เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 339 เย่เฉินแต่งภรรยาสองคน
ตอนที่ 339 เย่เฉินแต่งภรรยาสองคน?
ซูมู่เสวี่ยก็ระเบิดโทสะออกมาทันที หญิงสาวอธิบาย “ฉันแอบมองนายตอนไหน? ยังมีหน้าบอกว่าแอบรักนาย? อ้วก! นายส่องกระจกหน่อยเถอะ นายคู่ควรเหรอ?”
เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไปบ้านพ่อแม่คุณครั้งแรก แล้วก็วันก่อนในงานแต่งงานของสวี่ฉู่หมิงที่เมืองเสินเฉิง คุณยังแอบมองผม ผมส่องกระจกทุกวัน หล่อมากเลย มีปัญหาหรือเปล่า?”
เย่เฉินหน้าตาหล่อเหลาเป็นเรื่องจริงที่ทุกคนยอมรับ ไม่ว่าคนตระกูลซูจะดูถูกเหยียดหยามเขายังไงก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงข้อนี้
ในที่ผ่านมา เย่เฉินไม่เคยใช้ใบหน้าของตนเองเป็นอภิสิทธิ์ในการใช้ชีวิตมาก่อน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นอาวุธชั้นยอดในการจัดการกับซูมู่เสวี่ย
ด้านข้างของซูมู่เสวี่ยมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ หน้าตาธรรมดา ร่างกายเจ้าเนื้อ สีหน้าไม่น่าดูนัก เป็นไปได้อย่างมากว่าเขาคือสามีของซูมู่เสวี่ย
ที่เย่เฉินจงใจพูดแบบนี้เพื่อยั่วโมโหสองคนนั้น
ยุคนี้แล้วสามีภรรยาที่ไม่มีปัญหากันไม่มีอยู่จริง โดยเฉพาะพวกที่ดื้อดึง ไร้มารยาทกับคนอื่นแถมยังทำตัวไม่ดีอีก
ถ้าหากว่าระเบิดอะไรออกมาคงจะสนุกน่าดู
ซูมู่เสวี่ยดูไม่พอใจ หล่อนเองก็ยอมรับว่าเย่เฉินหน้าตาดีไม่น้อย ก็รีบแก้ตัวพัลวัน
“นายพูดบ้าๆ! ตอนที่นายมาบ้านคุณพ่อคุณแม่นายมองฉันชัดๆ! แล้วไหนจะที่งานวันแต่งงานของสวี่ฉู่หมิง นายก่อเรื่องในงานแต่งงานแถมจูบเจ้าสาวต่อหน้าคนอื่นตั้งนาน คนในงานก็กำลังดูอยู่ ทำไมฉันจะดูไม่ได้? ฉันไม่ได้แอบดูนายเสียหน่อย!”
เย่เฉินระบายยิ้ม “ซูมู่เสวี่ย คุณไม่ต้องอธิบายหรอก คุณไม่มองผมแล้วรู้ได้ยังไงว่าผมมองคุณ? ในงานแต่งงาน คุณดูผมจูบแฟนน้ำลายไหลแย่เลยล่ะสิ ทำไมเหรอทักษะในการจูบผู้หญิงของผมทำคุณน้ำลายไหลล่ะสิ? อยากลองเหรอคุณน่ะ?”
เย่เฉินถากถางซูมู่เสวี่ยไม่หยุด ความจริงแล้วตอนอยู่ในงานแต่งงานตอนที่เขาจูบฉินหงเหยียน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายมองเขาอยู่
ซูมู่เสวี่ยหน้าแดงก่ำ “นาย…นายพูดจาเหลวไหล!”
จากนั้นหล่อนก็หันไปพูดกับผู้ชายข้างตัว “ที่รัก อย่าไปเชื่อคำพูดเขานะ”
สีหน้าชายคนนั้นไม่สู้ดี คิดว่าเขาน่าจะเชื่อคำพูดของเย่เฉินไปแล้ว
ในเมื่อเชื่อง่ายขนาดนี้ ก็แปลว่าปกติแล้วซูมู่เสวี่ยอาจจะไม่ได้ซื่อตรงกับชายหนุ่มเท่าไหร่นัก!
ซูมู่เสวี่ยร้อนรน หล่อนเถียงเขาไม่ได้ ก็เลยหันไปฟ้องซูเจิ้นหางแทน“คุณปู่ ไอ้เดียรัจฉานตัวนี้ มันมาที่บ้านของเรา แล้วพูดจาดูหมิ่นหนู คุณปู่จะต้องสั่งสอนมันนะคะ!”
ทว่าซูเจิ้นหางกลับไม่มีทางที่โกรธอีกฝ่ายด้วยซ้ำ เขากล่าวพลางระบายยิ้ม “ดูพวกเธอทะเลาะกันนั่น เหมือนเห็นเธอกับมู่หลินทะเลาะกันตอนเด็กๆ เลย ปู่ว่าสนิทกันดีนะ ฮ่าๆ กระทบกระทั่งกันบ้างถึงจะเรียกว่าครอบครัวเดียวกัน”
เย่เฉินแอบเถียงในใจ ตาแก่บ้า ใครเป็นคนในครอบครัวเดียวกับคุณ!
แม่ของซูมู่ชิงก็ระบายยิ้มออกมา คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะพูดเก่งขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะพูดจนซูมู่เสวี่ยอ้าปากพะงาบๆ เถียงไม่ออก
ความจริงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างซูมู่ชิงกับซูมู่ชิงก็ไม่ได้ราบรื่นนัก ซูมู่ชิงหน้าตาสะสวยแต่เถียงคนไม่ค่อยเก่ง แถมยังทำอะไรตรงไปตรงมา ไม่เหมือนซูมู่เสวี่ยที่แก้ตัวเก่ง
แม่ของซูมู่ชิงถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เย่เฉินเอ้ย ได้ยินมาว่าตระกูลเย่ของเธอเป็นตระกูลใหญ่ที่เป็นที่รู้จักของทั่วโลก มีเส้นสาย อีกทั้งยังสนิทสนมกับราชวงศ์ รัฐบาลด้วยจริงเหรอ?”
เย่เฉินพยักหน้า“ใช่ครับ คุณปู่ของผมลงทุนในทุกภูมิภาคทั่วโลกไปไม่น้อยเลย ดังนั้นก็เลยมีเพื่อนมาก”
มารดาของซูมู่ชิงยิ้ม “ดีจริงๆ เลย ถึงแม้ว่าตระกูลซูของเราจะยิ่งใหญ่ในประเทศนี้ แต่พอไปเมืองนอกแล้วเราไม่รู้จักใคร แถมไม่มีเส้นสายอะไรด้วย บรรดาเด็กๆ ก็ยังอายุน้อย ชอบไปเที่ยวทั่วโลก ถ้าไม่รู้จักคนในโลกภายนอกบ้างจะทำยังไง?
เมื่อปีก่อนมู่หลินไปเที่ยวที่ดูไบ ไปเกาะแกะนางสนมของเชื้อพระวงศ์ดูไบ โดนเขาซ้อมแล้วจับขังอีก ถ้าเรามีเส้นสายแบบตระกูลเย่ละก็ คาดว่าแค่แจ้งกับทางนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายนักหนาแล้ว”
พอได้ยินถึงตรงนี้ใบหน้าซูมู่หลินคล้ำลง ใบหน้าเขาฉายแววสำนึกผิด
แต่มารดาของซูมู่ชิวกลับแย้ง “เธอเห็นตระกูลเย่ของเขาเป็นเทวดาหรือไง พวกเขารู้จักเชื้อพระวงศ์อังกฤษฉันยังพอเชื่อ แต่เธอรู้ได้ยังไงว่าพวกเขารู้จักเชื้อพระวงศ์ดูไบด้วยน่ะ?”
เย่เฉินกล่าวพลางหัวเราะ “บังเอิญจัง ก่อนจะไปที่ซีเรีย ผมเคยไปอยู่ที่ดูไบช่วงหนึ่ง สนิทกับพวกเขาอยู่เหมือนกัน กินข้าวด้วยกันบ่อยๆ จะให้ผมโทรหาเพื่อพิสูจน์ไหมล่ะครับ?”
“ฮ่าๆ เยี่ยมจริงๆ ตระกูลเย่มีอิทธิพลทั่วโลกจริงๆ ดองกับตระกูลซูของเรานับว่าสมน้ำสมเนื้อจริงๆ!”
