เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 397 หวังเจียเหยาก่อเรื่อง
ตอนที่ 397 หวังเจียเหยาก่อเรื่อง!
“แม่ของซูมู่ชิงจะทำอะไรน่ะ?”
เย่เฉินขมวดคิ้ว เขารู้ว่าแม่ยายคนใหม่ของตัวเองคนนี้เกลียดชังเขาเพราะเรื่องของลูกชายคนเล็ก
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหล่อนจะฉีกหน้าเขาในงานแต่งงาน
วันนี้จางเชี่ยนจือแต่งตัวสวยพริ้ง หล่อนถือไมค์ในมือแล้วกล่าวกับแขกเหรื่อ
“ทุกท่านคะ ต้องขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานแต่งงานของซูมู่ชิงลูกสาวฉันและเย่เฉิน แต่ทุกท่านอาจจะยังไม่ทราบว่างานแต่งงานในวันนี้ตระกูลซูเป็นคนจัดงานรับเขยแต่งเข้า เย่เฉินเป็นคนแต่งเข้าที่บ้านเรา!”
ซีกวาที่อยู่ด้านล่างเวทีกล่าวกับหวังเอ้อเชอร์อย่างไม่ค่อยพอใจ
“ป้าจะย้ำเรื่องคุณชายแต่งเข้าตระกูลซูเพราะอะไร? นี่มันจงใจทำให้คุณชายของเราเสียหน้าชัดๆ!”
เย่เฉินทีท่าทีเรียบเฉยเขาเองก็ไม่ได้สนใจสายตาของคนในงานมากนัก
มีแค่คนจนๆ เท่านั้นที่จะใส่ใจสายตาเดียดฉันท์ว่าพวกเขาจน คนรวยไม่แคร์หรอกว่าคนอื่นจะมองยังไง
มารดาของซูมู่ชิงกล่าวต่อ “แน่นอนว่า ลูกเขยของฉันคนนี้เป็นคนเก่ง ก่อนนี้เขาเป็นประธานบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ และเคยมีวินาทีที่รุ่งโรจน์มาก่อน”
แขกในทั้งงานต่างก็หันหน้าหันตามาดู คนจำนวนมากต่างก็ยังไม่รู้ว่าเย่เฉินก่อนหน้านี้เคยเป็นประธานบริษัท
จางเชี่ยนจือเอ่ย “ในเมื่อแต่งเข้าก็ย่อมต้องต่างจากงานแต่งงานทั่วไป ในฐานะที่ฉันเป็นมารดาของซูมู่ชิง เลยต้องขอตั้งเงื่อนไขกับลูกเขยคนนี้หน่อย ข้อแรกคือหลังจากที่แต่งงานเข้าตระกูลซูของเราต้องรับผิดชอบทำอาหารให้ลูกสาวและหลานสาวทั้งสามมื้อ แล้วต้องดูแลชีวิตประจำวันของทั้งสองคน เธอยินดีไหม?”
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเย่เฉินเองก็ทำแบบนี้ ดังนั้นเย่เฉินจึงกล่าวพลางพยักหน้า “ผมยินดี”
จางเชี่ยนจือกล่าวต่อ “ข้อที่สองหลังจากแต่งเข้าตระกูลซูแล้ว ห้ามมีเพื่อนต่างเพศ ต้องถึงบ้านก่อน 4 ทุ่ม ห้ามกินข้าว ดูหนังกับเพื่อนต่างเพศโดยลำพัง เธอยินดีไหม?”
หลังจากที่แขกเหรื่อได้ยินแล้ว ก็หัวเราะคิกคักไม่ได้ เป็นเขยที่แต่งเข้าของตระกูลซู เรื่องนี้จะต้องเข้ามายุ่งด้วยเหรอ?
เย่เฉินพูดไม่ออกแต่ยังก็ก้มศีรษะ “ผมยินดี”
จางเชี่ยนจือกล่าวต่อ “ข้อที่สามหลังจากแต่งงานกับลูกสาวฉันแล้ว นายห้ามค้นมือถือ ไดอารี่หรือข้าวของส่วนตัวของลูกฉัน ลูกสาวฉันไปกินข้าว ดูหนังกับเพื่อนต่างเพศได้ ไม่กลับบ้านได้ นายต้องห้ามโวยวาย”
เมื่อแม่เจ้าสาวยื่นเงื่อนไขข้อที่สามออกมา ก็ทำให้ทุกคนในงานวิจารณ์กันเซ็งแซ่ทันที
“แม่ง เขยที่แต่งเข้านี่สุดยอดจริงๆ แปลว่าไม่ให้ผู้ชายไปมีผู้หญิงคนอื่น แต่ผู้หญิงมีผู้ชายได้เสมอล่ะสิ?”
