เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 267 ศัตรูคู่แค้นของเย่เฉิน
ตอนที่ 267 ศัตรูคู่แค้นของเย่เฉิน!
เย่เฉินพอจะมองออกว่าครั้งนี้อดีตภรรยาของเขาไม่ได้โกหก
แต่ว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าตนเองไปล่วงเกินใครนักหนา จนอีกฝ่ายต้องล้างแค้นเขาด้วยวิธีนี้!
“หรือว่าเป็นศัตรูของพี่รอง?”
เย่เฉินทำอะไรรอบคอบ อีกทั้งปกติแล้วเขาจะไม่ไปล่วงเกินตระกูลใหญ่ๆ ในประเทศอยู่แล้ว
แต่ว่าพี่รองของเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น พี่ชายของเขาบ้าคลั่งกว่าเขามาก และไม่เห็นหัวพวกตระกูลใหญ่ๆ อยู่ในสายตาด้วยซ้ำไป
ไม่ชอบขี้หน้าใครก็ซ้อมเขา ชอบผู้หญิงคนไหนเข้า ต่อให้เป็นภรรยาของคนอื่นก็จะแย่งมา
เป็นไปได้อย่างมากว่าคนผู้นั้นน่าจะสืบได้ว่าพี่รองของเขาเป็นใคร แต่หมดหนทางจะเอาคืนเขา ดังนั้นหวยถึงได้มาออกที่เย่เฉิน
เย่เฉินถามหวังเจียเหยา “หมอนั่นหน้าตาเป็นยังไง?”
หวังเจียเหยากล่าว “เขาตัดผมสกินเฮด อายุยังน้อยน่าจะ 20 ต้นๆ หน้าตางั้นๆ ไม่ถือว่าหล่อหรือว่าน่าเกลียด”
“ไม่มีรูปถ่ายเหรอ?” เย่เฉินถาม
เบาะแสพวกนี้ที่หวังเจียเหยาให้มาออกจะเลือนลางเกินไป
หวังเจียเหยาส่ายหน้า “ฉันไม่กล้าหรอก เขาบอกว่าถ้าฉันไปแจ้งความ หรือแอบบอกนายตระกูลหวังของฉันจบเห่แน่”
เย่เฉินจึงถามต่อ “แล้วเขาเคยพูดไหมว่าเขาจะยอมรับเลี้ยงเด็กถ้าเด็กในท้องคุณเป็นลูกเขา?”
หวังเจียเหยาส่ายหน้า “เขาเคยบอกว่าถ้าหากว่าเด็กเป็นลูกเขา แล้วถ้าเป็นเด็กผู้ชายเขาจะให้เงินอีกพันล้าน!”
เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น “เด็กผู้ชายไม่ใช่ลูกของเขา คุณผิดหวังมากไหม?”
“จะผิดหวังได้ยังไง! ฉันไม่อยากจะได้เงินสกปรกของเขาหรอก เย่เฉินนายเลิกเหน็บแนมฉันทีเถอะ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาสักนิด ถึงฉันจะปิดบังนายแต่ว่าเรื่องนี้เป็นเพราะนาย ถ้านายไม่ได้ไปล่วงเกินใครเข้าก็คงจะไม่เป็นเช่นนี้…”
หวังเจียเหยาเริ่มโยนความผิดให้เขา
เย่เฉินจะต้องหาตัวผู้ชายคนนั้นให้เจอ!
“คุณมีวิธีติดต่อเขาไหม?” เย่เฉินถาม
หวังเจียเหยาส่ายหน้า “ไม่มี เขาไม่บอกอะไรเลย”
เย่เฉินสูบบุหรี่แล้ววิเคราะห์อย่างละเอียด
เป้าหมายของคนผู้นี้คือต้องการแก้แค้นเขา เพื่อจะได้เยาะเย้ยเขา
คนที่ทำผิดทั่วๆไป ปกติแล้วจะกลับมาดูฝีมือตัวเองสักหน่อย คนผู้นี้จะต้องกลับมาดูผลงานของเขาหลังจากที่หวังเจียเหยาคลอดลูกแน่นอน เพื่อดูว่าเด็กใช่ลูกเขาไหม
เย่เฉินแน่ใจว่าในตอนนี้ผู้ชายคนนั้นจะต้องซ่อนตัวอยู่!
แต่อาจจะมาหาหวังเจียเหยาเพื่อจะเอาตัวลูกไปได้ทุกเมื่อ!
ตอนนี้คนยังรู้เรื่องพ่อแท้ๆ ของเด็กสองคนเป็นใครกันแน่ยังไม่มาก ยิ่งถ้าเป็นคนนอกไม่มีทางรู้แน่ๆ เชื่อว่าคนผู้นั้นก็น่าจะยังไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กคนไหนเป็นลูกเขา
“ดูแล้วหมอนั่นคงจะอยากมีลูกชายมาก”
เย่ฉินครุ่นคิดแล้วจึงโทรหาศจ.ก่วนในศูนยต์ตรวจ DNA ประจำเทียนไห่ทันที “ศจ.ก่วนครับ”
“อ้าวคุณเย่ ผมดีใจมากนะครับที่คุณโทรมา คุณมีข้อสงสัยอะไรหรือเปล่าครับ?” ศจ.ก่วนกล่าว
เย่เฉินกล่าว “ที่ผมโทรหาคุณเพราะมีเรื่องจะรบกวน ถ้าหากว่ามีคนถามคุณเรื่องผลตรวจ DNA ของลูกหวังเจียเหยาผมหวังว่าคุณจะไม่บอกเขาคนนั้น”
ศจ.ก่วนหัวเราะร่วน “คุณชายเย่คิดมากไปแล้ว เรื่องแบบนี้ผมต้องไม่บอกใครอยู่แล้ว คุณโทรมาเพื่อกำชับเรื่องนี้โดยเฉพาะ คุณชักจะไม่เชื่อใจผมเกินไปแล้วนะครับ ฮ่าๆ”
เย่เฉินกล่าวต่อ “ถ้าหากว่าหมอนั่นเค้นคุณ หรือว่าใช้อาวุธขู่คุณ รบกวนคุณบอกเขาไปว่าลูกสองคนของหวังเจียเหยา เด็กผู้ชายไม่ใช่ลูกผม ส่วนเด็กผู้หญิงเป็นลูกผมเอง”
ทันทีที่ได้ยินเย่เฉินกล่าวว่าอาจจะมีคนใช้อาวุธขู่เขา ศจ.ก่วนก็ตึงเครียดทันที “ครับ…ครับ!”
หลังจากวางสายหวังเจียเหยาก็รีบถาม “เย่เฉินทำไมนายต้องให้ศจ.ก่วนโกหกด้วย? ลูกชายเป็นลูกนายชัดๆ”
ขณะที่พูดหวังเจียเหยาก็เข้าใจทันที “อ้อ ฉันรู้แล้ว นายอยากใช้วิธีนี้ล่อเขาออกมาใช่ไหม!”
เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “ทำแบบนี้ไม่ดีหรือไง? ถ้าเขารู้ว่าคุณมีลูกชายให้เขายังจะให้เงินคุณอีกตั้งพันล้าน”
หวังเจียเหยาลอบยินดีแต่กลับแสร้งทำท่าไม่ใยดี “แหมเย่เฉิน นายพูดอะไรน่ะ ฉันไม่อยากได้เงินเขาหรอก ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา ฉันไม่อยากเลี้ยงลูกของเขาเสียหน่อย! ต่อให้เขาให้เงินฉันฉันก็ไม่อยากเลี้ยง!”
จากนั้นหวังเจียเหยาก็กล่าวต่อ “ถ้าหากว่าเขาไม่ไปตรวจผลตรวจที่ศูนย์ตรวจ DNA ล่ะจะทำยังไง? เขาอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าพวกเราไปตรวจ DNA กันที่ไหน?”
เย่ฉินครุ่นคิดก็อาจจะเป็นไปได้ “งั้นคุณมีความคิดยังไง?”
หวังเจียเหยาคิดเล็กน้อยแล้วกล่าว “ฉันคิดว่ากระพือเรื่องนี้สักหน่อยจะได้เป็นที่สนใจ ฉันคิดว่าถ้าจัดงานเลี้ยงครบรอบเดือนให้ลูกแฝด เขาจะต้องมาแน่”
เย่เฉินมองหวังเจียเหยา หวังเจียเหยาในวันนี้ต่างไปจากที่ผ่านมา หล่อนก่อนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรยังต้องคอยขอคำแนะนำของซ่งหงเย่
ตอนนี้หล่อนคิดบ้าๆ ได้เร็วกว่าเขาเสียอีก
เย่เฉินพยักหน้ารับ “ได้ งั้นก็จัดงานให้คู่แฝด เขียชื่อไปว่าหวังเจียเยว่กับเย่เจียอินแล้วกัน เดี๋ยวเขาเห็นชื่อก็ทายได้เองว่าเด็กคนไหนเป็นลูกเขา!”
