เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 23 ผมคือประธานบริษัท
หวังเจียเหยานิ่งไป จู่ๆ รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเคยได้ยินประโยคนี้ที่ไหนมาก่อน!
พอคิดอย่างละเอียดก็พบว่าเมื่อวานตอนอยู่ที่โรงแรมเจียหัว เหมือนตนเองจะพูดกับเย่เฉินด้วยประโยคนี้!
เมื่อวานเจียเหยากับฟางเชาไปเปิดห้อง แล้วเย่เฉินจับได้ เย่เฉินอยากจะเข้าไปตะบันหน้าฟางเชา แต่หวังเจียเหยากลับบอกว่าเท้าของเขาไม่คู่ควรจะย่างเข้าไปในห้องของโรงแรมห้าดาว!
แต่ตอนนี้เย่เฉินไม่เพียงแต่พักอยู่ในโรงแรมหรูห้าดาว แต่ยังพักอยู่ในฐานะแขกด้วย!
ไม่เพียงเท่านั้นห้องที่เขาพักยังเป็นห้องเพรสซิเด้นท์สูทที่แม้แต่เจียเหยายังไม่เคยพักด้วยซ้ำ!
เป็นโรงแรมห้าดาวเหมือนกัน แต่ห้องที่โรงแรมซีจื่อหูแพงกว่าโรงแรมเจียหัวหลายเท่าตัว!
เย่เฉินยืนตรงหน้าหวังเจียเหยา ทันใดนั้นเองเขาก็นึกถึงประโยคที่ฮิตเหลือเกินในแอพพลิเคชันสักอย่าง
ฉันยืนอยู่ตรงหน้าคุณ คุณดูสิว่าฉันเหมือนที่ผ่านมาเหลือเกิน!
“ได้ จะไม่ให้ฉันเข้าไปใช่ไหมล่ะ?” หวังเจียเหยาโดนปฏิเสธก็หัวเสีย “ตอนแรกกะว่าจะให้โอกาสนายอีกครั้ง ให้นายกลับไปยอมรับผิดที่บ้าน ยอมรับการลงโทษจากคุณย่า เพื่อให้เรื่องนี้จบลง แต่ในเมื่อนายไม่เห็นค่าโอกาสครั้งนี้ อย่างนั้นฉันก็จะแจ้งตำรวจแล้วกัน! อย่าโทษว่าฉันไม่ได้เตือนนาย ขโมยของราคาตั้งห้าล้านหยวนมีโทษเกินห้าสิบปีขึ้นไป! แต่ถ้าตอนนี้นายคุกเข่าลงตรงหน้าฉัน!”
โครม!
หวังเจียเหยายังพูดไม่ทันจบ เย่เฉินก็ปิดประตูทันที
“หึ แค่ผมชอบคุณก็เซ้าซี้จะให้คุกเข่าขอโทษอยู่ได้ สงสัยสามปีมานี้คงจะโอ๋จนเสียคน กะอีแค่ชอบคนแค่คนเดียวจะต้องยอมให้อีกฝ่ายกดตัวเองจนต่ำต้อยแบบนี้!”
เย่เฉินไม่คิดถึงอีกฝ่ายอีก แล้วเป่าผมต่อ
“นาย…”
หวังเจียเหยาโกรธจนกระทืบเท้าเร่าๆ โทรศัพท์หาตำรวจทันที พอแจ้งตำรวจเสร็จก็ตะโกนผ่านประตูห้องสูท “ฉันแจ้งตำรวจแล้ว นายรอเข้าคุกได้เลย!”
คนตระกูลหวังรู้ข่าวที่หวังเจียเหยาแจ้งความอย่างรวดเร็ว
คุณนายหวังกล่าวอย่างหัวเสีย “อะไรนะ? เจียเหยาแจ้งความเหรอ? ใครใช้ให้แจ้งความ? เรื่องในตระกูลหวังเราฉันจะจัดการเอง ไม่ใช่ให้คนอื่นจัดการ!”
ซูหลานรู้ว่าคุณนายหวังชอบแก้ปัญหาด้วยตนเอง เกรงว่าอีกฝ่ายจะโทษหวังเจียเหยาถึงรีบร้อนกล่าว
“คุณแม่คะ ต้องเป็นเพราะเย่เฉินไม่ยอมร่วมมือแน่เลยค่ะ เจียเหยาถึงได้แจ้งความ แล้วพูดอีกอย่างเย่เฉินก็ไม่ใช่คนในครอบครัวเราอีกแล้วจะใช้กฏประจำตระกูลจัดการเขาก็คงจะไม่เหมาะสม”
คุณนายหวังถอนหายใจ “ช่างเถอะ บางทีเย่เฉินคงจะโดนกำหนดให้ไปใช้ชีวิตอยู่ในห้องขังจริงๆ”
คนตระกูลหวังปักใจเชื่อแล้วว่าเย่เฉินจะต้องโดนตัดสินโทษแน่
……
สิบกว่านาทีต่อมา มีคนในชุดตำรวจสองคนมาถึงโรงแรมซีจื่อหู
ฟางเชาและหวังเจียเหยาคอยพวกเขาอยู่ที่ล็อบบี้โรงแรม พอเห็นตำรวจมาถึงแล้ว หวังเจียเหยาก็รีบเดินไปหาพวกเขา
“คุณตำรวจมาสักที ฉันเป็นคนแจ้งความเองค่ะ”
ตำรวจคนหนึ่งกล่าวถามว่า “คุณหวังเจียเหยาใช่ไหม? คุณบอกว่าเย่เฉินขโมยนาฬิการาคาห้าล้านหยวนของที่บ้านคุณ?”
