เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 20 เย่เฉินเป็นหัวขโมย
ฟางเชากับหวังเจียเหยาตกใจเหมือนโดนสายฟ้าฟาดเข้าที่กลางกระหม่อม
พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าเขยที่แต่งเข้าแล้วโดนขอหย่าคนนี้จะมาพักที่โรงแรมห้าดาวได้!
คืนละตั้งหกพันหยวนกว่าเลยทีเดียว!
ฟางเชาถาม “เจียเหยา เธอแน่ใจเหรอว่าเขามีเงินแค่ไม่กี่ร้อยหยวนน่ะ? สามปีมานี้เขาได้แอบเก็บเงินส่วนตัวเอาไว้ลับหลังเธอไหม?”
หวังเจียเหยาส่ายศีรษะ “ฉันไม่แน่ใจ…อาจจะมีล่ะมั้ง”
ฟางเขาเม้มริมฝีปาก “นายเย่เฉินคนนี้มันใช้ได้จริงๆ เลย ผมบอกว่าเขาอย่าได้ฝันว่าจะได้เข้าพักในโรงแรมสี่ดาวลงไป หมอนี้กลับกล้าลงทุนเปิดโรงแรมห้าดาวนอนเลยทีเดียว!”
ฟางเชาคิดว่าเย่เฉินน่าจะกลัวอิทธิพลของเขาดังนั้นถึงจะได้ตัดใจพักในโรงแรมห้าดาว
โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าเขาเป็นถึงคุณชายของตระกูลเย่ ที่ผ่านมาเขาเข้าพักในโรงแรมห้าดาวตลอด
หวังเจียเหยาถาม “คุณมีวิธีทำให้เขาต้องออกจากโรงแรมไหม?”
ฟางเชามีสีหน้าลำบากใจอย่างยิ่ง “เรื่องนี้ เอ่อ ออกจะยุ่งยากสักหน่อย”
คนที่เปิดโรงแรมห้าดาวได้นั้นล้วนเป็นคนมีอิทธิพล ฟางเชาไม่อาจล่วงเกินได้ หนำซ้ำโรงแรมห้าดาวเหล่านี้ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงเป็นที่สุด
ทันทีที่คนรู้เข้าว่าแขกที่เข้าพักในโรงแรมโดนไล่ออกความเสียหายนี้ไม่ใช่สิ่งที่ฟางเชาจะชดใช้ได้
ฟางเชากล่าวเสียงเบาอย่างเก้อเขิน “ไม่อย่างนั้นให้เขาพักที่นี่สักคืนเถอะ ถึงเขาจะมีเงินเก็บส่วนตัวก็นอนได้อย่างมากได้แค่คืนเดียว”
หวังเจียเหยาดูไม่สบอารณ์อย่างเห็นได้ชัด เมื่อครู่ฟางเชายังให้คำสัญญาแบบหน้าชื่นตาบานว่าเขาจะทำให้เย่เฉินต้องไปนอนข้างถนน แต่ตอนนี้กลับทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้
ฟางเชาเห็นหวังเจียเหยาหัวเสีย ตัวเขาเองก็เริ่มกังวลจึงเอ่ยปากถามขณะมองพนักงาน
“เย่เฉินอยู่คืนเดียวใช่ไหม?”
พนักงานที่เคาน์เตอร์เป็นคนที่เช็คอินให้เย่เฉินจึงไม่ต้องตรวจสอบข้อมูลอะไรแต่ตอบได้เลย
“คุณเย่เฉินจ่ายเงินเจ็ดคืน”
“เจ็ดคืน?” ฟางเขาตกใจ “หมอนี่ใจเด็ดใช้ได้เลย คืนละ 6,000 หยวนเจ็ดวันก็ 42,000 หยวน เจียเหยา เขามีเงินเก็บเยอะใช้ได้เลยนี่!”
หวังเจียเหยาโกรธจนแทบจะกระโดดเต้นเร่าๆ “ต้องเป็นเงินที่แอบยักยอกจากเวลาไปซื้อของที่ตลาด ซื้ออาหารสุนัขแล้วก็เงินจากการซื้อของในชีวิตประจำวันแน่เลย น่าขายหน้าจริงๆ เงินแค่นี้ก็ยังจะเอา!”
ตระกูลเหยาถือเป็นตระกูลใหญ่ในอวิ๋นโจว เงินจับจ่ายใช้สอยนั้นก็ไม่น้อย เรื่องพวกนี้ส่วนมากจะใช้ให้เย่เฉินเป็นคนจัดการดูแล
ตักตวงผลประโยชน์มาสามปี เงินจำนวนนี้ก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้
แต่พนักงานที่เคาน์เตอร์กลับกล่าวต่อว่า “เอ่อ…คุณเย่เฉินไม่ได้เปิดห้องธรรมดา แต่เป็นห้องเพรสซิเดนท์เชียลสวีท”
“อะไรนะ!”
ฟางเชากับหวังเจียเหยาตกใจจนแทบกระโดดโหยง!
ห้องเพรสซิเดนท์เชียลสวีท?
แถมยังจะอยู่ต่ออีกหนึ่งสัปดาห์!
ห้องเพรสซิเดนท์เชียลสวีทของโฟร์ซีซั่นคืนละแปดหมื่นหยวน!
ถ้านอนเจ็ดคืนก็คือ 560,000!
