เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 35 เย่เฉินยังรักฉัน
เย่เฉินขับรถออกมาจากลานจอดรถใต้ดินของบริษัทซึ่งเป็นตึกขนาดใหญ่ในโซน CBD แต่เขายังรู้สึกราวได้ยินเสียงคร่ำครวญของหวังเจียเหยาอยู่
หวังเจียเหยาเป็นคนหยิ่งยโส ไหนเลยจะทนโดนตบในที่สาธารณะได้?
เย่เฉินขับรถไปพลางกล่าวกับฉินหงเหยียน “หงเหยียน คุณไม่ต้องยุ่งเรื่องของผมกับหวังเจียเหยาแล้ว อีกอย่างคุณห้ามตบเธออีก”
ฉินหงเหยียนมองออกว่าเย่เฉินยังรักภรรยาเก่าของเขาอยู่!
ฉินหงเหยียนกล่าว “ได้ค่ะคุณเย่ แต่หล่อนทำแบบนั้นกับคุณ คุณไม่เกลียดหล่อนเลยเหรอ?”
เย่เฉินกล่าวแล้วยิ้ม “เกลียดและความรักเป็นขั้วที่แตกต่างของสิ่งเดียวกัน ถ้าไม่มีความรักจะเกิดความเกลียดชังได้ยังไง?”
พอได้ยินคำพูดที่มีหลักการอย่างยิ่งของเย่เฉินแล้ว ฉินหงเหยียนไม่เห็นเขาเป็นเด็กอีกต่อไป
จะดูถูกความรู้ความสามารถหรือความคิดความอ่านของเหล่าคุณชายจากตระกูลร่ำรวยไม่ได้เลย
เย่เฉินมีทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ ความคิดความอ่านก้าวหน้าขนาดนี้ แถมเขายังปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างใจกว้างและให้เกียรติ ฉินหงเหยียนรู้สึกเหมือนตนเองจะแอบชอบเขาเข้าแล้ว
“ฉันจะต้องจีบผู้ชายคนนี้ให้ได้!” ฉินหงเหยียนลอบกล่าวในใจ
หลายสิบนาทีต่อมา เย่เฉินและฉินหงเหยียนขับรถมาจนถึงสถานที่ที่เรียกว่าวัดจินเก๋อ
ที่นี่งดงามราวภาพวาด ทิวทัศน์ก็สวยงามราวบ้านพักตากอากาศ และด้านข้างยังมีพิพิธภัณฑ์ที่สร้างเสร็จแล้วครึ่งหนึ่งด้วย
เมื่อลงจากรถเย่เฉินก็มองสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัวแล้วกล่าว “ตระกูลหวังตั้งใจจะสร้าง ‘อีผิ่นซือจ๋าย’ (SUPREME RESIDENCE) ที่นี่ล่ะสิ”
อีผิ่นซือจ๋ายคือโปรเจกต์ที่ทางตระกูลหวังจะร่วมลงทุนกับบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป อีผิ่นซือจ๋ายสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัวเศรษฐีทั้งสิ้น
ดูจากแผนธุรกิจที่ตระกูลหวังส่งมาให้ สุดท้ายแล้วที่นี่จะมีคฤหาสน์สิบกว่าหลังโดยมีสไตล์เป็นจีนโบราณและยุโรปผสมผสานกัน
ระเบียงของตัวบ้านทำจากไม้สน บานกระจกยาวจรดพื้น พื้นเป็นเสื่อทาทามิ เตียงนอนเป็นแบบยุโรป โดยด้านนอกหน้าต่างและระเบียงเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามสะดุดตา
เป้าหมายของโปรเจกต์ก็เพื่อสร้างบ้านเดี่ยวที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดและมีสภาพแวดล้อมที่สวยงามที่สุดในอวิ๋นโจว
ฉินหงเหยียนผงกศีรษะแล้วกล่าว “ที่นี่แหละค่ะ ที่นี่มีต้นไม้มากที่สุดในอวิ๋นโจวแถมในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ถ้าอาศัยที่นี่จะสามารถปิคนิกในสวนได้ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังมีน้ำพุร้อนธรรมชาติเพียงแห่งเดียวในอวิ๋นโจวด้วยค่ะ เชื่อว่าพวกคนมีเงินในอวิ๋นโจวจะต้องมาอาศัยที่นี่ แต่คุณเย่กะจะให้เงินลงทุนพวกเขาจริงเหรอคะ? ที่พวกเขาทำกับคุณมันเกินไป!”
