เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 160 ไม่ใช่ลูกของเย่เฉินเหรอ
ถึงแม้ว่าซ่งหงเย่จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ใครก็ฟังออกว่าหญิงสาวกำลังด่าเย่เฉิน
เย่เฉินที่เดิมจะเดินออกจากร้าน ชะงักฝีเท้าทันทีเมื่อได้เช่นนี้
เขารู้ว่าซ่งหงเย่กำลังหาเรื่องเขา หวังเจียเหยาเพิ่งตั้งท้องได้สองเดือน อย่างน้อยๆ กว่าเด็กจะคลอดก็ปาเข้าไปตั้งปีหน้า
ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อเตียงเด็กอ่อนในตอนนี้!
แต่หวังเจียเหยากลับไม่คิดแบบนั้น หล่อนกล่าวเสียงเย็น “ฉันไม่หวังอะไรกับผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินหรอก ฮึ หลิ่วอวี่เจ๋อของฉันจะซื้อให้ลูกของเราใช่ไหมคะที่รัก?”
หลิ่วอวี่เจ๋อ “ของมันแน่อยู่แล้ว”
หวังเจียเหยากล่าว “เตียงเด็กอ่อนอยู่ชั้นบนไม่ใช่เหรอคะ? พวกเราไปดูเตียงเด็กอ่อนกันก่อนดีกว่าแล้วค่อยมาดูเตียงเราสองคน”
หลิ่วอวี่เจ๋อพยักหน้ารับ จากนั้นก็เดินไปพูดกับเซลล์ “เธอไม่ต้องตามมาแล้ว”
บทสนทนาของคนพวกนี้มีรายละเอียดลึกๆ มากเกินไป หลิ่วอวี่เจ๋อกลัวว่าเซลล์ที่นี่จะรู้มากไปแล้วจะส่งผลเสียกับเขา
ทั้งสามคนค่อยๆ เดินขึ้นไปด้านบนเพื่อเลือกซื้อเตียงเด็กอ่อนให้ลูกของเย่เฉิน
เย่เฉินยืนที่เดิม ถ้าหากเขาไปตอนนี้แล้วก็จะดูเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรเสียเขาต่างหากที่เป็นพ่อของเด็ก เรื่องซื้อเตียงให้ลูกนั้นควรเป็นหน้าที่เขา
ฉินหงเหยียนพอจะเข้าใจอารมณ์ของชายหนุ่มจึงกล่าว “เย่เฉิน คุณขึ้นไปด้านบนเถอะค่ะ เงินที่จะซื้อเตียงเด็กอ่อนฉันออกให้ เดี๋ยวจะโอนให้คุณเลยแสนหยวน”
เย่เฉินกุมมือของหญิงสาวแล้วตอบ “ขอบคุณนะครับหงเหยียน แต่ยังพอมีเงินนิดหน่อย เตียงเด็กอ่อนคงไม่แพงมาก คุณไม่ต้องโอนเงินให้ผมหรอกนะถ้าผมต้องใช้เงินเดี๋ยวผมจะมาหาคุณอีกที”
“อื้ม งั้นฉันรอคุณที่นี่นะคะ”
ดังนั้นเย่เฉินถึงได้ค่อยๆ เดินขึ้นไปด้านบน
ทั้งสามคนเห็นเย่เฉินเดินขึ้นมาด้านบนก็กวาดตามองเขาโดยไม่ได้นัดหมาย
เย่เฉินเดินไปหาหวังเจียเหยา “คุณเลือกเตียงเด็กอ่อนสิ ผมจ่ายเอง”
หลังจากที่ทั้งสามคนได้ยินเช่นนั้นก็ยังไม่สนใจเย่เฉิน
ซ่งหงเย่เห็นเตียงสีขาวขนาดเล็ก ก็เดินไปดูอย่างอารมณ์ดี “เจียเหยาเธอดูเตียงเด็กอ่อนหลังนี้สิ น่ารักจังเลย เด็กน้อยนอนอยู่ในนี้คงต้องสบายมากแน่”
หวังเจียเหยาเองก็ชอบมากเช่นกัน เตียงเด็กอ่อนเป็นของชิ้นเล็กๆ หญิงสาวจึงชอบทุกหลัง
หวังเจียเหยาลูบท้องแล้วถาม “ลูกจ๋า ลูกชอบไหมจัะ?”
ใครจะรู้ว่าในวินาทีต่อมา หวังเจียเหยาก็อุทานอย่างประหลาดใจ “สวรรค์! ลูกตอบฉันแล้ว! ลูกดิ้นแล้ว!”
