เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 144 สารภาพเรื่องในอดีต
เย่เฉินแอบรู้สึกได้ว่าหลังจากที่ครอบครัวของฉินหงเหยียนเกิดเรื่องแล้วจะต้องเกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้นมากตามมาแน่
ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้จะต้องหักมุม และรันทดสุดยอดแน่นอน
ในตอนเย่เฉินเตรียมใจจะฟังเรื่องราวในอดีตเมื่อสิบปีก่อนช้าๆ นั้นเอง
แต่ใครจะรู้ว่าประโยคต่อมาของฉินหงเหยียนจะเป็น “ตอนอายุ 20 ฉันเป็นชู้คนอื่นอยู่ 3 ปีค่ะ”
ประโยคนี้เกรงว่าจะเป็นเหมือนระเบิดกระแทกลงกลางหัวเย่เฉิน!
เขายังไม่รู้จะทำท่ายังไงด้วยซ้ำ เขาคิดว่าต่อให้ฉินหงเหยียนเกิดเรื่องไม่ดีอะไรบ้างก็คงจะเล่าเป็นเรื่องเป็นราว หลังจากเล่าประสบการณ์ชีวิตของหล่อนเสร็จแล้วถึงจะบอกผลสุดท้ายที่เกิดขึ้น
นี่คือเรื่องที่ไม่ว่าผู้หญิงคนใดก็อยากจะลืมไป แต่คิดไม่ถึงว่าฉินหงเหยียนจะพูดออกมาง่ายๆ แบบนี้
ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็ยืนนิ่งไปไม่ร้ว่าจะตอบอะไรดี
น้ำตารื้นขึ้นที่ปลายดวงตาของฉินหงเหยียน หญิงสาวสูบบุหรี่ต่อแล้วกล่าว
“ตอนนั้นย่าของฉันป่วยแต่ไม่มีเงินไปผ่าตัด น้องสาวของฉันอยู่ที่โรงเรียนก็โดนเพื่อนแกล้ง ส่วนฉันก็โดนคนต่างโรงเรียนตามตอแย เขาขับรถมาที่โรงเรียนฉันทุกวันแล้ว มาแทะโลมฉันบีบบังคับให้ฉันยอมเป็นแฟนเขา ฉันเคยฆ่าตัวตาย เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์ ต่อมามีผู้ชายคนหนึ่งยื่นมือมาช่วยฉันแก้ไขปัญหาทุกอย่าง”
เย่เฉินเองก็กำลังคีบซิการ์เอาไว้ในมือ แล้วนั่งฟังหล่อนเล่าประวัติที่ผ่านมาของตนเองเงียบๆ
“ผู้ชายคนนั้นก็คือเพื่อนของพ่อฉัน เขามีลูกสาวอายุเท่าฉันพอดี ตอนที่พ่อฉันยังอยู่ เขาก็มาดื่มเหล้าที่บ้านเราบ่อยๆ ฉันเห็นเขาเป็นญาติผู้ใหญ่ ฉันก็คิดว่าเป็นเพราะเขาสงสารฉันในฐานะที่เป็นเหมือนลูกเหมือนหลานถึงได้ช่วยฉัน แต่ว่าวันนั้นในรถของเขา เขาจับมือฉัน ถามว่าฉันยินดีจะคบหากับเขาหรือเปล่า ฉันถึงได้รู้ว่าเขาชอบฉัน ฉันลังเลอยู่นานแต่สุดท้ายก็ยอม”
เขามีเงินมากตอนนั้นเขาจัดเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเสินเฉิงแล้ว ฉันอยากจะให้ครอบครัวที่ฉันเหลืออยู่มีชีวิตที่เหมือนเดิม ส่วนตัวฉันเองก็อยากเป็นนักธุรกิจที่เก่งเหมือนพ่อกับแม่ จากนั้นฉันก็ดรอปเรียนแล้วตามเขาไปที่นั่นที่นี่ทั่วประเทศ ทั่วโลก ได้รู้จักคนจำนวนมาก เรียนรู้ว่าจะทำธุรกิจได้อย่างไร”
เย่เฉินฟังมาถึงตรงนี้ถึงได้เข้าใจ ว่าทำไมฉินหงเหยียนถึงได้สามารถกุมหัวใจเหล่าเศรษฐีในอวิ๋นโจวได้
ตอนหล่อนอายุ 20 ก็เริ่มคบค้าสมาคมกับพวกคนมีเงิน ย่อมต้องรู้ว่าจะควบคุมพวกเขาได้อย่างไร
แล้วฉินหงเหยียนก็กล่าวต่อ
“ฉันอยู่กับเขามา 3 ปี ตอนอายุ 23 ถึงได้เลิกยุ่งกับเขา เดินทางมาที่อวิ๋นโจวตัวคนเดียว เริ่มจากเป็นเลขาแล้วค่อยๆ มาเป็นประธานบริษัทแบบในวันนี้ ระยะเวลา 7 ปีฉันไม่เคยเจอผู้ชายคนนั้นอีก และไม่เคยตกลงปลงใจเป็นแฟนกับผู้ชายคนไหน คุณเชื่อไหมคะ?”
