เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 194 ผู้ชายต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงผู้หญิงเหรอ
- Home
- เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
- ตอนที่ 194 ผู้ชายต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงผู้หญิงเหรอ
สีหน้าหลิ่วอวี่เจ๋อฉายแววเหยียดหยาม “หล่อกะผีสิ แก่หงำเหงือกขนาดนี้แล้ว ต่อให้ตอนหนุ่มๆ ก็คงเรียกหล่อไม่ได้หรอก!”
เดิมทีหน้าตาสวี่ฉู่หมิงก็ธรรมดาๆ ไม่เรียกอัปลักษณ์ก็นับว่าไว้หน้าเขาแล้ว
ตัวสวี่ฉู่หมิงเองก็คงจะอธิบายไม่ได้ว่าทำไมหวังเจียเหยาถึงได้ชมว่าเขาหล่อเหลา
หวังเจียเหยาเหน็บหลิ่วอวี่เจ๋อ “นายจะไปเข้าใจอะไร ผู้ชายจะหล่อหรือเปล่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับหน้าตาเท่านั้นเข้าใจไหมเนี่ย? นายลองดูบุคลิกของคุณอาสวี่สิ ท่าทางเด็ดขาดบนโต๊ะอาหารมีเสน่ห์จะตายไป!”
ตอนที่หวังเจียเหยาปรายตามองไปครั้งแรก ก็ไม่ได้รู้สึกว่าสวี่ฉู่หมิงจะมีเสน่ห์ของสุภาพบุรุษอะไร
แต่เมื่อรู้จากปากว่าหลิ่วอวี่เจ๋อว่าชายชราคนนี้คือสวี่ฉู่หมิงแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกขึ้นมาในทันทีว่าอีกฝ่ายมีข้อดีมากมาย
นี่ก็คือนิสัยเสียของผู้หญิงในประเทศแห่งนี้ พวกหล่อนมักรู้สึกว่าผู้ชายที่มีเงินพวกนั้นมีเสน่ห์ ต่อให้หน้าตาเฉยๆ หรืออาจจะค่อนไปทางขี้เหร่ด้วยซ้ำไป
เรือสำราญเป็นเรือที่ค่อยๆ ขับเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้า แต่ตำแหน่งที่หวังเจียเหยาอยู่นั้นไม่สามารถมองเห็นพวกเย่เฉินได้อีกต่อไป
หวังเจียเหยาวางกล้องส่องทางไกลลงแล้วพึมพำ “เย่เฉินที่น่าสงสาร วันนี้คงถูกสวี่ฉู่หมิงเหยียดหยามจนแทรกแผ่นดินหนีไปแล้ว เขาจะเลิกกับฉินหงเหยียนไหมนะ? ถ้าหากว่าเขาเลิกกับฉินหงเหยียนล่ะก็ ฉันจะไม่ให้เขาออกจากเทียนไห่ หลิ่วอวี่เจ๋อออกข้างนอกทุกเช้า กว่าจะกลับก็ดึกดื่น ถ้าเบื่อๆ จะได้ไปหาเย่เฉินก็ดีเหมือนกัน”
หวังเจียเหยาเริ่มมีความคิดที่จะเอาเย่เฉินเป็นตัวสำรอง
บนเรือสำราญ
พวกเขาสามคนพูดคุยและหัวเราะกันเพื่อจะทำลายความเก้อเขินที่เกิดขึ้นขณะพบหน้ากันครั้งแรก
สวี่ฉู่หมิงหั่นเสต็กเนื้อไป พลางแสร้งถามอย่างไม่ใส่ใจ “เย่เฉิน นายอายุน้อยแบบนี้ ถ้าไม่รู้ยังคิดว่าเป็นแค่นักศึกษาอยู่เลย จริงสิ นายเรียนในประเทศหรือนอกประเทศล่ะ?”
เย่เฉินตอบกลับ “เมืองนอก”
“มหาวิทยาลัยไหนเหรอ?”
“สแตมฟอร์ด”
ที่จริงแล้วมหาวิทยาลัยที่เขาเคยเรียนนั้นมีมากมาย เรียนธุรกิจที่สแตมฟอร์ด เรียนดนตรีที่บรูคลิน เรียนออกแบบที่ ESMOD
ทั้งหมดล้วนแต่เป็นมหาวิทยาลัยแนวหน้าที่สุดของโลก และมีศาสตราจารย์ที่เก่งที่สุดในโลกด้วย
ทว่าคู่สนทนาระหว่างรับประทานอาหารวันนี้นั้นทำธุรกิจ เขาจึงเลือกตอบว่ามหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ด
สวี่ฉู่หมิงตกใจ “อ้าว เป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยกับลูกสาวฉันเหรอเนี่ย แต่ในเมื่อนานยจบม.ดัง ทำไมถึงเลือกมาส่งพัสดุที่เทียนไห่ได้ล่ะ? ถึงแม้จะในเทียนไห่จะมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยดังต่างๆ หางานก็ไม่ง่าย แต่สแตมฟอร์ดเนี่ยถือว่ามีจุดแข็งมากอยู่นะ”
เย่เฉินเลือกที่จะตอบตามความจริง “ผมแค่เคยเรียน แต่ไม่ได้มีใบปริญญา”
วิธีการเรียนของเย่เฉินนั้นต่างไปจากนักศึกษาคนอื่น เขาไม่มีเวลาให้ใช้ไปอย่างสิ้นเปลือง
เขาถึงขั้นไม่ต้องทำการลงทะเบียน แต่เข้าเรียนเลย พอเรียนเสร็จแล้วก็เปลี่ยนมหาวิทยาลัยไป
สำหรับคนตระกูลเย่แล้ว ใบปริญญาจากแสตมฟอร์ดเป็นแค่เศษกระดาษแผ่นเดียวเท่านั้น อีกทั้งยังไม่มีเกียรติยศอะไรในสายตาพวกเขา
“ไม่มีปริญญาเหรอ?”