“560,000! เมื่อกี้บอกว่าเย่เฉินจ่ายค่าโรงแรมไป 560,000 เหรอ?” ฟางเขามองพนักงานด้วยสายตาตกตะลึง
พนักงานฟร้อนท์คนสวยพยักหน้า ใบหน้าขัดเขิน “ค่ะ ยังให้ทิปฉันหมื่นหยวนด้วย…”
หวังเจียเหยาได้ยินคำพูดนี้แล้วได้เห็นท่าทางเขินอายของหญิงสาว ในใจก็เกิดริษยาขึ้นมา แล้วตะคอกอีกฝ่าย
“ใครใช้ให้เธอรับทิปจากเขา! เงินพวกนั้นเป็นเงินของตระกูลหวังเรา รู้ไหม!”
ฟางเขาไม่อยากให้หวังเจียเหยาก่อเรื่องในโรงแรมห้าดาวจึงลากเจ้าหล่อนไปอีกทางแล้วถามว่า
“เจียเหยา อย่าเพิ่งโวยวายเรื่องทิปเลย เขาเอาเงินมาจากไหนมาขนาดนั้น? เงินซื้อกับข้าวเข้าบ้านสามปีรวมกันก็ไม่น่าถึงล้านหยวนนี่นา?”
หวังเจียเหยาครุ่นคิดอย่างละเอียด นั่นมันก็จริง ถึงตระกูลหวังจะให้เงินเขาใช้ทุกเดือนแต่สามปีรวมกันก็คงไม่เยอะขนาดนี้
คิดไปคิดมาจู่ๆ หวังเจียเหยาก็คิดอะไรบางอย่างออก จึงกล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวลว่า “เขามักจะไปช่วยย่าฉันดูแลหมาบ่อยๆ ที่บ้านของคุณย่ามีของโบราณเยอะ เขาคงจะไม่ขโมยชิ้นสองชิ้นแล้วเอาไปขายมั้ง?”
ฟางเชาเองก็พอจะรู้กิตติศัพท์ของคุณนายหวัง ในวันเกิดทุกปีหลายปีมานี้เจ้าตัวได้รับของขวัญแพงๆ มาก็มาก
ของขวัญพวกนี้เรียกได้ว่ากองกันเป็นภูเขาในบ้านของหญิงชรา
ถ้าเย่เฉินขโมยไปชิ้นสองชิ้นก็คงจะขายได้ล้านสองล้านหยวน
ฟางเชากล่าว ”ต้องเป็นแบบนี้แน่ รีบบอกที่บ้านเธอเร็ว ให้พวกเขาค้นดูว่ามีอะไรหายหรือเปล่า!”
“อืม!”
หวังเจียเหยารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาซูหลานผู้เป็นมารดา
…
ในเวลาเดียวกัน ณ โรงแรมมาริออท
เย่เฉิน หวังเจียเหยาออกจากงานไปแล้วกว่าสี่สิบนาที แขกในงานก็เริ่มกินอิ่มกันแล้ว
จากที่ผ่านๆ มาเหล่าผู้บริหารที่มีงานยุ่งจะกลับบริษัทไปทำงานกันนานแล้ว
แต่วันนี้กลับไม่มีท่าทีจะลุกไป
พวกเขากำลังรอใครคนหนึ่ง รอคอยคนลึกลับที่เป็นคนให้ของขวัญราคาแปดหลักหรือก็คือคนที่ตามจีบหวังหยวนหยวน
ฉินหงเหยียนมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนัก “ทำไมนานขนาดนี้ เจ้าของของขวัญชิ้นนี้ยังไม่มาอีก? ถนนกวงเหอจะติดขนาดไหนก็ตามเถอะตอนนี้ก็น่าจะถึงได้แล้ว”
“หรือว่าเย่เฉินจะเป็นคนให้กำไลวงนั้นจริงๆ?”
พอคิดถึงตรงนี้ฉินหงเหยียนก็เหงื่อแตกพลั่ก ไม่ใช่ว่าเธอพลาดล่วงเกินคนใหญ่คนโตไปแล้ว?
และในเวลานี้เองโทรศัพท์ของซูหลานก็ดังขึ้น
“ว่าไงจ๊ะลูกสาว เป็นยังไง เลิกกับคนเส็งเคร็งนั่นไปหรือยัง?” ซูหลานรับสายแล้วถามด้วยรอยยิ้ม
หวังเจียเหยากล่าว “คุณแม่ แม่รีบไปบ้านคุณย่าเลยนะคะ ดูว่ามีของโบราณ รูปภาพ รูปพู่กันจีนชิ้นไหนของย่าหายไปหรือเปล่าคะ เย่เฉินคนสารเลวขโมยของที่บ้านเราไปขายค่ะ!”
ซูหลานตกตะลึง “อะไรนะ? เย่เฉินขโมยของเก่า รูปวาด รูปพู่กันจีนของคุณย่าไปเหรอ?”
พอฉินหงเหยียนได้ยินคำพูดของซูหลานก็สบายใจขึ้นไม่น้อย ริมฝีปากที่เย้ายวนใจนั้นก็คาบบุหรี่เรียวเล็กสำหรับผู้หญิง ขณะที่ควันเบาบางลอยออกจากปาก “ทำเอาฉันคิดว่าหมอนั่นเป็นลูกหลานคนใหญ่คนโต ที่แท้ก็แค่ขโมย”