“จริงเหรอ? จริงเหรอ? ไหนขอฉันฟังหน่อย”
ซ่งหงเย่รีบร้อนค้อมตัวลงไปแนบหูเข้าที่ท้องเพื่อนสนิท “จริงด้วย! ดิ้นแล้วเหมือนกำลังบอกว่าหนูชอบเลย!”
หลิ่วอวี่เจ๋อเองก็ตื่นเต้น “ไหนผมขอฟังหน่อย”
เขาแนบหูเข้ากับท้องของหวังเจียเหยาพลางพูด “ลูกจ๋า! เรียกพ่อเร็ว!”
หลังจากเย่เฉินได้ยินเขาก็ไม่พอใจอย่างมาก นั่นมันลูกของฉันนายมีสิทธิ์อะไรให้ลูกของฉันเรียกนายว่าพ่อ!
เย่เฉินก็รู้สึกว่าพวกเขากำลังแสดงละครอยู่ เด็กเพิ่งอายุครรภ์สองเดือน จะดิ้นได้ยังไง!
เย่เฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ กล่าวกับพวกเขาสามคน “พวกคุณเลิกแสดงละครได้แล้ว เด็กอายุครรภ์สองเดือนยังดิ้นไม่ได้ อย่างน้อยๆ ต้องสามสี่เดือนนู่น ผมไม่มีใบปริญญา ไม่ได้แปลว่าผมไม่เคยเรียนหนังสือ!”
เย่เฉินคิดว่าที่พวกเขาสามคนทำแบบนี้ก็เพราะจงใจจะยั่วยุเขา ล่อลวงให้เขาอยากไปฟังด้วยเหมือนกัน
แต่ใครจะรู้ซ่งหงเย่กลับหัวเราะเจ้าเล่ห์ “นายรู้ได้ยังไงว่าเด็กไม่ได้อายุครรภ์สามสี่เดือนแล้ว?”
หวังเจียเหยาตื่นตระหนก คิดไม่ถึงว่าบนใบหน้าเจ้าหล่อนก็ผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา!
เย่เฉินหัวเสีย เขาและหวังเจียเหยาตั้งใจจะมีลูกกันมันเพิ่งเมื่อสองเดือนที่ผ่านมาชัดๆ ทำไมถึงท้องสามสี่เดือนได้!
เย่เฉินเดินย่างสามขุมไปหาหลิ่วอวิ่นเจ๋ออย่างหาเรื่อง
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะเจ้าเล่ห์แล้วยกมือสองข้างขึ้นมาด้วยท่าทีใสซื่อ “อย่ามามองฉัน เมื่อสี่เดือนก่อนฉันยังไม่รู้จักกับเจียเหยาเลย ยังไงเด็กก็ไม่ใช่ลูกฉัน ส่วนลูกใครฉันไม่สนใจ ฮ่าๆ เพราะคนที่ฉันรักคือเจียเหยา”
เขาแม่งมีลูกไม่ได้ย่อมไม่สนใจว่าเด็กในท้องหญิงสาวจะลูกใคร!
แต่ฉันสนใจ!
เย่เฉินระเบิดโทสะออกมา เขาเดินไปหาซ่งหงเย่แล้วคว้าข้อมืออีกฝ่าย ก่อนจะออกแรงบีบแล้วถาม
“ซ่งหงเย่ คุณพูดมาให้ชัดเจนเลยนะ! เรื่องลูกของหวังเจียเหยามันเป็นมายังไงกันแน่! ใช่ลูกฟางเชาหรือเปล่า? เป็นความคิดชั่วๆ ของคุณอีกแล้วใช่ไหม!”
ซ่งหงเย่ก่อกรรมทำชั่วกับเขามามากทั้งเรื่องฟางเชาและหลิ่วอวี่เจ๋อก็ฝีมือหล่อนทั้งนั้น หวังเจียเหยาถึงได้ไปอยู่กับพวกเขา
“โอ้ย ฉันเจ็บนะ นายปล่อยมือเลย! เรื่องของนายกับหวังเจียเหยานายก็ไปถามเองสิ ฉันจะไปรู้ได้ยังไง!”
ซ่งหงเย่เป็นแค่ผู้หญิงบอบบางย่อมต้องทนแรงของเย่เฉินไม่ไหว
หวังเจียเหยารีบร้อนก้าวขึ้นมา มือนวลเนียนของหญิงสาวสัมผัสมือเขาแล้วกล่าว
“เย่เฉิน ปล่อยหล่อนเถอะ หล่อนแค่ล้อเล่นเฉยๆ ต้องเป็นลูกนายอยู่แล้ว นายลืมไปแล้วหรอ? ตอนที่พวกเราอยากมีลูกกันเราตรวจครรภ์ทุกเช้าเลย ตั้งหลายวันกว่าจะติด!”