เย่เฉินยิ้มแล้วกล่าวว่า “อันที่จริงโปรเจกต์นี้เป็นความคิดของผม”
“อะไรนะคะ? แปลว่าคนตระกูลหวังขโมยความคิดของคุณเหรอคะ?” ฉินหงเหยียนตกตะลึง
เย่เฉินส่ายหน้า “จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้หรอก ผมพอจะมองออกว่าตระกูลหวังอยากจะพึ่งพิงตระกูลใหญ่ๆ ในอวิ๋นโจวแต่ปู่ของหวังเจียเหยาตายไปแล้ว ส่วนหวังจื้อเฉียงกับหวังจื้อหย่วนก็ไม่ได้มีความสามารถอะไร วันๆ เอาแต่แย่งกันเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเล็กๆ นั่น ดังนั้นผมก็เลยคิดโปรเจกต์นี้ให้ตระกูลหวัง จะได้ไม่ต้องเพิ่มทรัพย์สินหรืออิทธิพลใดๆ แต่ก็สามารถควบคุมตระกูลใหญ่ๆ โดยโปรเจกต์นี้ ผมบอกความคิดนี้กับหวังเจียเหยา หวังเจียเหยาก็เอาไปบอกคุณนายหวังต่อ คุณนายหวังก็เห็นด้วย แต่คุณนายหวังกลับยกโปรเจกต์นี้ให้หวังจื้อเฉียงรับผิดชอบ”
ฉินหงเหยียนกล่าวว่า “ตระกูลหวังค่อนข้างลำเอียงไปทางบ้านหวังจื้อเฉียง ก็จริงพูดไปแล้วก็เพราะรักเด็กผู้ชายแล้วละเลยเด็กผู้หญิง คิดว่าน่าจะเป็นเพราะหวังเจียเหยาไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้สืบทอด จุดนี้ฉันออกจะสงสารหวังเจียเหยาเหมือนกัน”
เย่เฉินผงกศีรษะ “นั่นสิ หวังเจียเหยาโดนตระกูลมองข้ามอยู่ตลอด พ่อแม่เองก็เอาแต่กดดันหล่อน แถมครอบครัวก็ยังจะยัดเยียดเขยที่แต่งเข้าให้หล่อนอีก”
“หึ ถึงจะเป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่หล่อนจะมีชู้!” ฉินหงเหยียนตำหนิ
ใบไม้สีส้มด้านหลังปลิวร่วงลงบนเรือนผมของฉินหงเหยียน เย่เฉินจึงหยิบใบไม้ให้อีกฝ่ายแล้วกล่าว “หงเหยียนดื่มกับผมสักแก้วเถอะ”
…
“ดื่มเหล้า! ดื่มเหล้าเป็นเพื่อนฉัน!”
ที่เขตซินเฉิง หวังเจียเหยาถือแก้วเหล้าโดยข้างกายตนเองมีหญิงสาวใบหน้างดงามคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนของหล่อนซ่งหงเย่
ซ่งหงเย่แย่งแก้วเหล้าจากมือหวังเจียเหยาแล้วถามอีกฝ่าย “เจียเหยาวันนี้เธอเป็นอะไรไป? กินเหล้าตอนกลางวันแสกๆ ใครรังแกเธอ บอกฉันมา ฉันจะไปสั่งสอนมัน!”
หวังเจียเหยากล่าวอย่างเจ็บแค้น “ก็นังคนสารเลวฉินหงเหยียนน่ะสิ! คิดไม่ถึงว่าหล่อนจะกล้าตบฉัน! ฉันไม่ได้ล่วงเกินอะไรหล่อนเลย ฉันแค่ด่าผัวที่ไม่เอาไหนของฉันก็เท่านั้นเอง หล่อนมีสิทธิ์อะไรมาตบฉัน? หล่อนเป็นอะไรกับคนเส็งเคร็งอย่างเย่เฉินหรือไง!”
ซ่งหงเย่ยิ้ม “เธอไม่ได้เคยยินเหรอว่าเวลาจะเตะหมาต้องดูเจ้าของมันด้วย ตอนนี้ผัวเก่าเธอน่ะเป็นหมาของฉินหงเหยียนไปแล้ว เธอจะด่าตามอำเภอใจไม่ได้อยู่แล้ว”
หวังเจียเหยากระดกไวน์จนหมดแก้วแล้วกล่าวอย่างหงุดหงิด
“เย่เฉินก็ไร้หัวจิตหัวใจจริงๆ ฉันนอกใจเขาแค่ครั้งเดียว สมัยนี้แล้วผู้หญิงสวยๆ คนไหนบ้างที่ไม่เคยนอกลู่นอกทาง? หงเย่เธอเองก็เคยครั้งสองครั้ง!”
