เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 390 เย่เฉิน ผมต้องการจะแต่งกับซูมู่ชิง
- Home
- เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
- ตอนที่ 390 เย่เฉิน ผมต้องการจะแต่งกับซูมู่ชิง
ตอนที่ 390 เย่เฉิน : ผมต้องการจะแต่งกับซูมู่ชิง!
ในห้องรับแขก เงียบไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ กระทั่งซูมู่เสวี่และซูมู่หลินที่ปกติพูดมาก ยังปิดปากไม่พูดไม่จา มองเย่เฉินด้วยแววตาเย็นชา
เย่เฉินเองก็ไม่อยากจะหาเรื่องคุยกับคนตระกูลซู เขาจึงทำท่านิ่งเฉยแล้ววางท่าดื่มชา พลางทำท่าทีลูบคาง แล้วใช้นิ้วมือเคาะข้างหูตนเอง
และในเวลานี้เองหูฟังบลูทูธ Freebud3 ยี่ห้อหัวเหวยที่เย่เฉินสวมไว้ในหู เขาใช้มือเคาะใบหน้าตนเองเป็นจังหวะ ดูเหมือนว่าเขาเบื่อหน่ายอย่างมากแต่ที่จริงแล้วเขากำลังเคาะรหัสมอส!
ตอนที่เขาเคาะนิ้วเมื่อครู่ เป็นการส่งข้อความบอกหวังเอ้อร์เชอ“เตรียม UFO ให้เรียบร้อย!”
เย่เฉินเดาว่าที่คนตระกูลซูมารวมตัวกันครบขนาดนี้ เกรงว่าซูเจิ้นหางคงจะหาเรื่องตนเองแน่
ใครจะรู้เย่เฉินที่คิดว่าตนเองส่งข้อความอย่างลับๆ แต่หลวี่ปู้กลับสาวเท้าขึ้นมาช้าๆ แล้วกล่าวข้างหูซูเจิ้นหาง
“นายท่าน เมื่อครู่เขาเพิ่งส่งรหัสมอส บอกให้คนของเขาเตรียม UFO”
ซูเจิ้นหางโบกมือไล่เพื่อเป็นสัญญาณว่าเขารู้แล้ว
เย่เฉินไม่ได้ยินว่าหลวี่ปู้และซูเจิ้นหางคุยอะไรกัน เพียงแต่รู้สึกว่าคนๆ นี้ไม่ธรรมดาเลย
ซูมู่ชิงเดินลงมาจากด้านบนอย่างรวดเร็ว หล่อนเปลี่ยนเสื้อผ้ารียบร้อยแล้ว เพราะว่าในบ้านค่อนข้างอบอุ่น ดังนั้นหล่อนถึงได้เปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงยาวที่ดูสง่างามอย่างมาก
หญิงสาวเองไม่ได้สระผม เพราะว่าผมของหล่อนยาวเกินไป ถ้าผู้หญิงสระผม แค่เป่าผมก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ ครึ่งชั่วโมง หล่อนไม่สามารถทิ้งให้เย่เฉินอยู่กับคนในบ้านตามลำพังได้นานขนาดนี้
ผมของหล่อนเปียกชื้น คงจะใช้สเปรย์จัดแต่งทรงผม
ซูมู่ชิงเองคราวดอกพุดตานเพิ่งแรกแย้ม งามจนไร้คำบรรยาย
“คุณปู่”
ซูมู่ชิงหันมองซูเจิ้นหาง
“อืม นั่งลงเถอะ” ซูเจิ้นหางกล่าวกับซูมู่หลิน
ซูมู่ชิงนั่งข้างๆ เย่เฉิน เย่เฉินก็ได้กลิ่นถุงหอมลอยมา
และในเวลานี้ซูเจิ้นหางถึงได้ถามเย่เฉิน “เย่เฉิน ไหนลองบอกมาหน่อยว่เธอทำอะไรหลี่เฉิงเจี๋ยเขา?”
อะไรที่จะเกิดก็ต้องเกิด เย่เฉินเองก็เริ่มทนไม่ไหวแล้วเขาจึงกล่าวตามตรง “หลี่เฉิงเจี๋ยไม่ใช่ผู้ชายเต็มตัวแล้ว!”
