เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 122 ขอโทษด้วยนะเย่เฉิน
ฟางเชาชี้ฉินหงเหยียนอย่างโมโห “ฉินหงเหยียน! แกกล้าสอนฉันเหรอ? มีสิทธิ์มาสอนฉัน! แกมันเป็นตัวอะไร!”
บวกกับที่ก่อนนี้ฟางเชาเคยโดนฉินหงเหยียนตบเขาที่ห้องทำงานของหล่อน รวมๆ ไปแล้วเขาโดนหญิงสาวตบหน้ามาสามครั้งแล้ว
เขาจึงหวาดกลัวหญิงสาวผู้นี้จับใจ
ฉินหงเหยียนวางมาด หล่อนกล่าวพลางปรายตามองลงมา “ฉันคือคนอาวุโสเท่าพ่อนาย นายเด็กกว่าฉันรุ่นหนึ่ง ทำไมฉันจะสั่งสอนนายไม่ได้! แล้วอีกอย่างนะนายรู้ไหมพ่อนายน่ะเวลาอยู่ต่อหน้าฉันเลียแข้งเลียขาฉันจะตาย นายยังกล้าถามว่าฉันเป็นตัวอะไรเหรอ?”
พอได้ยินคำพูดที่วางท่าของฉินหงเหยียนแล้ว แขกในโต๊ะอื่นๆ ก็พากันเยาะเย้ยฟางเชา
สิ่งที่ฉินหงเหยียนพูดนั้นถูกต้อง หล่อนที่เป็นผู้บริหารหญิงที่สวยที่สุดในอวิ๋นโจว เจ้าของกิจการจำนวนมากต่างก็แสนจะต่ำต้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาว
ก่อนนี้ตอนที่ตระกูลฟางยังไม่ล้มละลาย ฟางเสียนจู่ก็ยังอ่อนน้อมถ่อมตัวเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าฉินหงเหยียน
ทั้งประจบประแจงเอาใจ ให้ของกำนัล นัดกินข้าว เรื่องพวกนี้ฟางเชาเองก็เห็นเองกับตา
และเพราะฉินหงเหยียนพูดเรื่องจริง ดังนั้นฟางเชาจึงไม่กล้าเถียงหญิงสาว โดนหล่อนดูถูกก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
เย่เฉินมองฉินหงเหยียน เขาส่งยิ้มและผงกศีรษะให้หล่อนน้อยๆ เพื่อแสดงความขอบคุณ
“คุณมาทำอะไรที่นี่?” เย่เฉินถาม
ฉินหงเหยียนเองก็ส่งยิ้มให้เย่เฉินน้อยๆ
เย่เฉินในตอนนี้ไม่ใช่หัวหน้าของหล่อนอีกต่อไป
ในทางกลับกันฉินหงเหยียนเป็นประธานบริษัทมหาชน แต่เย่เฉินเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไป
ทว่าแววตาที่ฉินหงเหยียนมองมาที่เย่เฉินนั้น ยังเต็มไปด้วยความนับถือและรักใคร่เช่นเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น
เวลานี้เย่เฉินถึงได้พบว่าดวงตาของฉินหงเหยียนยังงดงามเหมือนเดิม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ดวงตาของหล่อนมีเขา…
ฉินหงเหยียนกล่าวเสียงเรียบ “มาเป็นเพื่อนลูกค้า เขาชอบอาหารของที่นี่”
ในเวลานี้ซ่งหงเย่และหวังเจียเหยาสบตากันด้วยความผิดหวัง
“น่าตายจริงๆ ฉินหงเหยียนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!”
ซ่งหงเย่โอดครวญเสียงเบา
พอจะมองออกว่าฉินหงเหยียนข่มฟางเชาที่อวดดีได้อยู่หมัด
ถ้าหากว่าฟางเชาไม่หาเรื่องเย่เฉินต่อ อย่างนั้นแล้วพวกเขาก็จะไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการจะทดสอบว่าเย่เฉินโกหกหรือไม่
ฉินหงเหยียนซาบซึ้งใจในตัวเย่เฉินอย่างมาก ดังนั้นวันนี้เมื่อเขาเกิดเรื่อง หล่อนจะต้องช่วยจนสุดความสามารถ
ฉินหงเหยียนมองฟางเชาอีกครั้งแล้วกล่าว “ไสหัวกลับบ้านายไปเถอะ อย่ามาทำตัวน่าขายหน้าแถวนี้เลย เย่เฉินเป็นคนของฉัน ตอนนี้ฉันเป็นประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป ถ้านายคิดว่าตระกูลฟางของนายตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉันได้ล่ะก็ ลองดูก็ได้”
“สุดยอด สาวสวยขนาดนี้เป็นประธานบริษัทเลยเหรอเนี่ย?”
