังมีสิทธิ์ห้ามพวกเขา
แต่ในเวลานี้เอง หญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งเงียบอยู่นาน จู่ๆ ก็เปล่งเสียงหัวเราะที่ทรงเสน่ห์เย้ายวนใจออกมา
ทุกคนมองตามที่มาของเสียง พลันเห็นเจ้าของเสียงเป็นหญิงสาวงดงามในชุดสูทสีแดงกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่!
ดูไปแล้วหญิงสาวอายุเพิ่งจะสามสิบต้นๆ แต่กลับเต็มไปด้วยเสน่ห์สะพรั่งของหญิงสาวเต็มวัย
ผิวพรรณขาวผ่อง ริมฝีปากแดงเซ็กซี่ ชุดกระโปรงสั้นรัดรูป ชวนให้คนคิดไม่ดีด้วย
“โอ้ คุณฉินมาถึงเมื่อไหร่? เสียมารยาทแล้ว ต้องขอโทษด้วย!”
หลังจากที่หวังจื้อเฉียงเห็นหญิงสาวแล้วก็กุลีกุจอเดินไปหาอีกฝ่าย
หม่าเสินมองหญิงสาวผู้นี้อย่างหลงใหล ตบบ่าหวังจื้อเฉียงแล้วกล่าวถาม
“คุณหวัง คนสวยคนนี้คือใครครับ? ช่วยแนะนำหน่อย”
หวังจื้อเฉียงมองหม่าเสินด้วยสายตาเหยียดหยาม หม่าเสินนี่สังคมแคบจริงๆ ด้วย กระทั่งสุภาพสตรีผู้นี้เขาก็ไม่รู้จัก!
หวังจื้อเฉียงจึงกล่าวว่า “สุภาพสตรีท่านนี้ก็คือรองผู้บริหารบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปที่โด่งดัง ฉินหงเหยียน คุณฉิน!”
“อะไร? รองผู้บริหารบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเหรอ?”
พวกหม่าเสินตกใจ พวกเขาต่างก็รู้อิทธิพลของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปในเมืองอวิ๋นโจว
เป็นรองผู้บริหารของบริษัทแห่งนี้ได้ต้องไม่ธรรมดา
ฉินหงเหยียนอายุน้อยแบบนี้แต่เป็นรองผู้บริหารของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปทำให้คนอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าหล่อนได้มีเส้นสายอะไรหรือไม่
จู่ๆ เย่เฉินก็ขมวดคิ้วมุ่นแล้วมองฉินหงเหยียนอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วตกใจ “คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนจากบริษัทของเรา”
หวังจื้อเฉียงหัวเราะ “เศรษฐีในอวิ๋นโจวมีมาก เพื่อนของครอบครัวที่เรารู้จักยังมีไม่ถึงสองในสามด้วยซ้ำไป แต่หากมีคนบอกว่าตนเองรู้จักเศรษฐีทั้งอวิ๋นโจวแล้วยังสนิทสนมกับพวกเขาเป็นอย่างดี อย่างนั้นผมเชื่อเลยว่าทั้งเมืองอวิ๋นโจวคงจะมีแค่คุณฉินแค่คนเดียว!”
พอได้ยินคำพูดของหวังจื้อเฉียง หม่าเสินก็รีบเยินยออีกฝ่ายทันที “คุณฉินสวยขนาดนี้ เกรงว่าคงเป็นคนที่เศรษฐีทั้งอวิ๋นโจวอยากจะรู้จักกระมัง!”
ฉินหงเหยียนเลิกคิ้ว “ดูพวกคุณพูดกันเข้าเหมือนว่าฉันกับพวกเศรษฐีในอวิ๋นโจวมีอะไรในกอไผ่กัน”
“ต้องขอโทษด้วยครับผมปากพล่อยเอง”
หม่าเสินรีบก้มหัวเพื่อโค้งขอโทษอีกฝ่าย สายตาจับจ้องไปที่รองเท้าส้นสูงสีแดงของฉินหงเหยียนแล้วอดกลืนน้ำลายไม่ได้
หวังจื้อเฉียงมองฉินหงเหยียน “คุณฉินรบกวนคุณช่วยยื่นมือเข้ามาช่วยตัดทางทำมาหากินของเย่เฉินด้วยเถอะครับ!”