เย่เฉินถอนหายใจ ทันใดนั้นเองเขาไม่อยากจะสูบซิการ์แล้ว เขาวางมันกลับลงไปในกล่อง
แล้วหยิบบุหรี่สำหรับสุภาพสตรีของฉินหงเหยียนมาแทนแล้วตอบ
“ผมเชื่อ!”
ฉินหงเหยียนไม่มีความจำเป็นต้องหลอกเขา และไม่มีความจำเป็นมาทำท่าทีบริสุทธิ์ใสซื่อต่อหน้าเขา หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงแบบหวังเจียเหยา
เพราะถ้าหล่อนเป็นคนประเภทเดียวกันแล้ว หล่อนไม่จำเป็นต้องบอกเย่เฉินว่าตนเองเคยเป็นเมียน้อยคนอื่นมาก่อน
อีกทั้งทั่วทั้งวงธุรกิจของอวิ๋นโจวก็มีข่าวลือมานานแล้วว่าฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงที่จีบยากที่สุดในอวิ๋นโจว ไม่เคยมีใครได้ครอบครองหล่อนมาก่อน
“ขอบคุณค่ะ” ฉินหงเหยียนกล่าวอย่างซาบซึ้งใจ “คุณดูเองแล้วกัน ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบจริงไหมล่ะ? ไม่เท่านั้นฉันอาจจะถึงขั้นที่กลายเป็นผู้หญิงสกปรกชั้นต่ำไปแล้วในสายตาคุณ คุณจะต้องดูถูกฉันแน่ๆ ตอนนี้กลายเป็นฉันต่างหากที่ไม่คู่ควรกับคุณ”
ตอนที่ฉินหงเหยียนพูด หล่อนก็ก้มหน้าลง
สีหน้าเย่เฉินฉายแววลำบากใจ ฉินหงเหยียนดีกับเขาขนาดนี้ เย่เฉินย่อมไม่ดูถูกหญิงสาวเพียงเพราะเรื่องเท่านี้
เย่เฉินเองก็ลุกขึ้นจากโซฟา เดินไปหาอีกฝ่ายแล้วกล่าว “หงเหยียนผมไม่ได้ดูถูกคุณเลย คุณต้องทำไปเพราะชีวิตมันบีบบังคับ ผมรู้ว่าคุณเป็นผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยาน แต่หลังจากที่พ่อแม่จากไป คุณก็สิ้นไร้ไม้ตอกไม่มีที่พึ่งพิง ในโลกตอนนี้ ผู้หญิงอยากจะประสบความสำเร็จก็ถือว่ายากมากจริงๆ”
คนจำนวนเท่าไหร่ที่ทำเพื่อเงินโดยไม่เลือกวิธีการใดๆ
ผู้ชายเองก็เพื่อจะประความสำเร็จ ยังเลือกจะทอดทิ้งเพื่อน หักหลังคู่ค้า หรืออาจถึงขั้นทำเรื่องผิดกฎหมายด้วยซ้ำ
ผู้หญิงไม่มีเงิน ไม่มีพื้นเพครอบครัวใดๆ จะหาเงินยังไงให้ได้ร้อยล้าน?
นั่นมันยากเย็นแสนเข็ญ
เย่เฉินหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลไม่หยุดจนเลอะบนใบหน้าละมุนของหญิงสาว
เย่เฉินไม่อยากจะพูดเรื่องดราม่าของหญิงสาวอีก “หงเหยียนคุณอายุแค่ 20 ก็เริ่มทำงาน คนที่เจอก็เป็นคนร่ำรวยทั้งนั้น 10 ปีมานี้น่าจะเคยเจอผู้ชายที่ทั้งหล่อและเก่งกาจมาเยอะล่ะสิ ผมอายุน้อยกว่าคุณ หนำซ้ำยังไม่เคยประสบความสำเร็จอะไร อย่างมากก็แค่บ้านรวยหน่อยเท่านั้นเอง แต่ก็อย่างว่านั่นเป็นเรื่องในอดีตทั้งนั้น ทำไมคุณถึงชอบผมล่ะ?”