“อายุยังน้อยแบบนี้ก็เป็นประธานบริษัทแล้วเหรอ? ดูไปแล้วน่าจะอายุแค่ 27-28 เองล่ะมั้ง? หรือว่าจะอายุ 30-40 แล้วแต่ดูแลตัวเองดีเหรอ?”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปสมัครเป็นรปภ.ที่บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป!”
ผู้หญิงสวยๆ อย่างฉินหงเยียน แค่เดินในห้างสรรพสินค้าก็ทำให้คนต้องหันมองแล้ว
ตอนนี้เมื่อคนอื่นรู้ว่าหล่อนเป็นประธานบริษัทก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มทั้งหลายพ่ายแพ้อยู่ใต้ฝ่าเท้าหล่อน ส่วนหญิงสาวทั้งหลายก็อิจฉาหล่อน
ทว่าในตอนที่ทุกคนกำลังดื่มด่ำกับการเห็นคนสวยๆ อย่างฉินหงเหยียนจัดการความวุ่นวายอยู่
ผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งคนหนึ่ง จู่ๆ ก็เดินผ่านมา
“ใครคือประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป?”
เย่เฉิน หวังเจียเหยาและซ่งหงเย่ต่างก็มองไปทางเสียงนั้น
แววตาหวังเจียเหยาและซ่งหงเย่วูบไหวทันที
คนที่มาก็คือหลิ่วอวี่เจ๋อ!
ใบหน้าเก้อเขินของฟางเชาก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นมา
ถึงแม้ว่าฟางเชาและหลิ่วอวี่เจ๋อมาถึงอวิ๋นโจวต่อๆ กัน ทว่ากลับมาที่ห้างสรรพสินค้าของต้าเยว่เฉิงด้วยกัน
ที่เมื่อครู่หลิ่วอวี่เจ๋อไม่ออกหน้าเพราะเขาอยากให้ฟางเชาเริ่มก่อน
เห็นเย่เฉินคนขี้ขลาดไม่ยอมลงมือทำร้ายฟางเชาสักที คิดไม่ถึงว่าจะอาศัยผู้หญิงแล้วเขาก็รอดตัวเสียอย่างนั้น
หลิ่วอวี่เจ๋อไม่หวาดกลัวเขาอีกต่อไปและออกหน้าเอง
หลิ่วอวี่เจ๋อเดินมาตรงหน้าฉินหงเหยียนแล้วมองประเมินอีกฝ่าย แววตาฉายแววตกตะลึงก่อนจะถาม
“คุณคือฉินหงเหยียนประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปคนใหม่เหรอ?”
ฉินหงเหยียนรู้สึกว่าชายตรงหน้านี้ออกจะหน้าคุ้นๆ อยู่หน่อยๆ เหมือนกัน แต่ก็คิดไม่ออกว่าเคยเจอเขาที่ไหนจึงเอ่ยถาม
“คุณคือ?”
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะร่วน “อ่อง่ายๆ เลยผมก็คือหลิวอวี่เจ๋อที่เป็นคนปั่นหุ้นบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป ”
“อะไรนะ?!”
