เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 360 เยี่ยมซูมู่หลินกลางดึก
ตอนที่ 360 เยี่ยมซูมู่หลินกลางดึก!
เห็นผู้จัดการหวงพูดไม่ออก เย่เฉินจึงถาม “เป็นอะไรไปครับผู้จัดการหวง?”
ผู้จัดการหวงมองซูมู่ชิงกลืนน้ำลายไม่หยุด แถมนี่เป็นสถานการณ์ที่ซูมู่ชิงสวมใส่เสื้อผ้ามิดชิดด้วยซ้ำไป
ถ้าหากเป็นหน้าร้อนหรือว่าหล่อนมีสไตล์ในการแต่งตัวเปิดเผยแบบหวังหยวนหยวน เกรงว่าผู้จัดการหวงคงตาถลนออกจากเบ้าไปแล้ว!
“ไม่…ไม่”
ผู้จัดการหวงวางท่าทีนิ่งเฉย ไม่อยากจะเสียมารยาทต่อหน้าลูกน้อง
ส่วนซูมู่ชิงเองกลับเป็นฝ่ายยื่นมือไปทักทายผู้จัดการหวงอย่างใจกว้างแล้วกล่าว “ผู้จัดการหวงใช่ไหม? ต่อไปเย่เฉินจะทำงานที่นี่ ฝากคุณดูแลเขาด้วยนะคะ”
ผู้จัดการหวงตื่นตระหนกทันที “ไม่เป็นไร! ไม่เป็นไร! ผมจะดูแลเย่เฉินเหมือนพี่น้องเลย! คุณสบายใจได้เลยครับ!”
ซูมู่ชิงระบายยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าวกับเย่เฉิน “เย่เฉิน ฉันกับซือซือเข้าไปเดินในห้างสรรพสินค้าก่อน จะได้ไม่กวนเวลาทำงานของคุณ”
“อื้ม ได้ครับ”
เย่เฉินหันมองซือซือ “ลูกรัก เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพ่อไปหาหนูนะ”
ซือซือยกมือสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ แล้วใช้มือทำท่าหัวใจ แล้วกล่าวเสียงออดอ้อน
“หนูจะรอคุณพ่อนะคะ!
เย่เฉินระบายยอ้มอย่างอดไม่ได้ ซือซือช่างน่ารักจริงๆ!
หลังจากที่ซูมู่ชิงและซือซือเดินไปแล้ว ผู้จัดการหวงก็ตบเย่เฉินเบาๆ “ไอ้หนู นายใช้ได้นี่! ชิงหัวใจสาวสวยแบบนี้มาได้! จริงสิ ฉันมีเงินสองพัน แล้วนี่บัตรประชาชนนาย เอาคืนไปเลย”
เย่เฉินประหลาดใจ “นี่คือ…”
ผู้จัดการหวงกล่าว “แหม เงินเดือนแค่พันหยวนมันมีที่ไหนในยุคสมัยนี้ ฉันให้นายก่อนเลยสามพัน เอาไปใช้เถอะ ถ้าไม่พอให้บอก! ต่อให้ฉันจะดูแลนายเอง!”
เย่เฉินเอื้อมมือไปรับเงินมา “ได้ ขอบคุณครับ”
……
ขณะนี้เป็นเวลาตีสอง เหล่าแขกเหรื่อที่ดูหนังในตอนเที่ยงคืน ต่างก็ทยอยเดินออกจากห้างสรรพสินค้า จนห้างสรรพสินค้าว่างเปล่า
เย่เฉินและอาเจี๋ยตรวจสอบพื้นที่ในห้างจนเสร็จ พวกเขาจึงมาเดินเล่นที่บริเวณชั้นหนึ่งตรงบริเวณด้านนอกห้างสรรพสินค้า
อาเจี๋ยกล่าว “เหนื่อยชิบเลย ต้องมาทำงานเหนื่อยๆ ทุกวันแต่ได้เงินนิดเดียว”
เย่เฉินหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าพลางกล่าว “สูบบุหรี่ไหม?”
อาเจี๋ยปรายตามองบุหรี่ที่เย่เฉินสูบ เมื่อพบว่าเป็นยี่ห้อ Chunghwa ก็ตื่นเต้น “ขอสักมวนสิ”
จุดไฟสูบบุหรี่แล้วเย่เฉินก็กล่าว “พี่เจี๋ยช่วยผมหน่อยได้ไหม? เราสองคนมาทำเป็นทะเลาะกันดีไหม แล้วนายแกล้งต่อยฉันจนสลบ แล้วโยนผมเข้าไปในห้องนั้น”
อาเจี๋ยชะงักไป “นี่นายจะมามุกไหน?”
เย่เฉินกล่าว “ทำงานวันแรก เหนื่อยจะแย่ ฉันอยากจะฉวยโอกาสแอบงีบในนั้นหน่อย”
อาเจี๋ยรีบร้อนโบกมือ “ไม่ได้ พนักงานใหม่อย่างนายทำแบบนี้ได้ยังไง? มาทำงานวันแรกก็คิดจะอู้แล้วเหรอ?”