“ฮ่าๆ ดีนี่! ใช้ได้!” ซูมู่หลินระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ทว่าจางเชี่ยนจือมารดาของซูมู่ชิงกลับหัวเสีย ตบโต๊ะเสียงดัง
“หลี่เฉิงเจี๋ยเป็นเขยของตระกูลซูเรา เป็นสามีใหม่ของมู่ชิง คิดไม่ถึงว่าแก…แกทำแบบนี้กับเขา! ลูกสาวฉันต่อไปจะมีชีวิตครอบครัวปกติอย่างไร!”
เย่เฉินพูดไม่ออก ตอนที่ซูมู่ชิงมาที่บ้านนั้น เสื้อผ้าหญิงสาวหลุดรุ่ย ผมเพ้ายุ่งเหยิง เห็นได้ชัดว่าโดนคนซ้อมมา
จางเชี่ยนจือที่เป็นมารดาของซูมู่หลิน คิดไม่ถึงว่าจะไม่สนใจว่าบุตรสาวจะต้องไปเจออะไรที่ตระกูลหลี่บ้าง
แต่กลับเป็นห่วงเป็นใยความปลอดภัยของหลี่เฉิงเจี๋ย แถมยังจินตนาการว่าต่อไปทั้งสองคนนั้นจะมีชีวิตครอบครัวยังไง
“หลี่อี้อวี่ล่ะ? พ่อเฉิงเจี๋ยเขาน่ะ”
ซูเจิ้นหางถามต่อด้วยท่าทีสงบนิ่ง
เย่เฉินกล่าวต่อ “ผมไม่ได้แตะต้องพ่อเขา แต่ว่าลูกน้องผมเจอหลักฐานในการทำผิดกฎหมายของเขา โพสต์ลงในโซเชียลแล้ว”
ซูเจิ้นหางกล่าว “ไม่ว่าอย่างไรตระกูลหลี่ก็กำลังจะเป็นญาติกับเราแล้ว เธอถล่มจนตระกูลหลี่มีสภาพแบบนี้ หมายความว่ายังไงกันแน่? ฉันให้เธอแต่งกับมู่ชิงตั้งแต่แรก เธอก็ไม่ยอม ตอนนี้มู่ชิงจะแต่งงานกับคนอื่น แต่เธอกลับทำร้ายเจ้าบ่าวของหลานฉันจนมีสภาพแบบนี้ หรือว่าเธออยากให้หลานสาวฉันดูแลซือซือคนเดียวไปตลอดชีวิตหรือไง?!”
ชายชราระเบิดโทสะออกมาดูน่าเกรงขามอย่างมาก
เย่เฉินยังไม่ทันได้ตอบ ซูมู่ชิงก็ชิงลุกขึ้นยืนแล้วกล่าว “คุณปู่ เรื่องวันนี้ไม่เกี่ยวกับเย่เฉินนะคะ เพราะหนูกับซือซือโดนคนบ้านนั้นรังแก เขาทนไม่ได้เลยได้บุกไปช่วยหนูที่นั่น”
จางเชี่ยนจือตะคอกใส่ซูมู่หลิน “แกห้ามออกตัวแทนเขานะ! มู่ชิง แกเหลวไหลไปทุกทีเลยนะ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าตำหนิสามีของตัวเอง แล้วออกตัวแทนคนนอก”
ซูมู่ชิงกลอกตาไปมาพลางกล่าว “ตอนนี้หลี่เฉิงเจี๋ยเป็นพิการแล้ว ตระกูลหลี่จบเห่แล้ว ตระกูลหลี่ไม่คู่ควรวกับพวกเราแล้ว เกรงว่างานแต่งงานครั้งนี้ก็ควรจะต้องยกเลิกได้แล้ว”
ซูเจิ้นหางพยักหน้ารับ “ถูกต้อง เย่เฉิน เธอทำลายงานแต่งงานของหลานสาวฉันกับตระกูลหลี่ไป ฉันไม่สนใจว่าเธอมีจุดประสงค์อะไร วันนี้จะต้องบอกกับฉัน!”
จางเชี่ยนจือกล่าวเสียงเหี้ยม “คนประเภทนี้ต้องโดนจับทันที!”