ซูเจิ้นหางมีท่าทีปลิ้มอกปลื้มใจ
มารดาของซูมู่ชิงเองก็ยิ้มหน้าบาน “จริงด้วยๆ ฉันว่าซูมู่ชิงกับเย่เฉินเหมาะกันเหมือนกิ่งทองใบหยก ลูกสาวแม่เลือกแฟนเก่งจริงๆ”
คนอื่นๆ ปิดปากเงียบ ทันทีที่ตระกูลซูกับตระกูลเย่ดองกัน ผลประโยชน์จะตกเป็นของคนทั้งตระกูลซู
แต่จู่ๆ เย่เฉินกลับโพล่งออกมา “ขอโทษด้วยนะครับ ผมคิดว่าพวกคุณคงเข้าใจผิด วันนี้ที่ผมมาไม่ได้มาเพื่อเป็นลูกเขยของตระกูลนี้ แต่ผมมาขอร้องให้คุณซูปล่อยหลิวเจิ้งคุนกับซีกวาลูกน้องของผมสองคน อาคุนกับซีกวาอาจเคยทำผิดมาในอดีต ขอแค่เป็นความผิดที่พวกเขาเคยทำ พวกเขาก็สมควรจะรับโทษ แต่ได้โปรดอย่าโยนความผิดอื่นๆ ให้พวกเขา พวกเขาต่างก็มีลูกและภรรยารออยู่ จะติดคุกไปตลอดชีวิตไม่ได้”
สีหน้าของซูเจิ้นหางคล้ำลงแล้วกล่าว “หมารับใช้สองตัวอย่างหลิวเจิ้งคุนกับซีกวา ถ้าฉันอยากปล่อยพวกเขาพูดแค่นิดเดียวก็ได้แล้ว แต่ถ้าเธออยากให้ฉันปล่อยพวกเขาก็แสดงให้เห็นความจริงใจออกมา เธอก็แค่รับปากว่าจะรับผิดชอบหลานสาวฉัน แต่งงานกับมู่ชิง ไม่อย่างนั้นหมารับใช้สองตัวนี้อย่าหวังจะได้เจอหน้าลูกเมียตลอดชีวิต!”
คิดไม่ถึงว่าซูเจิ้นหางจะบีบให้เย่เฉินยอมเป็นหลานเขยของพวกเขา!
เย่เฉินตอบทันที “ผมมีแฟนแล้ว หล่อนชื่อฉินหงเหยียน เรื่องแต่งกับหลานสาวคุณผมคงทำไม่ได้!”
ในเวลานี้ซูมู่หลินก็เปิดปากเอ่ย “เย่เฉิน ฉันรู้ว่านายกับฉินหงเหยียนในตอนนี้เป็นช่วงข้าวใหม่ปลามัน อยากจะให้พวกนายแยกจากกัน นายต้องไม่เห็นด้วยแน่นอน ไม่อย่างนั้นเอาแบบนี้แล้วกัน พวกเราจะยอมถอยให้ นายแต่งงานกับพี่สาวฉัน ให้ฉินหงเหยียนเป็นบ้านรอง อย่างไรเสียเมื่อก่อนฉินหงเหยียนก็เคยเป็นเมียน้อยมาก่อน หล่อนต้องยินดีแน่นอน”
คิดไม่ถึงว่าซูเจิ้นหางจะพยักหน้าหงึกหงัก “อืม ฉันอนุญาตให้เธอได้มีผู้หญิงสองคนนี้ได้พร้อมกัน นี่ไม่ได้แปลกอะไรกับที่บ้านเราหรอก ผู้ชายคนหนึ่งมีภรรยาหลายคนตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
เหล่าเศรษฐีในเมืองหลวงตั้งแต่อดีตล้วนแต่มีภรรยาหลายคน
พูดถึงตอนนี้ลูกชายของซูเจิ้นหางยังมีภรรยาสองคนเลย อีกทั้งภรรยาของเขาทั้งสองคนนี้ยังไม่ออกจากตระกูลซูด้วยซ้ำ
มีภรรยาสองคนพร้อมกัน นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าเย้ายวนใจและมีความสุขอย่างมากสำหรับชายหนุ่มไม่ว่าจะคนใดก็ตาม
แต่ว่าเย่เฉินเติบโตที่เมืองนอก เลยไม่ได้มีความคิดอยากมีภรรยาหลายคน เขาอยากจะรักผู้หญิงคนเดียวทั้งชีวิตของเขา!
ความสามารถของเย่เฉินมีจำกัด เขาจึงไม่สามารถรักผู้หญิงสองคนพร้อมกันไม่ได้
อีกอย่างผู้หญิงทำงานเก่งอย่างฉินหงเหยียน ไม่มีทางยอมใช้สามีร่วมกับคนอื่นแน่นอน
เย่เฉินปฏิเสธทันที “ชีวิตนี้ของผมจะแต่งงานกับฉินหงเหยียน ผมไม่มีทางให้หล่อนเป็นภรรยาน้อยหรือมือที่สาม!”