เฉินหยิบเงินออกมาห้าร้อยหยวนส่งให้อาเจี๋ย
อาเจี๋ยดูลังเลเล็กน้อย เขาแอบรับเงินมาเงียบๆ แล้วกล่าววด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ฮ่าๆ ทำงานวันแรก ฉันก็เหนื่อยเป็นพิเศษ เข้าใจได้ งั้นก็ได้แต่ว่าทำไมยังต้องแสดงละครด้วยล่ะ?”
เย่เฉินหัวเราะร่วน “สนุกดี”
อาเจี๋ยไม่สนใจว่าเย่เฉินมีงานอดิเรกประหลาดอะไรไหม “ก็ได้ งั้นเอาเลยนะ!”
เย่เฉินรีบผลักอาเจี๋ยทันที อีกฝ่ายจึงรีบเอาคืนเขา จากนั้นก็หยิบมือถือออกมาเหมือนเป็นมีด แล้วทิ่มใส่เย่เฉินไม่หยุด
เย่เฉินเองค่อยๆ ล้มลง
“ลากฉันเข้าไปเร็ว” เย่เฉินสั่งอาเจี๋ย
อาเจี๋ยเหนื่อยหน่าย “น้องชาย นี่ออกจะสมจริงเกินไปไหน? ถ้านายแสดงสมจริงเกิน ฉันก็กลายเป็นฆาตกรน่ะสิ!”
เย่เฉินกล่าว “ไม่เป็นไร นายไม่ได้มีอาวุธเสียหน่อย กลัวอะไร”
อย่างไรเสียเขาก็ได้เงินมาถึงห้าร้อยมาครอบครอง อาเจี๋เองก็ทำตามที่เย่เฉินบอก เขาลากอีกฝ่ายเข้าไปในห้องแล้วออกไป
เย่เฉินมองดูเวลาแล้วลอบพึมพำ “อีกเดี๋ยวพวกเขาก็น่าจะมาดูว่าฉันเป็นไง”
ที่เย่เฉินทำแบบนี้ที่จริงแล้วก็เพื่อล่อคนของซูมู่ชิงและหลี่เฉิงเจี๋ย
และเป็นไปอย่างที่เขาคิดเวลาประมาณ 15 นาทีต่อไป เย่เฉินก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังจากด้านนอก เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
แอ๊ด
ประตูถูกผลักออก ชายแปลกหน้าถือกล้องมือถือถ่ายภาพเย่เฉินที่นอนบนพื้น
แล้วในเวลานี้เองจู่ๆ เย่เฉินก็ลืมตา เตะเข้าใส่หน้าของชายหนุ่ม แต่ชายคนนี้น่าจะเป็นยอดฝีมือ คิดไม่ถึงว่าจะรับมือเย่เฉินได้
แต่ว่าถ้าพูดแต่เรื่องต่อยตีละก็ คนที่จะเอาชนะเย่เฉินได้มีน้อยนิด และแล้วเย่เฉินก็เอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว
“ว่ามา ใครส่งแกมา?” เย่เฉินคว้าข้อมืออีกฝ่ายเอาไว้
ชายหนุ่มมีความอดทนมากทีเดียว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมพูด
“โอ้ย! เจ็บ! เจ็บ!”
เย่เฉินรู้ว่าจะทรมานคนได้อย่างไร ชายหนุ่มจึงคายความลับออกมาอย่างรวดเร็ว “คุณชายตระกูลซู”
“ซูมู่หลินเหรอ? ตอนเขาอยู่โรงพยาบาลไหน?” เย่เฉินถาม
“ว่ามา!”
“โอ้ย!!”
“ผมบอกแล้ว ผมบอกแล้ว เขาอยู่ในห้องพักผู้ป่วยห้อง VIP ของโรงพยาบาลลำดับที่หนึ่ง”
โครม!
เย่เฉินใช้มือสับลำคอชายหนุ่ม จนอีกฝ่ายเป็นหมดสติไป!
และในเวลานี้เองเย่เฉินก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก จากเสียงของฝีเท้าที่ได้ยิน คนที่มาคราวนี้น่าจะอ่อนด้อยเหลือเกิน เพราะเสียงเท้าดังสุดๆ ไปเลย
“แม่ง หรือว่าเย่เฉินมันตายไปแล้วนะ?”
คนผู้นี้ไม่เพียงแต่ปกปิดเสียงฝีเท้าตัวเองไม่ได้ ถึงขนาดยังกล้าพูดกับตัวเองด้วย
ในขณะที่อีกฝ่ายเปิดประตูนั้นเอง เย่เฉินก็สาวเท้าเดินไป ทำให้อีกฝ่ายตกใจจนตัวสั่นเทิ้ม!
“โอ้ย!”
เย่เฉินสาวเท้าเดินไปหาอีกฝ่าย “นายมาทำไม?”