ใบหน้าสวี่ฉู่หมิงผุดยิ้มน้อยๆ “งั้นนายควรจะไปเรียนต่อนะ! ยุคแบบนี้ไม่มีใบปริญญายากจะมีอนาคตที่ดี นายก็ยังอายุน้อยอยู่ ไปเรียนปริญญาโทแล้วต่อปริญญาเอก อนาคตจะได้มีชีวิตที่มั่นคง ถ้าเป็นแบบนี้ ฉินหงเหยียนคบหากับนาย หล่อนจะได้สบายใจ”
ฉินหงเหยียนอายุ 30 แล้ว จะให้เย่เฉินไปเรียนต่อที่อเมริกาตอนนี้เนี่ยนะ?
เรียนกว่าจะจบกลับมา ฉินหงเหยียนอายุก็คงจะเกือบ 40 แล้ว!
หญิงสาวจะรอไหวเหรอ?
ผู้หญิงปกติย่อมอาศัยช่วงเวลาที่ยังอายุน้อยไปแต่งงานกับคนอื่นนานแล้ว!
สวี่ฉู่หมิงคนนี้ ดูจากภายนอกเหมือนว่าเขาคิดแทนคนอื่น แต่ที่จริงแล้วกำลังแอบวางกับดักคนอื่น
เย่เฉินกล่าวพลางยิ้ม “ตอนนี้ชีวิตพวกเรามั่นคงดี”
สวี่ฉู่หมิงเองก็ยิ้ม “ตอนนี้มั่นคงดีงั้นเหรอ? นายหาเงินได้แค่เดือนละไม่กี่พันหยวน กระทั่งจะซื้อลิปสติกให้ฉินหงเหยียนยังไม่ได้เลยมั้ง?”
ฉินหงเหยียนเป็นฝ่ายกล่าว “ฉันไม่ต้องการให้เขามาซื้อให้ฉัน”
เย่เฉินมองไปที่สวี่ฉู่หมิง “หงเหยียนซื้อของเองได้ไม่ต้องให้ผมมาเป็นกังวลเรื่องนี้หรอกนะ ชายหญิงเท่าเทียมกัน ใครบอกเหรอว่าต้องเป็นผู้ชายหาเลี้ยงผู้หญิงเท่านั้นน่ะ?”
สวี่ฉู่หมิงยิ้มแล้วส่ายหน้า “คนรุ่นใหม่เนี่ยนะ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความคิดของนายจะน่ากลัวได้ขนาดนี้ ไร้ความรับผิดชอบ ตั้งแต่โบราณนานมาฝ่ายชายต้องเป็นคนหาเลี้ยงผู้หญิงสิ นี่เป็นปณิธานของฟ้า
เลี้ยงผู้หญิงไม่ได้ นับเป็นลูกผู้ชายภาษาอะไร! โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนสวยๆ อย่างฉินหงเหยียน นายทนให้หล่อนทำงานหนักทุกวัน แล้วหาเงินเลี้ยงนายได้ลงคอเหรอ?”
เย่เฉินจิบไวน์แล้วตอบเขา “จากคำพูดของคุณสวี่ แปลว่าผู้หญิงสวยควรจะถูกเก็บไว้ที่บ้าน ให้แม่บ้านสิบกว่าคนคอยดูแล งอมืองอเท้าไม่ต้องทำอะไรใช่ไหม? คุณรู้สึกว่าหงเหยียนเป็นผู้หญิงที่จะยอมอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนงั้นเหรอ?”
สวี่ฉู่หมิงตอบเสียงแข็ง “นั่นเพราะฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถน่ะสิ ดังนั้นนายถึงได้ต้องพยายามให้มากกว่านี้ เพื่อให้คู่ควรกับหล่อน แล้วจะได้ทำให้หล่อนมีความสุข!”