หวังเจียผงกศีรษะ “ใช่แล้วค่ะ เย่เฉินน่ะเป็นเขยที่แต่งเข้าของบ้านเรา พวกเราเพิ่งจะหย่ากัน เขาขโมยนาฬิกาของที่บ้านเราแล้วเอาไปขาย จากนั้นก็เอาเงินมาเปิดห้องเพรสซิเด้นท์สูทสัปดาห์หนึ่งแถมยังเอาสาวๆ มาอยู่ด้วย!”
“คุณตำรวจคะ พวกคุณรีบไปลากตัวเขาลงมาเถอะ!”
ตำรวจเดินไปที่เคาน์เตอร์แล้วกล่าว “โทรศัพท์ไปบอกให้เย่เฉินลงมาด้านล่างที”
เคาน์เตอร์ด้านหน้าโทรหาเย่เฉิน แต่เขาเพิ่งจะเข้านอนเลยไม่ได้ยิน
หวังเจียเหยาโทรเข้าเบอร์มือถือของเย่เฉิน แต่ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ
หวังเจียเหยากล่าว “เขาต้องกินปูนร้อนท้องแน่ถึงได้ไม่กล้ารับสาย!”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราขึ้นไปดูกัน” ตำรวจคนหนึ่งกล่าว
ตำรวจที่มาขึ้นลิฟต์ไปห้องพักของเย่เฉิน ส่วนฟางเชาไม่อยากจะก่อเรื่องที่นี่จึงรออยู่ด้านล่างกับหวังเจียเหยา
ก๊อก ก๊อก
ก๊อก ก๊อก
ตำรวจเคาะประตูอยู่นาน กว่าเย่เฉินจะตื่นจากฝันแล้วลุกมาเปิดประตู
“คุณเย่เฉินใช่ไหมครับ? พวกเราเข้าไปได้ไหม?” ตำรวจถาม
เย่เฉินรู้ว่าหวังเจียเหยาจะแจ้งความจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “ได้ครับ เชิญเลย”
ตำรวจใส่แว่นแนะนำตัว “ผมคือผู้กำกับของสถานีแถวนี้ แซ่หลี่ครับ พวกเราได้รับการร้องทุกข์จากคุณหวังเจียเหยา เธอแจ้งว่าคุณเอานาฬิกามูลค่าห้าล้านหยวนของที่บ้านเธอไป คุณได้ทำไหมครับ?”
เย่เฉินตอบตามสัตย์จริง “ผมไม่ได้เอาของตระกูลหวังมาเลย”
ผู้กำกับหลี่ถามต่อ “ต้องขออภัยด้วยที่ผมละลาบละล้วง ได้ยินมาว่าก่อนนี้คุณคือเขยที่แต่งเข้าของตระกูลหวังไม่มีเงินทองอะไร เมื่อครึ่งปีที่แล้วส่งอาหารเดลิเวอรี่ แล้วคุณผู้หญิงแซ่หวังก็เพิ่งจะบอกว่า พอหย่ากันคุณไม่ได้รับสินสมรสใดๆ จากตระกูลหวังมาเลย…”
ตอนพูดถึงตรงนี้ ผู้กำกับหวังก็ออกจะเห็นใจเย่เฉินทีเดียวในฐานะที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน
คนตระกูลนี้ก็ขี้งกเกินไป ทรัพย์สินที่พวกเขามีอย่างน้อยก็น่าจะหลายพันล้านแบ่งเงินให้เขาสักสองสามหมื่นก็ยังดี
ผู้กำกับหวังกล่าว “คุณดูสิ ห้องเพรสซิเด้นท์สูทนี้ มีสระว่ายน้ำ แถมมีโทรทัศน์ แล้วยังมีโซฟาอีก กว้างขวาง ทิวทัศน์ก็ดี ได้ยินว่าคืนละตั้งแปดหมื่น แถมคุณยังจองไว้ทั้งสัปดาห์”
“ในเมื่อคุณไม่ได้เอานาฬิกามา แล้วคุณเอาเงินพวกนี้มาจากไหน?”
เย่เฉินไม่ได้ตอบตรงๆ แต่ลุกขึ้นตรงไปยังโต๊ะทำงานด้านใน หยิบสัญญาฉบับหนึ่งส่งให้ตำรวจดู
“ผู้กำกับหลี่ นี่คือสัญญาโอนหุ้นของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปของเรา ตอนนี้ผมเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทและเป็นประธานผู้บริหารคนใหม่ของบริษัท นี่คือนามบัตรของผม!”
เย่เฉินส่งนามบัตรประธานผู้บริหารของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปให้ผู้กำกับหลี่!