เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 154 ทำไมนายพูดภาษาอิตาลีได้
“เชื่อหรือยังล่ะ? น้องชาย?”
เย่เฉินจงใจเหล่มองจินฉ่าว
จินฉ่าวหัวเสียจนควันจะออกหู “อ๊า อิจฉาตาร้อน”
ในเวลานี้เหวินเชี่ยนเชี่ยนก็เปิดปากกล่าว “ดีแล้วใกล้จะถึงเวลาเที่ยงแล้ว หงเหยียน วันนี้พวกเธอเพิ่งมาถึงเทียนไห่ ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องเลี้ยงข้าวพวกนายสักหน่อย ไปสิ!”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนและจินฉ่าวนั่งรถไปด้วยกัน เย่เฉินและฉินหงเหยียนขับรถของพวกเขาเอง พวกเขาสี่คนก็มาถึงร้านอาหารที่เรียกว่าปาโย่วเอ้อเฟินจืออีอย่างรวดเร็ว
ร้านอาหารแห่งนี้พูดได้ว่าร้านอาหารตะวันตกชั้นยอดในว่ายทานสามารถนั่งชมวิวแม่น้ำหวงผู่ไปพร้อมๆ กับกินอาหารได้
ดังนั้นถึงได้มีร้านอาหารชื่อนี้ เป็นเพราะว่าภาพยนตร์อิตาลีเรื่องหนึ่งมีชื่อนี้ ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านอาหารอิตาลีแห่งหนึ่ง
หลังจากทั้งสี่คนทรุดตัวลงตรงที่นั่งริมหน้าต่างแล้ว จินฉ่าวก็เอาแต่หาโอกาสหาเรื่องเย่เฉินอยู่ตลอด
“เย่เฉิน เสื้อของนายแบรนด์อะไร? ทำไมถึงไม่เห็น Logo เลย? แบรนด์ Uniqlo หรือ H&M นะ? ”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะคิกคักอยู่ด้านข้าง
เหวินเชี่ยนเชี่ย ฉินหงเหยียนและจินฉ่าวประโคมแบรนด์เนมกันทั้งตัว ไม่ใช่ Chanel ก็ Gucci
ย้อนมองเย่เฉินรวมๆ กันทั้งตัวอาจจะไม่ได้เสื้อผ้าของพวกเขาตัวเดียวด้วยซ้ำไป
มีผู้ชายต่างชาติวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ดูจากชุดที่เขาสวมใส่แล้ว เหมือนจะไม่ใช่พนักงานบริการ แต่น่าจะเป็นหัวหน้าเชฟของที่นี่
เขาถือเมนูเดินตรงดิ่งมาหาพวกเขาทั้งสี่คน “ไม่ทราบว่าทั้งสี่ท่านต้องการอะไร?”
“ฮ่าๆ หัวหน้าเชฟมาด้วยตัว ต้องสั่งอาหารต้องใช้ภาษาอังกฤษ คิดว่าคงจะมีบางคนตกใจจนอกสั่นขวัญแขวนเสียแล้วมั้ง!”
จินฉ่าวหัวเราะร่วนเพราะเขาคิดว่าภาษาอังกฤษของเย่เฉินน่าจะไม่ดีเท่าไหร่
เหวินเชี่ยนเชี่ยนแสร้งทำเป็นปลอบ แต่ที่จริงแล้วกำลังเยาะเย้ยเย่เฉิน “ไม่เป็นไร นายไม่ต้องพูดภาษาอังกฤษก็ได้ ใช้นิ้วชี้เอาก็ได้แล้วพูดว่า this (อันนี้) ก็ได้แล้ว”
“ฮ่าๆ…”
จินฉ่าวหัวเราะจนตัวโยน เขาเคยเห็นคนไปร้านอาหารพูดแต่คำว่า this เพราะไม่รู้ชื่ออาหารภาษาอังกฤษ
คนที่ทำแบบนั้นจะต้องดูน่าขันอย่างมาก ถือเป็นการกระทำแบบหนึ่งของพวกตลาดล่าง
ฉินหงเหยียนเห็นทั้งสองคนดูถูกเย่เฉินแบบนี้ก็รู้สึกไม่ยุติธรรมกับแฟนตนเอง
หล่อนรู้ว่าเย่เฉินอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก กับเย่เฉินแล้วภาษาอังกฤษก็เหมือนภาษาแม่ของเขา เผลอๆ ถนัดกว่าภาษาจีนด้วยซ้ำไป เขาจะใช้ภาษาอังกฤษในการสั่งอาหารไม่ได้ได้ยังไง?