ทั้งสองคนยิ่งเถียงกันรุนแรงมากขึ้นไปทุกที ฉินหงเหยียนที่อยู่ข้างๆ ก็ร้อนรน
ตอนที่กำลังจะเปิดปากห้ามพวกเขาสองคนนั้นเอง จู่ๆ มือถือของฉินหงเหยียนก็ดังขึ้น แล้วก็มีสายวีดีโอคอลของวีแชทโทรเข้ามา
ฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงที่วางท่าเย่อหยิ่ง เย็นชา ถึงแม้ว่าเพื่อนในวีแชทจะมีไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยมีใครกล้าวีดีโอคอลหาหล่อนสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้
คนที่สามารถโทรหาหญิงสาวได้แบบนี้นั้นล้วนแต่ต้องเป็นคนที่สนิทชิดเชื้อกับเจ้าหล่อนเป็นอย่างดี
ฉินหงเหยียนปรายตามองโทรศัพท์ “เสี่ยวตั่วน่ะ”
คนที่โทรมาคือน้องสาวของฉินหงเหยียน ฉินเสี่ยวตั่ว
ฉินหงเหยียนกดรับสาย เพราะเย่เฉินนั่งอยู่ฝั่งเดียวกับฉินหงเหยียน ดังนั้นเขาถึงได้มองเห็นหน้าจอมือถือของหญิงสาว
แล้วจึงเห็นว่าหน้าจอมือถือของอีกฝ่ายปรากฏเป็นภาพเด็กสาวที่ใบหน้าสะสวยอย่างมากในชุดเครื่องแบบของพนักงานต้อนรับบนสายการบิน
เด็กสาวที่โทรมานั้นดูอายุไม่ต่างจากเย่เฉินมากนัก จากท่าทางน่าจะมีอายุประมาณ 25 ปี หล่อนมวยผมเอาไว้ แล้วบนชุดของเจ้าหล่อนยังมีป้ายชื่อติดอยู่ด้วย
“พี่สาว!”
น้ำเสียงของเด็กสาวฟังดูค่อนข้างน่ารักอย่างยิ่ง
“เสี่ยวตั่ว คิดยังไงโทรหาพี่ล่ะ? เธอกำลังบินอยู่ไม่ใช่เหรอไง?”
“เพิ่งบินกลับมาค่ะ ฉันเห็นโมเม้นท์วีแชทของพี่ สวยจังเลยค่ะ พี่อยู่ไหน?”
“เสี่ยวตั่วเหรอ?”
จู่ๆ สวี่ฉู่หมิงก็เอ่ยปากออกมาอย่างกระทันหัน
ฉินหงเหยียนพยักหน้ารับ แล้วหันวีดีโอไปทางสวี่ฉู่หมิง
“ว้าว คุณอาสวี่ก็อยู่ด้วยเหรอคะเนี่ย! ทำไมถึงอยู่ด้วยกันได้ล่ะคะ!”
พอจะมองออกว่าฉินเสี่ยวตั่วรู้จักกับสวี่ฉู่หมิง อีกทั้งยังเรียกเขาว่าคุณอาอย่างดีอกดีใจ ไม่มีความรู้สึกประดักประเดิดเลยแม้แต่น้อย
นี่เป็นเพราะหญิงสาวไม่ได้รู้เรื่องที่ชายสูงวัยคนนี้เคยเลี้ยงดูพี่สาวหล่อนแม้แต่น้อย
ฉินเสี่ยวตั่วคิดมาตลอดว่าชายสูงวัยผู้นี้ดูแลพี่สาวตนเองเหมือนลูกหลานก็เท่านั้นเอง
สวี่ฉู่หมิงก็ทักทายหญิงสาวสองสามคำ พอมองออกว่าหญิงสาวให้ความเคารพกับชายที่เป็นเพื่อนสนิทบิดาผู้ล่วงลับคนนี้อย่างมาก
ฉินหงเหยียนอธิบาย “แฟนพี่ขอเลี้ยงข้าวคุณอาสวี่น่ะ ดังนั้นพวกเราเลยอยู่ด้วยกัน”
พอปลายสายได้ยินก็โพล่งออกมาอย่างตื่นเต้น “แฟนเหรอ? พี่มีแฟนแล้วเหรอ?! ไหนขอฉันดูแฟนพี่หน่อยสิ เร็วๆ!”
ฉินเสี่ยวตั่วที่อยู่ปลายสายกล่าวด้วยท่าทางดีอกดีใจ
ฉินหงเหยียนจึงต้องจำใจหันมือถือไปทางเย่เฉินอย่างเสียไม่ได้
เย่เฉินเองก็ยื่นมือโบกทักทายฝั่งปลายสาย “ไฮ สวัสดีครับ เสี่ยวตั่ว”
ฉินเสี่ยวตั่วนิ่งไป “ว้าว พี่คะ พี่มีแฟนเป็นเด็กผู้ชายนี่นา! พี่ไม่ได้จ่ายเงินเลี้ยงเขาแน่ๆ ใช่ไหมคะ? ใช้เงินเท่าไหร่? ถ้าพี่ไม่คบเขาแล้วฉันขอต่อได้ไหมคะ? ฉันอยากมีแฟนเป็นเด็กผู้ชายแบบนี้จังเลย!”
เย่เฉิน “…”