เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 380 ลองอยู่ก่อนแต่ง
ตอนที่ 380 ลองอยู่ก่อนแต่ง!
กัวเยว่หมิงเองยืนงงเป็นไก่ตาแตก เย่เฉินตัวเล็กกว่าหลี่เฉิงเจี๋ยแต่กลับเอาชนะหลี่เฉิงเจี๋ยได้อย่างง่ายดาย!
“เย่เฉินเท่สุดๆ!”
กัวเยว่หมิงอดชมอีกฝ่ายไม่ได้ เขาเองเป็นหมอที่เคยสร้างภาพลักณ์แสนสมบูรณ์แบบของเย่เฉินมาก่อน แต่ในสายตาเขาตอนนี้ภาพเย่เฉินที่เขาบรรจงสร้างนั้นยังดูห่างไกลกับเจ้าตัวหลายขุม
ทว่าหลังจากที่เขาเจอเย่เฉินตัวเป็นๆ แล้วก็พบว่าเย่เฉินตัวจริงน้้นเก่งกาจโดดเด่นกว่าเย่เฉินที่เขาสร้างขึ้นมาก!
เย่เฉินเกลียดวิธีต่ำช้าของหลี่เฉิงเจี๋ยอย่างมาก เขาต่อยหน้าอีกฝ่าย จนอีกฝ่ายไม่สามารถจะต่อต้านเขาได้อีก
และในเวลานี้เองซูมู่ชิงก็เดินมาแล้วโน้มน้าวเขา “ไม่ต้องสู้กันแล้ว!”
ซูมู่ชิงลากเย่เฉินออกมาแล้วกล่าวกับหลี่เฉิงเจี๋ย “ในเมื่อคุณรู้ความลับของฉันแล้ว งั้นเราก็ยกเลิกการแต่งงานเถอะนะ ต่อไปเราอย่ารู้จักกันอีกเลย”
หลี่เฉิงเจี๋ยลุกขึ้นมา เขาคลานขึ้นมาจากพื้นแล้วเอื้อมมือไปรับกระดาษจากเฉียนช่วนจื่อเพื่อเช็ดคราบเลือดที่ไหลเพราะเย่เฉิน
“ไม่มีทางเสียหรอก!”
หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวด้วยท่าทีแน่วแน่ “ผมยอมรับได้นะที่คุณจะแยกห้องนอนหลังจากแต่งงาน และรับได้ที่คุณมีเย่เฉินต่อให้เราแต่งงานกันแล้วเหมือนกัน!”
คำพูดนี้ทำให้ซูมู่ชิงตกตะลึง หล่อนเองรู้สึกหลี่เฉิงเจี๋ยมาตั้งหลายปี ไม่กล้าเชื่อว่าคำพูดแบบนี้จะออกมาจากปากของคุณชายหลี่!
ซูมู่ชิงกล่าวเสียงแผ่ว “พี่เฉิงเจี๋ย…พี่ทำแบบนี้ทำไมกัน? ฉันรู้ว่าพี่ยึดถือในปิตาธิปไตยมาก แบบนี้น่าจะทำลายความมั่นใจของพี่เกินไป”
เฉียนช่วนจื่อเองก็รีบร้อนกล่าว “จริงด้วย คุณชายหลี่ ทำไมคุณชายต้องมายอมรับข้อเรียกร้องที่เหลวไหลแบบนี้ล่ะครับ! ถ้าคุณยอมลดตัว ใจกว้างมาแต่งงานกับคุณหนูซู หลังจากหล่อนแต่งงานแล้วอาจร่วมมือกับเย่เฉินสวมเขาให้คุณชายก็ได้นะครับ!”
เพี้ยะ!
เย่เฉินตบหน้าเฉียนช่วนจื่อแล้วกล่าวอย่างไม่พอใจ “สามหาว! แกเห็นฉันกับมู่ชิงเป็นคนแบบไหน!”
จากคำพูดของเฉียนช่วนจื่อจะเท่ากับว่าเห็นหญิงสาวเป็นนังแพศยาที่สามารถนอกใจสามีไปหาใครก็ได้!
สีหน้าหลี่เฉิงเจี๋ยดุดัน เขาเองก็รู้สึกว่าคำพูดนี้ฉีกหน้าเขาอย่างมากแต่ว่าเขาก็ยังแน่วแน่ไม่อยากยกเลิกการแต่งงาน
“มู่ชิง ผมยินดีเลือกผู้หญิงที่ผมรักแต่อีกฝ่ายกลับไม่รักผมเลย แต่ไม่มีทางเลือกคนที่รักผมแต่ผมไม่ได้มีใจแน่นอน อีกอย่างเราแต่งงานเพื่อผหลวี่ปู้ระโยชน์ การแต่งงานของเราจะส่างผลดีกับตระกูลหลี่และตระกูลซู คนที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่แค่เราสองคนแต่เป็นคนในครอบครัวของเรา การแต่งงานของเราจะต้องดำเนินต่อไป!”