ซูเจิ้นหางกล่าวต่อ “ถ้าวันนี้เธอไม่มีคำตอบให้ฉัน งั้นฉันรับรองกับเธอได้เลยว่า ฉันจะจับเธอและพี่น้องอีก 800 คนของเธอให้เข้าคุกแน่”
เย่เฉินกำหมัดแน่นแบ้วลอบกล่าวในใจ “ตาเฒ่าซูเจิ้นหาง หลานสาวคุณเกิดเรื่อง คุณเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่กลับไม่ยอมทำอะไร แต่ปล่อยให้ฉันไปถล่มตระกูลหลี่แทน! ที่สุดแล้วคุณเองก็อยากให้ผมเป็นเขยตระกูลซูอยู่ดี! หงเหยียนจะต้องอยู่ในเงื้อมมือคนบ้านนี้แน่!”
นานวันเข้าเย่เฉินก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นไปทุกที เขาคิดว่าฉินหงเหยียนจะต้องอยู่ในเงื้อมมือซูเจิ้นหางแน่นอน รวมไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ก็จะต้องเป็นเพราะเขาจงใจให้เยเฉินทำแบบนี้เพื่อบีบให้เย่เฉินแต่งานกับซูมู่ชิง
เย่เฉินครุ่นคิดอย่างละเอียด “ไม่ได้ ฉันจะอยู่เมืองหลวงต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้ไม่ได้ ถ้าซูเจิ้นหางตั้งใจจะซ่อนฉินหงเหยียนล่ะก็ ฉันไม่มีทางเจอตัวหล่อนแน่นอน นอกเสียจากว่า…ฉันจะกลายเป็นคนที่ใกล้ชิดสนิทที่สุดของเขา!”
เพียงแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็ผุดลุกขึ้นยืน ทุกคนเองก็รู้ว่าเย่เฉินเป็นคนที่น่ากลัว พวกเขาจึงมีท่าทีหวาดระแวงในทันที!
หลวี่ปู้เองก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยุดหน้าซูเจิ้นหาง
เหมือนฉากในหนังเรื่อง HERO สำหรับยอดฝีมือแล้ว หากว่าเขาอยู่ใกล้เหยื่อในอาณาเขตกรงเล็บ ก็สามารถเอาชีวิตอีกฝ่ายได้ในทันที!
แต่ใครจะคิดเย่เฉินกลับไม่แตะต้องซูเจิ้นหาง แต่ว่ากลับคว้ามือซูมู่ชิงเอง
ซูมู่หลินลนลานทันที “ปกป้องพี่สาวฉัน!”
จางเชี่ยนจือก็ตะโกน “ปล่อยลูกสาวฉันนะ แกจะทำอะไร!”
ซูมู่ชิงเองก็คิดว่าเย่เฉินจะจับเป็นตัวประกันเพื่อจะได้หนีออกไปด้านนอก
หญิงสาวก็ไม่ได้หลบแต่อย่างใด แต่กลับเป็นฝ่ายเข้าไปใกล้เย่เฉินแล้วกล่าว “คุณจับฉันเป็นตัวประกันเพื่อหนีออกไปจากที่นี่เถอะ แล้วไม่ต้องกลับมาอีก”
พูดพลางน้ำตาก็ไหลพรั่งพรูเปียกปอนบนใบหน้า
ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อน เย่เฉินก็คงจะไม่ตกอยู่ในสภาพแบบบนี้
แต่ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนเย่เฉินคว้าแขนซูมู่ชิง แต่ไม่ใช่เพื่อจับหล่อน แต่เป็น…
แล้วเย่เฉินก็โน้มใบหน้าเข้าไปหาซูมู่ชิง หลัจากนั้นก็จุมพิตหล่อนต่อหน้าทุกคน!
“อะไรนะ!”
ทุกคนมองอย่างตกตะลึง เย่เฉินกำลังทำอะไรกันแน่!
ซูมู่ชิงตกตะลึงไป น้ำตาบนใบหน้าหยุดไหลทันที
“เย่เฉินคุณ…”
ซูมู่ชิงเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเย่เฉินต้องจุมพิตตนเอง
เย่เฉินเอื้อมมือไปกำมือหญิงสาวแน่น จากนั้นก็หันมองซูเจิ้นหางพลางกล่าว “คนทั้งเมืองต่างก็รู้ว่าคุณหนูตระกูลซูจะแต่งงานในวันที่ 1 เดือนเมษายน ผมจะไม่ให้พวกคุณต้องขายหน้า วันที่ 1 เดือนเมษายน ซูมู่ชิงจะยังคงสวมชุดเจ้าสาวและเข้าร่วมงานแต่งงาน เพียงแต่ว่าเจ้าบ่าวจะไม่ใช่หลี่เฉิงเจี๋ยแต่เป็นผมเองเย่เฉิน!”