เย่เฉินประหลาดใจว่าหญิงสาวชอบอะไรในตัวเขากันแน่?
ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนเย่เฉินเป็นประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป เขาก็ยังพอเข้าใจได้
อย่างไรเสียตอนนั้นฉินหงเหยียนเองก็เป็นลูกน้องของเขา ลูกน้องมักมีความรู้สึกชื่นชมนับถือหัวหน้าก็ไม่แปลกอะไร
ผู้หญิงชอบผู้ชายที่ควบคุมพวกหล่อนได้
แต่ตอนนี้เย่เฉินไม่มีอะไรแล้ว หรือว่าเป็นแค่เพราะใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเท่านั้น?
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เพราะสำหรับผู้หญิงในวัย 30 ใบหน้าของผู้ชายถือได้ว่าเป็นสิ่งที่พอจะมองข้ามไปได้
ฉินหงเหียนต้องเป็นผู้หญิงที่มีความคาดหงังในรูปลักษณ์ของคู่ชีวิตอยู่แล้ว แต่ไม่มีทางให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกเป็นลำดับแรกแน่
แววตาที่ฉินหงเหยียนมองเย่เฉินนั้นเหมือนว่าความเศร้าสร้อยที่แฝงอยู่ในนั้นจะสลายไป แต่แววตาลึกซึ้งอ่อนหวานฉายขึ้นมาแทนที่
“ที่จริงแล้วตอนเจอคุณครั้งแรกฉันก็รู้สึกว่าคุณไม่เหมือนใคร ยังจำได้ไหมในงานวันเกิดย่าของหวังเจียเหยา ตอนที่ทุกคนในอวิ๋นโจวต่างก็จะตัดทางทำมากินของคุณ ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าคุณเป็นผู้ชายตัวเล็กๆ น่าสงสารเหมือนฉันเมื่อ 10 ปีก่อนที่โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพิง”
เย่เฉินยิ้ม “ดังนั้นตอนนั้นที่แขกทุกคนอยากจะตัดทางทำมาหากินผมนักหนา คุณถึงได้ยอมให้โอกาสผมอีกครั้งเหรอ?”
ฉินหงเหยียนส่งยิ้มพลางพยักหน้า “ฉันไเด้ยินมาว่าหวังจื้อเฉียงส่งพวกนักเลงหัวไม้ไปตามคุณมา แต่กลายเป็นว่าพวกเขาดันโดนคุณซัดเสียหมอบ ตอนนั้นฉันก็รู้เลยว่าคุณไม่มีทางเป็นเขยขยะที่พวกเขากล่าวถึงแน่ๆ ขยะก็คือคนที่ทำอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ คุณก็ต่อยตีเก่ง”
เย่เฉินกล่าวอย่างละอายใจ “ก็แค่ทะเลาะวิวาทเท่านั้นจะเรียกประสบความสำเร็จได้ยังไง?”
ฉินหงเหยียนส่ายหน้า “หลังจากอายุ 20 ปีฉันก็ตั้งใจเรียนมวย เพราะฉันรู้ดีว่าไม่ว่าเรื่องไหนๆ ถ้าอยากจะทำให้ดีล่ะก็ ต้องทุ่มเท ตั้งใจ แน่วแน่ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะรับไหว ฉันรู้ว่าในเมื่อคุณสามารถเอาชนะพวกนักเลงหัวไม้ได้ แปลว่าปกติแล้วคุณจะต้องทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนักแน่ๆ และในเมื่อคุณแน่วแน่ไม่ยอมท้อถอยเพื่อทำอะไรบางอย่างให้ดี คุณไม่มีทางเป็นขยะ แต่คุณจะต้องเป็นคนที่เยี่ยมยอดมากคนหนึ่ง”
สายตาที่เย่เฉินมองฉินหงเหยียนก็เปลี่ยนไป มันก็จริงที่เขาเคยฝึกฝนวิชาป้องกันตัวมาตั้งแต่เด็ก
หลังจากนั้นก็ไปฝึกซ้อมกับพวกนักกีฬามืออาขีพที่อเมริกา ไปฝึกฝนที่สนามรบ ไม่รู้ว่าหยาดเหงื่อที่่ทุ่มเทไปเท่าไหร่หรืออาจะเลือดที่เสียไปเท่าไหร่ถึงได้ประสำความสำเร็จเช่นในวันนี้
“คุณชอบผมเพราะเรื่องนี้เหรอ?” เย่เฉินถาม
ฉินหงเหยียนส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม