เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 32 แออัดกันที่ลานจอดรถ
หวังเจียเหยาอยากจะถามเย่เฉินต่อหน้าว่าทำไมถึงยอมคุกเข่าให้หญิงอื่นแต่กลับไม่ยอมคุกเข่าให้หล่อน!
แล้วยิ่งไปกว่านั้นอยากจะถามฉินหงเหยียนว่าทำไมถึงต้องแย่งผู้ชายของตนเอง!
คุณนายหวังถลึงตามองหวังเจียเหยาอย่างไม่พอใจ แล้วกล่าวกับอีกฝ่าย
“โทรหาฉินหงเหยียน ฉันจะคุยเอง”
“ครับ!”
หวังจื้อเฉียงล้วงมือถือออกมาอย่างรวดเร็ว เขากดโทรออกหาฉินหงเหยียนก่อนจะก็ส่งมือถือให้มารดา
ถึงคุณนายหวังจะหัวเสียแต่น้ำเสียงยังคงนุ่มนวลอ่อนโยน อย่างไรเสียหญิงชราก็โลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจมาตลอดชีวิต เรื่องขี้ปะติ๋วแค่นี้ไม่มีค่าพอให้เจ้าตัวต้องโวยวาย
คุณนายหวังกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่ยังเปี่ยมด้วยอำนาจ “คุณฉิน ฉันได้ยินมาว่าเขยที่แต่งเข้าคนนั้นของบ้านเราไปที่หัวเซิ่งเพื่อสมัครเป็นบอดี้การ์ดของคุณ ถ้ารู้ก่อนนี้ว่าคุณถูกใจเย่เฉินล่ะก็เมื่อครึ่งปีก่อนคงส่งตัวเขาให้คุณไปแล้ว เพียงแต่เมื่อวานคุณบอกเองว่าจะช่วยพวกเราตัดทางทำมาหากินของเขา แต่วันนี้คุณกลับให้ความช่วยเหลือเขา เหมือนว่าคุณยังติดค้างคำอธิบายเรื่องนี้กับฉันอยู่นะคะ?”
ฉินหงเหยียนกล่าวตอบอีกฝ่าย “เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดหรอกค่ะ แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง ฉันก็ติดค้างคำขอโทษคุณอยู่จริงๆ ฉันคงทำตามที่รับปากคุณไปเมื่อวานไม่ได้แล้ว ต้องขอโทษด้วย”
พอได้ยินฉินหงเหยียนขอโทษอย่างจริงใจ คุณนายหวังก็อารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย
“แหม พูดขอทงขอโทษอะไรกัน เรามันคนกันเองทั้งนั้น ในเมื่อคุณชอบเด็กนั่นอย่างนั้นก็เก็บเขาไว้เถอะ แค่เขยที่แต่งเข้าบ้านเราถือเสียว่าตระกูลหวังยกเขาให้คุณแล้วกัน!”
“จะยกเขาให้หล่อนไม่ได้นะคะ!” หวังเจียเหยาที่อยู่ด้านข้างโพล่งออกมาด้วยความหึงหวง
คุณนายหวังหัวเสีย ถลึงตามองหวังเจียเหยาอย่างไม่พอใจแล้วรีบใช้มือปิดไมโครโฟนเอาไว้ด้วยเกรงว่าคำพูดของหวังเจียเหยาจะลอดเข้าไปในสาย
ส่วนซูหลานเมื่อเห็นคุณนายหวังโกรธ ก็รีบร้อนใช้มือปิดปากลูกสาวเพื่อไม่ให้เจ้าหล่อนพูดอะไรได้อีก
คุณนายหวังพูดต่อด้วยรอยยิ้มละมุน “เรื่องของเย่เฉิน ฉันจะไม่คิดเล็กคิดน้อยแล้วกัน แต่โปรเจกต์ร่วมลงทุนเจ็ดสิบล้านที่คุณฉินคุณรับปากฉัน คงจะไม่ผิดคำพูดอีกใช่ไหม?”
ฉินหงเหยียนกล่าวว่า “ฉันคุยกับคุณเย่เรื่องโปรเจกต์นี้แล้วค่ะ ท่านประธานเห็นแผนธุรกิจของพวกคุณแล้ว เขาชอบมากบอกว่าน่าสนใจแต่เขาอยากจะศึกษาเพิ่มเติมอีกสักหน่อย”
“อะไรนะ? คุณเย่เห็นแผนธุรกิจของเราแล้ว? แล้วก็ชอบมากด้วยเหรอ?”
คุณนายหวังทวนคำพูดของฉินหงเหยียนด้วยความตื่นเต้น
พอบรรดาคนตระกูลหวังที่อยู่รอบตัวหญิงชราได้ยินเข้าก็ดีใจจนเนื้อเต้น!
คุณนายหวังกล่าวต่อ “ถ้าเขาอยากจะได้ข้อมูลเพิ่มเติม เรื่องนี้ง่ายนิดเดียว ฉันจะให้จื้อเฉียงไปสวัสดีคุณเย่ที่บริษัทแล้วคุยเรื่องนี้กับเขาด้วยตนเอง!”