เย่เฉินค่อยๆ คลายมือที่จับข้อมือซ่งหงเย่ แล้วหันมองหวังเจียเหยา “คุณไม่ได้หลอกผมใช่ไหม?”
ใบหน้าหวังเจียเหยาอ่อนหวานเหมือนตอนที่พวกเขาสองคนเพิ่งแต่งงานกันไม่มีผิดเพี้ยน มือขาวนวลของหญิงสาวดึงมือของเย่เฉินมาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงลึกซึ้ง “แน่นอนสิ ฉันจะหลอกนายทำไม หงเย่โกรธนายเพราะเรื่องที่เธอต้องหย่ากับสามี เลยพูดจาเหลวไหล ถ้านายไม่เชื่อฉัน ก็ลองเอาหูแนบท้องฉันดูสิ ว่าเด็กดิ้นไหม เมื่อครู่พวกเราหลอกนายเฉยๆ”
เย่เฉินหลุบสายตามองท้องที่ยังไม่นูนป่องของหวังเจียเหยา ใจจริงเขาอยากทำแบบนั้นเพราะในท้องของหล่อนมันลูกของเขา!
แต่พอคิดได้ว่าตนเองมีแฟนแล้ว หนำซ้ำสามีของหวังเจียเหยาก็อยู่ด้วย เขาจึงไม่ทำแบบนั้น
เย่เฉินปล่อยมือซ่งหงเย่ “คุณเลิกพูดเลอะเทอะได้แล้ว ซ่งหงเย่ คุณน่าจะดีใจนะที่เจิ้งปินยกรถกับบ้านให้คุณ หวังว่าชีวิตแต่งงานคราวหน้าของคุณ คุณจะไม่สร้างเรื่องให้คนดีๆ ล่ะ!”
พูดจบเย่เฉินก็ชี้ไปที่เตียงเด็กอ่อนตรงหน้า “ชอบเตียงหลังนี้ใช่ไหม? เดี๋ยวผมจะลงไปจ่ายเงิน”
เย่เฉินหัวเสีย เขาคว้าเตียงเด็กอ่อนแล้วเดินลงไปจ่ายเงิน
“นิสัยแบบนี้น่ารำคาญจริงๆ!” หวังเจียเหยาโกรธจนกระทืบพื้นเร่าๆ “ได้ยินมาว่าตอนที่เจิ้งปินจับได้ว่าซ่งหงเย่มีอะไรกับฝรั่งนั่น เขาไม่มีท่าทีโกรธเลยสักนิดแต่กลับนั่งสูบบุหรี่รออยู่ด้านนอก เย่เฉินคนนี้เอาแต่ใช้กำลัง ไม่รู้จักอดทนอดกลั้นเลย!”
หลิ่วอวี่เจ๋อที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ไม่พูดไม่จา ถ้าไม่ใช่เพราะเขาอยากจะใช้วิธีการต่ำช้าเอาคืนเย่เฉิน เขาก็ไม่มีทางแต่งงานกับผู้หญิงที่ตรรกะบิดเบี้ยวอย่างหวังเจียเหยาหรอก!
หลังจากเดินลงไปจ่ายเงินด้านล่างแล้ว เย่เฉินก็ทิ้งเตียงเด็กอ่อนเอาไว้ แล้วออกจากร้านไปกับฉินหงเหยียน
เมื่อกลับขึ้นไปบนรถ เย่เฉินก็รีบปรับอารมณ์ตนเองแล้วกลับไปที่วิลล่าเฝยชุ่ยกับแฟนสาวของตนเองอย่างมีความสุข
วันนี้เป็นวันแรกที่พวกเขามาถึงเทียนไห่ พวกเขาจะตั้งรกรากกันที่นี่ จะลงหลักปักฐานกันที่นี่
และอาจจะแต่งงานมีลูกกันที่นี่
แค่ผู้หญิงสารเลวเล่นชู้คนหนึ่งไม่คู่ควรให้เขาต้องมาเสียอารมณ์ด้วย!
ตอนกลางคืนเหวินเชี่ยนเชี่ยนและผู้จัดการแผนกสำคัญๆ ในบริษัทต่างก็มาที่วิลล่าเฝยชุ่ย เพื่อฉลองขึ้นบ้านใหม่ให้ฉินหงเหยียน
ที่นี่มีงานเลี้ยงครึกครื้น แต่หวังเจียเหยาที่อยู่ในบ้านอีกหลังกลับกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