หวังเจียเหยา “ค่ะ!”
คู่แฝดคลอดได้สองสัปดาห์กว่าๆ เดี๋ยวอีกสองสัปดาห์ เย่เฉินตั้งใจจะจัดงานเลี้ยงครบเดือนในวันที่ 1 เดือนมีนาคม
เวลาเหลืออีกหนึ่งสัปดาห์กว่าก็จะถึงวันงาน
“งั้นเย่เฉินงานเลี้ยงครบเดือนจัดที่อวิ๋นโจวได้ไหม? ฉันกับหลิ่วอวี่เจี๋ยจะหย่ากันอยู่แล้ว ฉันเลยไม่อยากจะอยู่เทียนไห่ต่อแล้ว” หวังเจียเหยากล่าว
ถึงแม้ว่าเทียนไห่จะเจริญกว่าอวิ๋นโจว แต่หวังเจียเหยาไม่สามารถจะยืนหยัดอยู่ที่นี่ได้ด้วยลำแข้งตนเอง อวิ๋นโจวเป็นอาณาเขตของหล่อน
เย่เฉินพยักหน้ารับ “ได้”
หวังเจียเหยาจึงเริ่มอ้อนวอนขอต่อ “งั้นฉันขออยู่ที่นี่ได้ไหม? ฉันชอบที่นี่มากเลย!”
เย่เฉินมองหวังเจียเหยาด้วยสายตาเย็นชา “คุณไม่คู่ควรจะได้อยู่ที่นี่”
เย่เฉินไม่มีทางปล่อยให้หวังเจียเหยาพักอยู่ในวิลล่าของเขาเอง!
หลังจากที่ไล่หวังเจียเหยาไปแล้ว เย่เฉินก็โทรหาฉินหงเหยียน
“หงเหยียน”
“ที่รักคะ เป็นยังไงบ้าง?”
“ผมโอเคครับ ในที่สุดก็รู้สักทีว่าเรื่องเป็นมายังไง พ่อของเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นศัตรูของผม”
“ศัตรูเหรอ? ใครกัน?”
“ผมเองก็ไม่รู้ ตอนนี้ผมต้องอยู่ที่อวิ๋นโจวต่อ เพื่อหาตัวหมอนั่น หงเหยียนต้องขอโทษด้วยจริงๆ หลังจากขอคุณแต่งงานกลับไม่ค่อยได้อยู่กัยคุณเลย รอผมจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วเราแต่งานกันเถอะนะ!”
“ได้สิคะฉันไม่รีบ เพราะยังไงฉันก็เห็นคุณเป็นสามีของฉันตั้งนานแล้ว เราสองคนรักกันมากขนาดนี้ ไม่มีใบเอกสารก็ไม่เห็นเป็นอะไร จริงสิ ก่อนนี้สวี่ฉู่หมิงโทรมาบอกให้ฉันไปเมืองเสินเฉิงสักรอบ เพื่อไปคุยกับเขาต่อหน้าให้รู้เรื่อง ในเมื่อช่วงนี้คุณไม่กลับมาเดี๋ยวฉันจะไปที่เมืองเฉินสักหน่อย คุณไม่คิดอะไรใช่ไหมคะ?”
“ไม่เลยครับ ผมเชื่อใจคุณ คุณไปคุยกับตาแก่นั่นให้รู้เรื่องเถอะ เขาจะได้เลิกตอแยคุณ บอกเขาไปว่าไม่ว่าจะเงินทอง หรือความอ่อนหวาน หรือความรัก จะด้านไหนผมก็เหรือกว่าเขา บอกให้เขาเลิกเพ้อฝันได้แล้ว”
“อืม ฉันจะต้องเอาคำพุูดของคุณไปบอกเขาให้ครบทุกประโยคเลยล่ะค่ะ ฮ่าๆ รักคุณนะคะที่รัก!”