ในเมื่อฉินหงเหยียนปรากฏตัวขึ้นในงานเลี้ยงวันเกิดของคุณนายหวังนั่นย่อมแปลว่าเจ้าตัวมีสัมพันธ์อันดีกับคนตระกูลหวัง
ช่วงนี้ตระกูลหวังปรนเปรอฉินหงเหยียนไม่น้อยเพื่อที่จะได้รับเงินลงทุนจำนวนเจ็ดสิบล้านหยวนจากบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป
หากไม่ใช่เพราะจู่ๆ บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเปลี่ยนผู้บริหาร ฉินหงเหยียนก็คงจะให้เงินลงทุนที่ว่านั่นแก่ตระกูลหวังแล้ว
แต่ฉินหงเหยียนย่อมต้องมีวิธีการในการลงมือโดยไม่ต้องฟังคำสั่งของหวังจื้อเฉียง
ในแวดวงสังคมชั้นสูงในอวิ๋นโจว ทุกคนต่างก็รู้ว่าฉินหงเหยียนจัดการพวกผู้ชายรวยๆ เสียจนอยู่หมัดไม่ใช่ผู้ชายเป็นคนควบคุมเจ้าหล่อน
ฉินหงเหยียนไม่ได้ตอบแต่กลับหยิบบุหรี่หอมสำหรับผู้หญิงยี่ห้อคาปรีจากกล่องใส่บุหรี่ที่เรียบง่ายออกหนึ่งมวน
บุหรี่สำหรับสตรียี่ห้อคาปรีก็เหมือนกับตัวฉินหงเหยียนที่เรียวผอมเพรียว กลิ่นที่โชยออกมาเผยให้เห็นถึงเสน่ห์ที่เย้ายวนและอ่อนหวานของอิสตรี
บุหรี่ประเภทนี้ไม่ขายในประเทศจึงมีราคาสูงกว่าบุหรี่ทั่วไป ทว่าเย่เฉินเคยสูบครั้งหนึ่งที่เมืองนอก
“รสของบุหรี่นี้เย็นสดชื่น ไม่รู้ว่าตัวฉินหงเหยียนจะมีรสแบบนี้หรือเปล่า?”
เย่เฉินอดคิดเหลวไหลไม่ได้ สตรีผู้นี้ช่างมีเสน่ห์เสียเหลือเกิน!
ฉินหงเหยียนนั่งไขว่ห้าง มือขวาหนีบมวนบุหรี่ไว้ในมือ เหล่าผู้ชายที่อยู่ข้างๆ กุลีกุจอหยิบไฟแช็คออกมาเตรียมจะจุดไฟให้เจ้าหล่อน!
หม่าเสิน จงเหว่ย หวังจื้อเฉียงรวมไปถึงหวังจื้อหย่วนด้วย!
เมื่อเห็นภาพตรงหน้าเย่เฉินก็หลุดหัวเราะออกมา นี่มันเหมือนกับฉากในภาพยนตร์เรื่องมาเลน่า ผู้หญิงสะกดโลก!
เพียงแต่ว่าฉินหงเหยียนคนนี้เซ็กซี่และเต็มไปด้วยความเป็นสตรีเพศมากกว่าโมนิกา เบลลุชชีมากนัก!
แต่ใครจะรู้ฉินหงเหยียนคนนี้จะไม่เลือกชายหนุ่มข้างกายตนเอง
เธอมองเย่เฉินแล้วกระดิกนิ้ว “มานี่”
น้ำเสียงที่ทุกคนพูดกับเย่เฉินนั้นไม่ค่อยดีนักแต่น้ำเสียงที่ฉินหงเหยียนพูดกับเขากลับนุ่มนวลอย่างยิ่ง
“ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลย สมแล้วที่เป็นรองผู้บริหารของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป”
เย่เฉินคิดในใจ เขาสนใจในตัวรองผู้บริหารของตนเองอย่างยิ่งจึงสาวเท้าเดินไปหาอีกฝ่าย
ฉินหงเหยียนมองเย่เฉินแล้วโปรยยิ้มหวาน “นาย จุดไฟให้ฉันหน่อย”
เหล่าสุภาพบุรุษที่ถือไฟแช็คเอาไว้ในมือต่างก็ชะงักค้างไป!
“ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณฉินจะให้สวะนั่นจุดไฟให้หล่อน!”
“ไม่เข้าใจเลย สวะนั่นไร้ประโยชน์จะแย่!”
ในสายตาผู้ชายในสังคมชั้นสูงของเมืองอวิ๋นโจวเห็นการจุดไฟแช็คให้ผู้หญิงเป็นเรื่องที่มีเกียรติมากเลยหรือ?
เย่เฉินตอบกลับห้วนๆ “ไม่มีไฟแช็ค!”