ฉินหงเหยียนกล่าวตอบ “ได้ค่ะ อย่างนั้นฉันจะจัดวันเวลาให้”
คุณนายหวังกล่าวอย่างดีใจ “ขอบคุณมากนะคุณฉิน ถ้าเรื่องเรียบร้อยแล้วจะต้องส่งของขวัญไปขอบคุณคุณอีกครั้งแน่นอน!”
เมื่อวางสายแล้วคุณนายหวังก็ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีจนเห็นริ้วรอยบนใบหน้าอย่างชัดเจน
“จื้อเฉียง คุณเย่ดูแผนธุรกิจของเราแล้ว แกเตรียมตัวให้ดีๆ คุณฉินอาจจะจัดแจงนัดคุณเย่ให้แกได้ตลอดเวลา พอถึงตอนนั้นแกต้องแสดงความสามารถให้เต็มที่ หากเจอคุณเย่แล้วอย่าทำพังล่ะ!”
หวังจื้อเฉียงเองก็กระตือรือล้นด้วยความตื่นเต้น “วางใจได้เลยครับแม่ พอเจอคุณเย่ผมจะเยินยอเขาแน่นอน! แล้วจะสรรเสริญโปรเจกต์ของเราให้มันเลิศเลอเพอร์เฟ็คสุดๆ ไปเลย ฮ่าๆ แต่ตอนนี้เย่เฉินเป็นคนของคุณฉินไปแล้ว พวกเราควรจะเอาเรื่องที่เย่เฉินขโมยของไหมครับ?”
คุณนายหวังตะคอก “ทำไมจะไม่เอาเรื่อง? สืบเรื่องที่เย่เฉินขโมยนาฬิกาต่อ แล้วหาหลักฐานมาให้ได้ พอถึงตอนนั้นไม่ว่าจะต้องใช้กฎประจำตระกูลจัดการเขา หรือจะส่งเขาเข้าคุก หรือหยิบยื่นน้ำใจให้ฉินหงเหยียน ก็ถือว่าได้ประโยชน์ทั้งนั้น!”
จู่ๆ หวังซ่าวเจี๋ยก็เปิดปากเอ่ย “คุณย่าครับ ผมเจอหลักฐานแล้วครับ เขาขายนาฬิกาให้พวกนักเลงหัวไม้”
คุณนายหวังพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ดีมาก หาหลักฐานมา เย่เฉินเป็นแค่หมาตัวหนึ่งของฉินหงเหยียน ต่อให้พวกเราทำร้ายเขาฉินหงเหยียนก็ไม่ลงมือทำอะไรหรอก”
จากนั้นคุณนายหวังก็จ้องหวังเจียเหยา หวังจื้อหย่วนและซูหลานแล้วกล่าวอย่างไม่ใคร่จะพอใจนัก
“จื้อเฉียงช่วยบริษัทเราคุยกับคุณเย่เรื่องสัญญา ซ่าวเจี๋ยเจอหลักฐานที่เย่เฉินขโมยของ แล้วครอบครัวพวกแกล่ะ? ได้เสียสละทำอะไรเพื่อตระกูลหวังบ้าง? คนแก่ก็ใช้ไม่ได้ คนหนุ่มสาวก็ไร้ความสามารถ! กระทั่งเขยที่แต่งเข้ามาก็ยังอบรมสั่งสอนไม่ได้ เสียดายหน้าสวยๆ ของแก วงหน้านี้ควรจะไปอยู่บนตัวหยวนหยวนยังจะดีเสียกว่า!”
คุณนายหวังเข้าข้างคนบ้านหวังจื้อเฉียงมาตลอด ตอนนี้จึงยิ่งตำหนิหวังเจียเหยารุนแรงกว่าเดิม
หวังเจียเหยาเป็นคนเย่อหยิ่ง หล่อนจึงวิ่งออกจากบ้านด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว
“เจียเหยาไปไหน!”
ฟางเชาตามออกมาก็พบว่าหวังเจียเหยาขับรถออกไปแล้ว แถมยังขับรถด้วยความเร็ว ท่าทางเหมือนจะออกไปฆ่าคนอย่างไรอย่างนั้น!
“เย่เฉินไอ้คนสารเลว นายทำให้ฉันต้องขายหน้าคนทั้งบ้าน ฉันจะสั่งสอนนายให้นายเข็ดไปเลย!”
หวังเจียเหยาขับรถออดี้ไปถึงบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปอย่างรวดเร็ว
เพราะคนตระกูลหวังกำลังอยู่ในช่วงเจรจาร่วมลงทุนกับบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป ดังนั้นหวังเจียเหยาจึงมีเบอร์โทรศัพท์ของโจวหรงหรงเลขาของฉินหงเหยียน
“เย่เฉินกับคุณฉินของพวกเธออยู่ไหน?”
หวังเจียเหยาถามขณะนั่งอยู่บนรถในลานจอดรถใต้ดิน
โจวหรงหรงตอบ “พวกเขาเพิ่งลงไปลานจอดรถด้านล่างค่ะ คุณหนูหวังหาพวกเขา….”
โจวหรงหรงยังไม่ทันพูดจบ หวังเจียเหยาก็กดวางสาย เดินลงมาจากรถแล้วหันไปมองรอบๆ
แล้วหล่อนก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินไปพลางหัวร่อต่อกระซิก ขณะเดินไปที่รถพอร์ช พานาเมร่าสีแดง
ชายหญิงคู่นั้นคือเย่เฉินและฉินหงเหยียน!