ซ่งหงเย่ยิ้มประดักประเดิกแล้วรินไวน์ลงในแก้ว “เธอจะพูดถึงฉันทำไมกันล่ะ ฉันไม่ได้ถูกผัวจับได้คาหนังคาเขาสักหน่อย”
หวังเจียเหยาพูดต่อ “เขยที่แต่งเข้าอย่างเขาต่อให้รู้เรื่อง ทำไมไม่รู้จักอดทน? หงเย่เธอรู้ไหม? ฉันบอกให้เขาคุกเข่าขอร้องฉัน เขากลับปฏิเสธ แต่แค่เดี๋ยวเดียวก็วิ่งโร่ไปคุกเข่าอ้อนวอนฉินหงเหยียน ยอมเป็นบอดี้การ์ดให้หล่อน เธอว่าทำไมกัน? ฉันเองก็ให้เงินเขาได้เหมือนกัน!”
ซ่งหงเย่หมุนแก้วไวน์น้อยๆ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จากที่ฉันรู้จักเย่เฉินสามปีมานี้เขารักเธอมากนะ คงจะไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ แน่ ที่เขาปฏิเสธเธอแล้วยอมไปเป็นบอดี้การ์ดของฉินหงเหยียนก็เพื่อให้เธอเห็นเขาในสายตาบ้าง!”
“ฮะ?” หวังเจียเหยาได้สติขึ้นมาไม่น้อย แต่ไม่ค่อยจะเข้าใจความหมายของคำพูดอีกฝ่าย
ซ่งหงเย่อธิบาย “เธอลองคิดดูนะ ถ้าเขาใช้เงินเธอ เขาคงรู้สึกว่าตัวเองเกาะผู้หญิงกิน แต่ถ้าเขาได้เงินจากคนอื่นก็จะทำให้เขาภูมิใจได้บ้างเวลาเจอหน้าเธอ ฉันกล้าพนันเลยว่าที่เย่เฉินอยากออกไปทำมาหากินข้างนอกก็เพื่อให้ตัวเองคู่ควรกับเธอแล้วค่อยกลับมาขอเธอแต่งงานอีกที!”
หวังเจียเหยาครุ่นคิดแล้วระบายยิ้ม “หึ ฉันว่าแล้วว่าคนเส็งเคร็งคนนั้นยังรักฉันอยู่แต่ฉันคงไม่รอเขาหรอกนะ ยังไงตอนนี้ก็หย่ากันแล้ว ฉันจะได้หาคนที่คู่ควรกับฉัน ฟางเชาเองที่บ้านก็มีฐานะดี เพียงแต่เจ้าชู้เกินไป แล้วก็ดูแลใครไม่เป็นแบบเย่เฉิน”
ซ่งหงเย่กล่าว “เธอก็แต่งงานกับฟางเชาดูก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยหย่า พอถึงตอนนั้นค่อยกลับไปหาเย่เฉิน คนซื่อๆ อย่างเขายังไงก็ต้องยอมอยู่แล้ว”
หวังเจียเหยาผงกศีรษะ “เป็นความคิดที่ดีใช้ได้เหมือนกัน”
ซ่งหงเย่เห็นหวังเจียเหยาอารมณ์ดีขึ้นมากจึงชนแก้วกับเจ้าตัวแล้วถาม “อ้อ จริงด้วย เย่เฉินอยู่บ้านเป็นพ่อบ้านดูแลบ้านไม่ใช่เหรอ? ทำไมครึ่งปีที่แล้วถึงไปทำงานส่งเดลิเวอรี่ได้ล่ะ?”
หวังเจียเหยาดื่มไวน์อึกหนึ่ง แล้วซับริมฝีปาก “เหมือนว่าครึ่งปีก่อนพวกเราไปเที่ยวกันที่สวิตเซอร์แลนด์ แต่เขาป่วยเป็นอะไรสักอย่าง แล้วต้องใช้เงิน แต่พวกเราไม่อยู่ เขาก็เลยตัดสินใจไปทำงานหาเงิน”
“อ้อ” ซ่งหงเย่ไม่ถามอะไรอีกก่อนจะดื่มเหล้ากับเพื่อนสาวต่อ
แปดโมงเช้าของวันถัดมา
หวังเจียเหยาที่ยังมึนๆ จากฤทธิ์แอลกอฮอลล์ สะลึมสะลือคว้ารับโทรศัพท์สายหนึ่ง
แล้วจึงได้ยินเสียงในสายกล่าวว่า “เจียเหยามาบ้านคุณย่าเดี๋ยวนี้ พี่เจอหลักฐานที่เย่เฉินเอานาฬิกาไปขายแล้ว!”