พอได้ยินเรื่องนี้ฉินหงเหยียนก็หวาดกลัวขึ้นมาอีกครั้ง
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาความวุ่นที่เกิดขึ้นกับบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเป็นฝีมือหลิ่วอวี่เจ๋อ
ถึงขนาดที่ทำให้เย่เฉินต้องโดนที่บ้านตำหนิและโดนปลดจากตำแหน่งประธานบริษัทเพราะเรื่องนี้
หลิ่วอวี่เจ๋อเหล่มองเรือนร่างและวงหน้างดงามของฉินหงเหยียนไม่หยุด กล่าวพลางทอดถอนใจ “คิดไม่ถึงว่าอวิ๋นโจวที่เป็นพื้นที่ด้อยพัฒนาแบบนี้จะมีผู้หญิงสวยสุดยอดแบบนี้…หาได้ยากจริงๆ”
หน้าหวังเจียเหยาเปลี่ยนสีน้อยๆ แล้วจิบชาอึกใหญ่
หล่อนย่อมรู้ว่าสาวสวยอีกคนที่หลิ่วอวี่เจ๋อพูดถึงก็คือหล่อน
หวังเจียเหยาสามารถสนิทสนมกับหลิ่วอวี่เจ๋อได้ในที่ส่วนตัว
แต่ตอนนี้สามีของหล่อนก็อยู่ด้วย หล่อนทำได้เพียงแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขา
หลิ่วอวี่เจ๋อคิดในใจ “เย่เฉินคนสารเลวคนนี้ดวงดีมากทีเดียว มีภรรยาก็เป็นคนสวยที่มีในรอบพันปี ในบริษัทก็มีลูกน้องสวยๆ อย่างฉินหงเหยียน”
หลิ่วอวี่เจ๋อมองฉินหงเหยียนแล้วกล่าว “คุณฉิน คุณนี่บ้าดีเดือดใช้ได้เลยนะ ใช้สถานะประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปมาข่มลูกพี่ลูกน้องผม แถมยังพูดด้วยว่า ‘ถ้าคิดว่าตระกูลฟางกล้ามีปัญหาก็ลองดู’อะไรทำนองนี้ด้วยน่ะ ฮ่าๆ ตระกูลฟางอาจจะไม่กล้า แต่ตระกูลหลิ่วของผมไม่มีปัญหานะ! เดิมทีพอเย่เฉินออกจากตำแหน่งประธานบริษัทแล้ว ผมตั้งใจว่าจะไม่เล่นงานบริษัทคุณแล้ว แต่ในเมื่อวันนี้คุณแส่หาเรื่อง อย่างนั้นก็อย่าโทษที่ผมจะเล่นงานบริษัทคุณอีกครั้งเอาให้พวกคุณล้มละลายไปเลย! พอถึงตอนนั้นผมก็อยากจะดูว่าคุณจะเป็นประธานต่อยังไง!”
คำพูดของหลิ่วอวี่เจ๋อกระแทกเข้ากลางใจฉินหงเหยียน
หล่อนที่วางท่าโอหังมาตลอดไม่กล้าพูดอะไร
หล่อนรู้ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อมีศักยภาพทำให้หล่อนไม่มีอะไรเหลือแน่ เขาสามารถทำให้ทั้งบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปล่มสลายหายไป!
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวพลางยิ้ม “คุณผู้หญิง ขอแค่คุณไปเดี๋ยวนี้ เลิกยุ่งกับเรื่องนี้ ผมจะปล่อยบริษัทคุณไป คุณก็จะได้เป็นท่านประธานของคุณต่อ ว่ายังไงล่ะ?”
ฉินหงเหยียนกัดริมฝีปาก หล่อนเกลียดการโดนคนขู่เป็นที่สุด เกลียดคนทำเรื่องสกปรก!
แต่ว่าบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปไม่ใช่บริษัทของหล่อนเพียงคนเดียว
หากวันนี้เพราะหล่อนทำให้บริษัทล้มละลาย ผู้ถือหุ้นทั้งหมดต้องโทษหล่อนแน่!
เย่เฉินรู้ว่าฉินหงเหยียนจะลำบาก จึงรีบลุกขึ้นคว้าแขนฉินหงเหยียนลากหล่อนไปที่ประตูแล้วกล่าว
“หงเหยียนวันนี้ได้เจอคุณ ผมดีใจมากเลย คุณไปเถอะ ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้หรอก”
ฉินหงเหยียนย่อมไม่ยินยอม “จะทำอย่างนั้นได้ยังไง คุณแต่งตั้งให้ฉันเป็นประธานบริษัท วันนี้คุณมีเรื่องฉันจะไม่ช่วยได้ยังไง อย่างมากก็ไม่เป็นมันก็ได้ประธานบริษัทเนี่ย!”
เย่เฉินมองฉินหงเหยียนอย่างซาบซึ้งใจ “หงเหยียนผมรู้ว่าที่คุณพยายามมาหลายปี ทุ่มเทไปก็มากกว่าจะมีวันนี้ได้ ถ้าคุณต้องเสียสละทั้งหมดนี้เพื่อผม มันไม่คุ้มกันหรอก อีกอย่างตอนนี้คุณเป็นประธานบริษัทก็ต้องคิดถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นคนอื่น เชื่อผมคุณไปเถอะ ผมไม่เป็นอะไรหรอก”
เย่เฉินผลักฉินหงเหยียนเบาๆ จนหล่อนออกไปนอกร้านอาหาร
ฉินหงเหยียนกัดฟันกรอดแล้วเดินไปหน้าประตูลิฟต์ชั้นแรก เดินเข้าไปในลิฟต์กดชั้น ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง น้ำตาของฉินหงเหยียนก็ร่วงออกมา
“ขอโทษด้วยนะเย่เฉิน”