เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 365 เก็บให้ผมเดี๋ยวนี้
ตอนที่ 365 เก็บให้ผมเดี๋ยวนี้!
ตุ๊กตาหมีตัวนี้เหมือนเพชร ทำให้สายตาคนในร้านทอประกายวิบวับ!
ถ้าหากเป็นที่อื่น เย่เฉินเอาเจ้าหมีตัวนี้ออกมาก็คงจะไม่มีปฏิกิริยามากขนาดนี้ เพราะอย่างไรเสียทุกคนก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องพวกนี้
อีกทั้งของชิ้นนี้ยังไม่ได้เกี่ยวกับเงินทอง แต่เป็นเรื่องที่คนสนใจเฉพาะกลุ่มเท่านั้น
เหมือนกับว่าถ้าคุณมีรองเท้า Travis Scott x Air Jordan 1 เอาไปให้พวกเศรษฐีเบอร์หนึ่งเดาว่ารองเท้าคู่นี้มีมูลค่าเท่าไหร่
เชื่อเลยว่าคนพวกนั้นไม่มีทางเดาออกแน่นอน อาจคิดว่าราคาพันเดียวด้วยซ้ำไป
ตุ๊กตาหมีตัวนี้ก็เหมือนกัน ให้คนไม่รู้เดาราคา อย่างมากก็คงคิดว่าน่าจะหลายพัน และไม่น่าจะสูงไปกว่านี้
แต่พนักงานที่นี่ไม่ใช่คนธรรมดาๆ พวกหล่อนเป็นพนักงานในร้านของเล่นระดับหรูหรา จึงมีความเข้าใจเรื่องของเล่นหรูในโลกเป็นอย่างดี
พนักงานหญิงอุทาน “นี่…นี่ใช่ตุ๊กตาหมีที่แพงที่สุด จากการคอลแลปของบริษัทเยอรมันกับ LV หรือเปล่า?”
ส่วนซือซือนั้นเมื่อเห็นเจ้าหมีน้อย ก็ดีใจจนกอดมันไว้ไม่ยอมวาง “ว้าวหมีใส่เสื้อผ้า!”
ซูมู่ชิงอดยื่นมือไปลูบเจ้าหมีน้อยในชุด LV ทันทีที่ลูบเนื้อผ้า ซูมู่ชิงก็รู้สึกว่าของชิ้นนี้เป็นงานประณีตมากทีเดียว
ซูมู่ชิงที่เป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ย่อมเข้าใจเรื่องฝีเข็มของแบรนด์นี้เป็นอย่างดี และยังเคยใช้เสื้อผ้า กระเป๋ามาก็ไม่น้อย
พนักงานคนอื่นต่างก็มารุมดู “จริงเหรอเนี่ย? นั่นใช่ตุ๊กตาหมีราคาสองล้านกว่าดอลลาร์หรือเปล่า?”
สองล้านกว่าดอลลาร์!
เมื่อได้ยินราคา สีหน้าหลี่เฉิงเจี๋ยก็บูดเบี้ยวทันที!
เขาซื้อของขวัญที่นี่ไปแล้วเป็นจำนวนมาก บวกๆ กันแค่ล้านกว่าเท่านั้น แถมยังเป็นหน่วยหยวนเท่านั้นเอง!
เทียบกับของขวัญของเย่เฉินที่มูลค่าหลายสิบล้านก็พบว่าด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด!
หลี่เฉิงเจี๋ยเสียหน้าอย่างมาก ก่อนจะแย่งตุ๊กตาหมีในมือซือซือมาดูแล้วกล่าว “นี่มันของปลอม!”
พูดจบแล้วโยนตุ๊กตาหมีราคาหลายสิบล้านลงพื้น!
“หลี่เฉิงเจี๋ยอยากตายหรือไง! รีบไปเก็บตุ๊กตาหมีให้ฉันเลย!” เย่เฉินพูดเสียงกร้าว
“ฉันเก็บเอง! ฉันเก็บเอง!”
พนักงานแย่งกันทันที
ทว่าเยเฉินกลับกล่าวเสียงเข้ม “พวกคุณไม่ต้องเก็บเลยครับ ผมจะให้เขาเก็บ!”