อีกฝ่ายอ้ำอึ้ง “ผม…ผมเดินผ่านมา”
เย่เฉินกล่าว “หลี่เฉิงเจี๋ยส่งนายมาสะกดรอยตามฉันใช่ไหมล่ะ?”
ชายหนุ่มหลบสายตา “แกพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ!”
เย่เฉินต่อยอีกฝ่ายจนล้มลงกองกับพื้น หมอนี่ไม่มีแม้แต่แรงจะขัดขืนด้วยซ้ำไป
“กลับไปรายงานหลี่เฉิงเจี๋ย เลิกสะกดรอยตามฉันที ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ! ไสหัวไป!”
ชายคนนั้นออกไปอย่างหวาดกลัว เมื่อเย่เฉินแน่ใจว่าไม่มีใครสะกดรอยตามเขาอีก ก็เรียกรถไปที่โรงพยาบาลลำดับที่หนึ่งทันที
เขารู้สึกว่าถ้าหากว่าฉินหงเหยียนอยู่ในเงื้อมมือของคนตระกูลซู อย่างนั้นแล้วซูมู่หลินจะต้องรู้เรื่องนี้แน่
ก่อนเย่เฉินจะมาที่นี่ เขาจัดการเปลี่ยนเสื้อของตัวเองกับผู้ชายที่อีกฝ่ายส่งมาสะกดรอยตามเขา เขาพบว่าคนของตระกูลซูโดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกน้องของซูมู่หลินต่างก็สวมชุดเดียวกัน
หมวกแบบเดียวกัน เสื้อผ้ารองเท้าแบบเดียวกัน มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนของตระกูลซู
ดังนั้นหลังจากที่รู้เลชห้องพักที่ซูมู่หลินพักฟื้นแล้ว เย่เฉินไม่ต้องต่อยตีกับใคร เขาก็สามารถแฝงตัวเข้าไปเป็นหนึ่งในสมาชิกของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย แล้วหลบคอยแอบฟังบทสนทนาของซูมู่หลินอยู่ที่ประตู
และในเวลานี้เอง ซูมู่หลินไม่ได้นอนหลับแต่อย่างใด แต่เอนตัวอยู่บนเตียงผู้ป่วย เพราะขาบาดเจ็บทำให้โดนผ้าพันแผลห่อเอาไว้อย่างแน่นหนา
ในห้องพักผู้ป่วย
ซูมู่หลินตะโกนกร้าว “จะต้องเป็นเพราะไอ้คนสารเลวเย่เฉินแน่! ไม่รู้ว่าไปพูดอะไรกับพี่สาวฉัน ไม่อย่างนั้นพี่สาวฉันไม่มีทางยอมแต่งงานกับไอ้คนซ้อมเมียอย่างหลี่เฉิงเจี๋ย! ไอ้เดียรัจฉาน ถ้าไม่ใช่เพราะคุณปู่สั่งห้ามฉันแตะต้องเขา ต่อให้พี่สาวฉันปกป้องเขาไปก็ช่วยไม่ได้!”
ในห้องพักผู้ป่วยนอกจากซูมู่หลินแล้วยังมีลูกน้องเขาอีกคนหนึ่ง
ลูกน้องเขากล่าวว่า “คุณชายซู วันนี้คุณหนูซูไปร้านชุดแต่งงานกับคุณชายหลี่ เหมือนว่าจะไปซื้อยันแหวนแต่งงานแล้วด้วย ดูแล้วคุณหนูน่าจะตัดสินใจจะแต่งงานกับเขาแล้วล่ะครับ ที่จริงแล้ว คุณชายหลี่และคุณหนูซูเองก็ถือว่าเหมาะสมกัน หลังจากแต่งงานกันแล้วก็น่าจะมีประโยชน์กับคุณท่านนะครับ”
ซูมู่หลินกล่าวอย่างไม่พอใจ “ฉันไม่อยากได้ความช่วยเหลือจากคนตระกูลหลี่หรอก! ฉันสนใจแต่เรื่องความสุขของพี่สาว! พี่สาวฉันชอบเย่เฉิน หล่อนไม่ได้ชอบหลี่เฉิงเจี๋ยคนนั้นด้วยซ้ำ!”
”
ลูกน้องเขากล่าว “พูดถึงเย่เฉิน ตอนนี้เขาเป็นยามของห้างสรรพสินค้า JFS ได้ยินมาว่าเขาเก่งทุกด้าน เล่นดนตรีได้เป็นอย่างดี ทำกับข้าวก็เก่ง เขาเลือกทำอะไรสักอย่างก็หาเงินได้เป็นหมื่น ทำไมต้องไปเป็นยามด้วย?”
ซูมู่ชิงกล่าว “เย่เฉินคนนั้นเจ้าเล่ห์สุดๆ อย่าประเมินเขาต่ำไปล่ะ เขาเป็นยามเพราะต้องมีแผนแน่ จริงสิ เจอเย่เซวียนพี่รองของเย่เฉินหรือเปล่า?”
เย่เฉินที่อยู่ตรงประตูก็ตกใจ!
“พี่รองมาเมืองหลวงเหรอเนี่ย?”