ฉินหงเหยียนเปิดปากเอ่ย “เย่เฉินเขา…”
ใครจะรู้ ในตอนที่ฉินหงเหยียนกำลังจะออกตัวแทนเย่เฉินนั้นเอง เย่เฉินก็พูดกับเหวินเชี่ยนเชี่ยนว่า “ได้ ขอบคุณคุณเหวินที่สอนวิธีนี้กับผม ง่ายดีทีเดียว ผมชอบ”
ฉินหงเหยียนยิ้มบางๆ ดูแล้วเย่เฉินคงไม่คิดจะหักหน้าเหวินเชี่ยนเชี่ยนแล้ว
ฉินหงเหยียนโลดแล่นในสังคมมาหลายปีขนาดนี้ เห็นผู้ชายที่หักหน้าคนอื่นอย่างรุนแรงเพียงเพราะโดนดูถูก
คนอย่างเย่เฉินที่สุขุมนุ่มลึก เป็นคนในสังคมชั้นสูงที่ทำอะไรตามใจตัวเองก็ได้ แล้วยังอายุน้อยขนาดนี้ มีไม่เยอะ
เป็นตระกูลที่ลึกลับไม่เหมือนใคร เด็กที่ได้รับการฟูมฟักดูแลจากตระกูลนี้แตกต่างจากคนในตระกูลอื่นๆ เป็นคนละเรื่องกันเลยทีเดียว
อาหารจีนกับอาหารตะวันตกนั้นต่างกัน เพราะอาหารจีนสามารถสั่งอาหารให้คนทั้งโต๊ะโดยคนเพียงคนเดียวได้
แต่อาหารตะวันตกต้องต่างคนต่างสั่ง
เมื่อทั้งสามคนสั่งอาหารเสร็จ หัวหน้าเชฟก็หันมาถามเย่เฉินว่าเขาต้องการสั่งอาหารอะไร
เย่เฉินดูชื่ออาหารละรูป แล้วก็ทำตามที่เหวินเชี่ยนเชี่ยนสอน เขาชี้อาหารเรียกน้ำย่อยในนั้นแล้วพูดว่า “this!”
“ฮ่าๆ”
จินฉ่าวและเหวินเชี่ยนเชี่ยนต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
เย่เฉินไม่แยแสด้วยซ้ำ ตอนสั่งอาหารจานหลักและขนมหวานนั้นเองก็ยังไม่ยอมพูดชื่ออาหาร แต่ก็ยังชี้นิ้วแล้วพูดว่า “this”
จินฉ่าวหัวเราะเยาะ “น่าตลกจริงๆ เป็นถึงแฟนของคุณฉินแต่ดันใช้ภาษาอังกฤษสั่งอาหารก็ยังไม่ได้ น่าขายหน้าจริงๆ”
“เย่เฉิน อย่าบอกนะว่าแค่ส้อมกับมีดนายก็ใช้ไม่เป็นน่ะ? รู้ไหมว่าเสต็กเนื้อต้องกินสุกที่กี่ระดับ?”
ในเวลานี้เองเย่เฉินก็สั่งอาหารเสร็จ หัวหน้าเชฟก็จะเดินออกไป
แต่ว่าจู่ๆ ก็มีชายต่างชาติอีกคนพุ่งพรวดเข้ามาแล้วกล่าว “Flavio!”
บางทีหัวหน้าเชฟคนที่ทั้งสี่คนสั่งอาหารด้วยน่าจะชื่อ Flavio
“Vengo io! (มาแล้ว!)”
หัวหน้าเชฟตอบกลับเป็นภาษาอิตาลี
ใครจะรู้ว่าเพราะรีบร้อนหรือยังไง จู่ๆ เขาก็เผลอเรอทำเมนูในมือชนเข้าที่ไหล่ของเย่เฉิน
ที่นี่เป็นถึงภัตตาคารอาหารตะวันตกที่หรูสุดๆ ในเทียนไห่ ไม่ใช่ร้านอาหารเล็กๆ ริมทางในเมืองขนาดเล็กที่ชนใส่ลูกค้าแล้วจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากนั้นเขาก็รีบร้อนค้อมตัวลง และด้วยอารามร้อนรนจึงรีบใช้ภาษาอิตาลีกล่าว “Mi dispiace!(ขอโทษครับ!)”
เย่เฉินจึงเผลอตอบเป็นภาษาอิตาลี “Non fa niente (ไม่เป็นไร)”
ในวินาทีนี้เอง หัวหน้าเชฟ เหวินเชี่ยนเชี่ยน จินฉ่าวต่างก็ตกตะลึงไป!
คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะพูดภาษาอิตาลีได้ด้วย?
หัวหน้าเชฟดีใจอย่างยิ่ง เขากล่าวถามอีกฝ่ายด้วยภาษาภาษาอิตาลี “คุณพูดอิตาลีได้ด้วยเหรอ?”
เย่เฉินใช้ภาษาอิตาลีตอบ “ผมเคยอยู่ที่ Milan และ Venice พักหนึ่งก็เลยพูดได้นิดหน่อย”
เชฟกล่าวชมเชย “คุณพูดเก่งมาก ผมต้องขอโทษคุณอีกครั้ง ขอให้คุณกินอาหารให้มีความสุขนะครับ”
หลังจากที่เชฟไปแล้ว เหวินเชี่ยนเชี่ยนและจินฉ่าวก็มองเย่เฉินตะลึง
ยุคนี้แล้วพูดอังกฤษได้ก็ถือว่าเฉยๆ เด็กประถมที่พูดได้ก็มีถมเถไป หรือจะท่องชื่ออาหารภาษาอังกฤษเด็กมัธยมต้นก็ทำได้
ในสังคมระดับสูงคนที่พูดภาษาอื่นได้ถึงจะเป็นคนระดับสูงอย่างแท้จริง
ฉินหงเหยียนอมยิ้ม หล่อนชอบดูแฟนตัวเองแสดงความสามารถของเขา
เหวินเชี่ยนเชี่ยนถามอย่างประหลาดใจ “เย่เฉินนายเรียนจบอะไรไหม? เป็นนักศีกษาป.โทหรือป.เอก? ตั้งใจจะทำงานอะไรที่เทียนไห่?”
เย่เฉินตอบ “ผมไม่มีใบจบมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ ผมกะว่าจะส่งพัสดุที่เทียนไห่”
“ส่งพัสดุ?”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะขำ เพื่อนสนิทตนเองหาแฟนดันไปเอาคนส่งของมาเป็นแฟนเหรอเนี่ย?
จินฉ่าวหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ กระทั่งใบปริญญาก็ไม่มี งั้นก็แค่ครูพักลักจำล่ะมั้งเนี่ย? พูดอิตาลีได้ไม่กี่ประโยคจะมีประโยชน์อะไร? ถึงว่านายเหมาะกับการส่งพัสดุ ฮ่าๆ!”
ฉินหงเหยียนเองก็รู้ว่าถึงครอบครัวเย่เฉินจะร่ำรวย แต่วิธีการสั่งสอนลูกหลานของพวกเขาไม่เหมือนคนทั่วไป
โดยปกติแล้วถึงแม้ว่าเป็นลูกหลานคนมีเงินแต่พวกเขาก็จะส่งเสียให้เรียนจนจบได้ใบปริญญา ต่อให้ใบปริญญานั้นไม่มีประโยชน์อะไร
แต่ตระกูลเย่ถึงแม้ว่าจะให้เย่เฉินเรียนมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดแต่ก็ไม่ให้ใบปริญญาเขา
ยุคสมัยนี้ไม่มีใบปริญญา อยู่เทียนไห่ก็ทำอะไรลำบาก แค่พูดได้ไม่มีประโยชน์อะไร
ดังนั้นฉินหงเหยียนถึงได้ถามเหวินเชี่ยนเชี่ยน “เชี่ยนเชี่ยน พอจะหาตำแหน่งอะไรในบริษัทให้แฟนฉันได้ไหม?”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนมีท่าทีลำบากใจ “เธอก็รู้นี่ว่าบริษัทพวกเราเป็นบริษัทผลิตภัณฑ์เสริมความงาม พนักงานต้องเข้าใจวงการแฟชั่นให้มากๆ”
จินฉ่าวรีบร้อนพูดต่อ “จริงด้วย ดูสิว่าเย่เฉินใส่อะไร ผมว่ากระทั่ง Chanel Gucci LV เขาคงแยกไม่ออกด้วยซ้ำ!”
ฉินหงเหยียนไม่สนใจจินฉ่าว แต่กลับหันไปพูดกับเหวินเชี่ยนเชี่ยน “เชี่ยนเชี่ยน เรื่องเล็กแค่นี้เธอคงจะเห็นแก่ฉันใช่ไหม?”
เหวินเชี่ยนเชี่ยนครุ่นคิดแล้วกล่าว “เย่เฉินคือแบบนี้ ฉันมีคำถามง่ายๆ จะถามนาย ถ้านายตอบถูก ฉันจะยอมรับนายเข้าทำงานที่บริษัทเรา”