ทว่าหลี่เฉิงเจี๋ยกลับดูไม่แยแส “ทำไมต้องไปเก็บของปลอมราคาไม่กีสิบไม่กี่ร้อยด้วย?”
เย่เฉินตำหนิ “เอาตาข้างไหนดูว่าเป็นของปลอม? แยกของจริงของปลอมเป็นไหมเนี่ย?”
ในเวลานี้ซูมู่ชิงก็สอดขึ้นมา “บางทีอาจเป็นของขวัญที่เย่เฉินซื้อเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว”
หลี่เฉิงเจี๋ยครุ่นคิด “เป็นไปไม่ได้ เงินทองของมีค่าเขาโดนอายัดหมดแล้ว ไม่มีทางเอาออกมาได้ นี่ต้องเป็นของปลอมแน่นอน ถ้าเป็นของจริงเขาก็เอาไปขายแล้ว ไม่เอาให้ซือซือหรอก”
แม่ง ซือซือเป็นลูกสาวแท้ๆ ของฉัน ฉันจะเอาของขวัญของหล่อนไปขายได้ไง!
หลี่เฉิงเจี๋ยคนนี้ใช้ความคิดต่ำๆ มาแยกแยะคนดีชั่ว!
เย่เฉินกล่าวอย่างโมโห “ผมจะนับถึงสาม ไปเก็บตุ๊กตามาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นถ้าผมลงไม้ลงมืออย่าว่ากันล่ะ!”
หลี่เฉิงเจี๋ยกำหมัดแน่น “มาสิ คนชนะเข้าคุก แพ้ไปเข้าโรงบาล ผลลัพธ์สองอย่างนี้ฉันยอมรับได้ทั้งนั้น แต่แกคงไม่ได้สักอย่าง!”
ซูมู่ชิงไม่อยากให้ทั้งสองคนลงไม้ลงมือกัน จึงหันไปพูดกับหลี่เฉิงเจี๋ย “เฉิงเจี๋ย เรื่องนี้คุณผิดนะคะ ทำไมถึงได้โยนของขวัญที่เย่เฉินซื้อให้ซือซือทิ้งล่ะ? คุณต้องไปเก็บขึ้นมา”
หลี่เฉิงเจี๋ยเห็นซูมู่ชิงมีท่าทีแข็งกร้าว แล้วจึงกล่าว “นอกเสียจากว่านี่จะเป็นหมีตัวละสิบล้าน ไม่อย่างนั้นทำไมผมต้องก้มตัวลงไปเก็บของปลอมด้วย”
ซูมู่ชิงมองพนักงาน “คุณพิสูจน์ได้ไหมคะว่าของเล่นชิ้นนี้เป็นของจริงหรือปลอม?”
ซูมู่ชิงเชื่อว่าเยเฉินไม่มีทางโกหก ดังนั้นหล่อนจึงได้เสนอไอเดียให้ตรวจของแทน
พนักงานส่ายหน้า “หัวหน้าเรามักไปเที่ยวรอบโลก เห็นโลกมามาก หล่อนต้องแยกได้แน่ เดี๋ยวหล่อนก็ถึงร้านแล้วคุณรอสักครู่นะคะ”
10 นาทีผ่านไป หญิงสาวหน้าตาสะสวยแต่งหน้าอ่อนๆ อายุน่าจะประมาณ 30 กว่าๆ สวมชุดเซ็ท สาวเท้าเดินมา
หล่อนสวมแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า มองแค่ปราดเดียวก็รู้ว่าหญิงสาวเป็นเศรษฐีนี อีกทั้งท่าทางการเดินยังทรงพลัง แผ่รัศมีแบบราชินีออกมา
“เย่เซวียนอยู่ไหน?”
เพิ่งเดินเข้าประตูมา ผู้หญิงคนนั้นก็ถามพนักงาน
“คุณผู้ชายในเสื้อหนาวดำค่ะ” พนักงานชี้ด้านหลังของเย่เฉิน
หญิงสาวสาวเท้าเดินมาเร็วๆ เย่เฉินยังไม่ทันได้หันไปมอง หล่อนก็ตีหลังเขาอย่างรุนแรง
“คุณมันไม่มีหัวใจ ยังไม่เดินมาอีก!”