ซูมู่ชิงเองก็ยอมแต่งงานกับหลี่เฉิงเจี๋ยเพราะเรื่องผหลวี่ปู้ระโยชน์เหมือนกัน
พอเห็นหลี่เฉิงเจี๋ยยอมแยกห้องนอนหลังจากแต่งงาน แถมยังไม่ถือสาด้วยที่ตนเองจะรักเย่เฉิน หญิงสาวจึงกล่าว “ก็ได้ ในเมื่อคุณยอมรับเงื่อนไขของฉันได้ ฉันก็จะยอมแต่งงานกับคุณ”
เย่เฉินที่เหมือนเป็นคนนอกก็ไม่รู้จะพูดอะไร
หลี่เฉิงเจี๋ยปรายตามองเย่เฉิน แล้วสะบัดตัวเดินออกไป
ทันทีที่ออกจากโรพยาบาล เฉียนช่วนจื่อก็พยายามเป่าหูผู้เป็นนาย “คุณชายวันนี้คุณชายเป็นอะไรไป? ทำไมถึงได้ยอมรับข้อเรียกร้องที่ทำลายเกียรติคุณชายขนาดนี้ แยกห้องหลังแต่งงานงั้นคุณชายจะแต่งงานกับหล่อนทำไม? อีกทั้งหล่อนชอบคนอื่นอยู่ ไม่ว่าช้าหรือเร็วพวกเขาต้องกลับมาคบกันแน่!”
เฉียนช่วนจื่อป็นคนภักดีกับเจ้านานย เขารู้ว่าในชีวิตการแต่งงานครั้งก่อนของหลี่เฉิงเจี๋ยล้มเหลวเพราะภรรยามีชู้ ครั้งนี้ซูมู่ชิงมีเหตุผลจะนอกใจผู้เป็นนายเขา เขาไม่ยอมให้อีกฝ่ายต้องโดนทำร้ายอีก
หลี่เฉิงเจี๋ยนเข้าไปในรถแล้วปิดประตู จากนั้นก็กล่าวเสียงเหี้ยม “รอวันที่ 1 เมษาก่อนเถอะ หล่อนจะต้องแต่งงานเข้าบ้านเราอย่างเป็นทางหาร กลายเป็นภรรยาของฉันแยกห้องหรือไม่มันขึ้นอยู่กับหล่อนที่ไหน?”
เฉียนช่วนจื่อทรุดตัวนั่งลงตรงที่นั่งข้างคนขับแล้วหันมากล่าว “คุณชายคุณชายจะใช้ไม้แข็งเหรอครับ? ไม่ดีล่ะมั้งครับ คุณหมอกัวเคยบอกเอาไว้ใช่เหรอครับ? ว่าถ้าคุณขืนใจซูมู่ชิง หล่อนอาจจะสติแตกได้เลยนะ!”
หลี่เฉิงเจี๋ยแค่นเสียง “ฉันจะสนว่าหล่อนสติแตกทำไม! เมียฉัน ฉันอยากจะทำยังก็ได้! ต่อให้ตายไปก็ไม่มีอะไรเสียหน่อย! ขับรถไปได้แล้ว!”
……
สี่วันต่อมา
วันนี้เป็นวันที่ 29 เดือนมีนาคม เหลือเวลาอีก 3 วันก่อนจะถึงวันที่ 1 เมษายนอันเป็นวันงานแต่งของหลี่เฉิงเจี๋ยและซูมู่ชิง
หลายวันมานี้บางครั้งเย่เฉินก็จะฝันว่าตนเองป่วนงานแต่งงานของซูมู่ชิงและหลี่เฉิงเจี๋ยเมื่องานดำเนินไปครึ่ง เขาแย่งตัวเจ้าสาวอีกแล้ว!
8 โมงเช้าเย่เฉินมาที่บ้านของซูมู่ชิง เขากินข้าวเช้าเป็นเพื่อนซือซือ แล้วเล่นกับบุตรสาวในสวน
ทันใดนั้นเองก็พบหญิงสาววัยกลางคนท่าทางสง่างามเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เย่เฉินรู้จักหนึ่งในนั้น นั่นคือจางเชี่ยนจือมารดาของซูมู่ชิง
“คุณยาย!”