เย่เฉินหันมองอย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหญิงวัยกลางคนที่ทั้งทรงเสน่ห์ของหญิงสาววัยบานสะพรั่ง ใบหน้าก็เต็มไปด้วยคำถาม
“คุณคือผู้จัดการช่ายใชไหม?” เย่เฉินถาม
ผู้จัดการช่ายเห็นเย่เฉินก็นิ่งไป “คุณเป็นใคร? ทำไมมีบัตรสมาชิกของเย่เซวียน?”
เย่เฉินอธิบาย “อ้อ เย่เซวียนเป็นพี่ชายผม”
ใบหน้าผู้จัดการช่ายเต็มไปด้วยความสงสัย เขาระบายยิ้มออกมาทันที “อ้อ ที่แท้ก็น้องชายของเย่เซวียนนี่เอง ไอ้คนบ้านั่น ยังมีหน้ามาโม้ว่าตัวเองหล่อที่สุดในพี่น้องได้ยังไง เขาไม่เห็นหล่อเท่าคุณเลย!”
สีหน้าเย่เฉินเก้อเขิน เขาก็พอจะมองออกว่าหัวหน้าช่ายคนนี้น่าจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับพี่ชายเขา
เย่เฉินกล่าว “ผู้จัดการช่าย คุณถูกเวลาพอดี ผมอยากขอให้คุณช่วยตรวจตุ๊กตาหมีตัวนี้หน่อยว่าใช่ของแท้หรือเปล่า”
ผู้จัดการช่ายเห็นตุ๊กตาหมีที่นอนนิ่งบนพื้น แล้ววิ่งเหยาะๆ ไปดูอย่างสะเทือนใจ
“อุ้ย นี่มันหมีของบริษัทเตสเตฟที่คอลแลปกับ LV? มันมีราคาตั้งสองล้านกว่าดอลลาร์นี่นา พวกเธอทำอะไรทำไมถึงได้ให้ลูกค้าเอาของราคาตั้งหลายสิบล้านหยวนวางไว้บนพื้นไม่รู้จักเก็บให้ลูกค้าล่ะ !”
เย่เฉินกล่าว “ไม่ใช่ความผิดของทุกคนหรอก ผมห้ามไม่ให้เก็บเอง คุณช่วยยืนยันหน่อยว่านี่ใช่ของจริงหรือเปล่า”
ผู้จัดการช่ายลูบเนื้อผ้าของ LV แล้วมองดูฝีเข็มและการตัดเย็บของเจ้าหมีจึงกล่าว “เป็นของแท้ 100% ฉันเคยไปเยี่ยมชมบริษัทเตสเตฟ นี่เป็นตุ๊กตาหมีจากบริษัทของพวกเขาจริงๆ”
เย่เฉินพยักหน้ารับ “ได้ ขอบคุณครับ ผู้จัดการช่าย คุณวางเจ้าหมีลงพื้นได้เลย”
“วางบนพื้นเหรอ?” ผู้จัดการช่ายถามอย่างสงสัย
“อืม” เย่เฉินรับคำ จากนั้นก็ชี้ตุ๊กตาหมีขณะมองหน้าอีกฝ่าย “เมื่อกี้โยนยังไง ก็เก็บให้ผมเลยนะ!”
หลี่เฉิงเจี๋ยย่อมไม่อยากลดตัวไปทำอะไรแบบนี้ท่ามกลางสายธารกำนัลแน่!
ต้องโทษที่ลูกน้องของเขาไม่ได้เดินตามมาด้วย ไม่อย่างนั้นเรื่องแบบนี้เขาคงใช้ลูกน้องทำแทนแล้ว
เย่เฉินเห็นหลี่เฉิงเจี๋ยยืนนิ่งไม่ไหวติง จึงกล่าว “ถ้าคุณไม่เก็บก็ได้นะ คุณโยนของราคาแพงเป็นสิบล้านของผมทิ้ง เสื้อผ้ามันสกปรกหมดแล้ว นั่นมันเสื้อผ้าของ LV เชียวนะ เจ้าหมีตกใจแย่เลย ผมจะเก็บค่าความเสียหายราคาหนึ่งล้าน คงจะไม่เกินไปใช่ไหม? มีทางเลือกสองอย่าง หนึ่งคุณเอาเงินสดหนึ่งล้านให้ผม หรือไม่ก็เก็บของเล่นขึ้นมา!”