ซินซินวิ่งไปหาผู้มาใหม่เมื่อเห็นอีกฝ่าย
“จ้ะ หลานรักของยาย” จางเชี่ยนจืออุ้มหลานสาวอย่างดีใจ
หญิงวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ จางเชี่ยนจือ กล่าวกับเด็กหญิงด้วยรอยยิ้ม “ซือซือจำได้ไหมว่าฉันคือใคร?”
จางเชี่ยนจือกล่าวพลางหัวเราะ “ซือซือ นี่คุณแม่อาเฉิงเจี๋ย ก่อนนี้เราเคยเจอกันตอนทานข้าวไงจ้ะ”
เย่เฉินเข้าใจแจ่มแจ้งที่แท้มารดาของหลี่เฉิงเจี๋ยมานี่เอง
และในเวลานี้เองจางเชี่ยนจือและมารดาหลี่เฉิงเจี๋ยก็เห็นเย่เฉินเข้า
“คุณน้า” เย่เฉินทักทายจางเชี่ยนจืออย่างมีมารยาท
ทว่าจางเชี่ยนจือแค่นเสียง เห็นได้ชัดว่าหล่อนไม่สบอารมณ์อย่างมากที่เห็นเขา
ก่อนนี้เย่เฉินยิงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของหล่อน ตอนนี้เขายังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลย อีกทั้งหมอยังบอกว่าต่อไปซูมู่หลินอาจจะต้องเดินขากระเผลก ไม่อาจเดินปกติไปได้ตลอดชีวิต
ดังนั้นจางเชี่ยนจือจึงเกลียดชังเย่เฉินอย่างมาก!
“คุณคะ ใครคะ?”
แม่ของหลี่เฉิงเจี๋ยหันมองเย่เฉินแล้วถามอย่าสงสัย
จางเชี่ยนจือมองซือซือพลางกล่าว “เขาคือพ่อแท้ๆ ของซือซือ”
มารดาหลี่เฉิงเจี๋ยเองก็อมยิ้ม “อ้อ เขาก็คือเด็กที่ไม่รู้จักกลัวอะไรนี่เอง มู่ชิงเป็นผู้หญิงที่ดีขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะมีลูกแบบนี้เสียดายจริงๆ”
และในเวลานี้เอง ซูมู่ชิงเองก็วิ่งออกมาที่สวนเมื่อได้ยินเสียง
“แม่คะ คุณน้าซุน มาทำไมคะ?” ซูมู่ชิงถาม
มารดาขอหลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลูกสะใภ้ แม่มารับลูกไปซือซือไปบ้านเราสองวัน”
“คะ? งานแต่งงานยังเหลืออีกสามวันไม่ใช่เหรอคะ? ทำไมตอนนี้ถึง…” ซูมู่ชิงสับสน
จางเชี่ยนจืออธิบาย “ก็ตระกูลหลี่มีกฎให้สะใภ้ที่แต่งเข้าไปใหม่จะต้องอยู่บ้านตระกูลหลี่สองวันก่อนงานแต่งงานสามวัน เพื่อจะทำความเข้าใจกฎเกณฑ์ของตระกูลหลี่และทำความรู้จักญาติๆ ในบ้าน ลูกคิดเสียว่าเป็นการทดลองอยู่ก่อนแต่งก็ได้ ”
แม่ของหลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวต่อ “กฎนี้มีตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิงแล้วล่ะ เราก็ยึดถือมาจนวันนี้ ตอนฉันแต่งเข้าตระกูลหลี่ก็ทำแบบนี้เหมือนกัน สองวันนี้เธอจะอยู่ที่บ้านของพ่อเฉิงเจี๋ยกับฉันก็ได้ ไม่ใช่ห้องพวกเธอหรอก สบายใจ สองวันนี้น่ะ ถึงเธอจะอยู่บ้านตระกูลหลี่แต่ฉันไม่ให้เธออยู่ห้องเดียวกับเฉิงเจี๋ยหรอกนะ”
ตระกูลหลี่เป็นตระกูลใหญ่ มีกฎเกณฑ์แบบนี้ก็ไม่แปลกอะไร
“ก็ได้ค่ะ” ซูมู่ชิงไม่ปฏิเสธ
“ดีๆ งั้นรีบไปเก็บของไป” มารดาของหลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวอย่างดีอกดีใจ
“เดี๋ยวก่อน!” ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็เปิดปากเอ่ย