“จริงด้วย คุณหนูซูไปค้างคืนนอกบ้านได้ สามีก็ถามไม่ได้ด้วย นี่ออกจะน่าสงสารเกินไปแล้วมั้ง?”
“หึหึ ไอ้เราก็ว่าแล้ว เขยแต่งเข้าของตระกูลซูเป็นง่ายๆ เสียที่ไหน”
ส่วนซูมู่ชิงที่อยู่บนเวทีก็อดทนไม่ไหวจนต้องพูดกับแม่ตนเองเบาๆ โดยที่เย่เฉินยังไม่ได้ตอบอะไรทั้งสิ้น“แม่คะ…นี่มันเงื่อนไขอะไรของแม่คะ?”
เดิมทีเป็นงานแต่งงานที่แสนโรแมนติก คิดไม่ถึงว่าจะโดนมารดาซูมู่ชิงทำให้เป็นแบบนี้
จางเชี่ยนจือพูดแบบนี้ เหมือนว่าซูมู่ชิงแต่งงานแล้วจะไปค้างอ้างแรมกับผู้ชายสักคนแน่ๆ เหมือนจะนอกใจเขาแน่ๆ
หล่อนแอบรู้สึกได้เลยว่าแขกที่อยู่ในงานคงจะมองหล่อนแบบนี้แน่
ซูเจิ้นหางเองก็หัวเสียอย่างมาก “จางเชี่ยนจือทำบ้าอะไร! พูดเรื่องบ้าอะไร! ซูหมิงเจ๋อไปรีบลากเมียแกลงมาจากเวทีเดี๋ยวนี้ อย่าให้เมียแกทำฉันขายหน้าไปมากกว่านี้เลย!”
ซูมู่หลินที่นั่งบนรถเข็นหัวเราะเอิ๊กอ๊าก เขารู้ว่าที่มารดาจงใจพูดจาทำร้ายจิตใจเย่เฉินแบบนี้เพราะเขา
“ฮ่าๆ ถ้าพี่เขาสวมเขาให้เย่เฉินคงจะสนุกดี ฮ่าๆ”
ซูมู่หลินรู้ว่าอดีตภรรยาของเย่เฉินเคยทรยศเขามาก่อน หากว่าแต่งงานอีกครั้งแล้วยังเกิดเรื่องแบบนี้อีก เย่เฉินคงเป็นบ้าแน่
และในเวลานี้เองซูหมิงเจ๋อก็ค่อยๆ ลุกขึ้น“ครับ คุณพ่อ”
ในตอนที่ซูหมิงเจ๋อจะขึ่นไปลากภรรยาลงมาจากเวทีนั้น ทันใดนั้นเองก็มีหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งผุดลุกขึ้นท่ามกลางแขกเหรื่อ แล้วตะโกนไปทางเวที
“เย่เฉินนายนี่มันหน้าไม่อายจริงๆ! เป็นคุณชายตระกูลเย่ดีๆ ไม่เอา คิดไม่ถึงว่าจะมาเป็นเขยที่แต่งเข้าของคนอื่น นายอายไหม!”
คนพูดก็คือหวังเจียเหยา!
“หวังเจียเหยาเหรอ?”
เย่เฉินเห็นหวังเจียเหยาก็ชะงักไป เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเจออดีตภรรยาในงานแต่งงานของตนเอง!
คำพูดนี้ของหวังเจียเหยาทำให้ในงานเสียงดัง
“นี่ใครเนี่ย? คิดไม่ถึงว่าจะกล้ามาสร้างความวุ่นวายในงานแต่งงาน ชักจะกล้าเกินไปแล้วล่ะมั้ง?”
“ผู้หญิงคนนี้สวยจังเลย หรือว่าจะมาถล่มงานแต่งงานเหรอ?”
เมื่อซีกวาเห็นหวังเจียเหยากำลังก่อเรื่อง ก็รีบพุ่งพรวดไปคว้าแขนหญิงสาวแล้วลากหล่อนลงมา
หวังเจียเหยาดิ้นรนให้พ้นการเกาะกุมของอีกฝ่าย “ปล่อยฉัน เย่เฉินทำงานแต่งงานฉันล่มไปตั้งสองครั้ง ฉันทำบ้างสักครั้งจะเป็นอะไรไป!”
เย่เฉินอดคิดถึงตอนที่หญิงสาวแต่งงานกับฟางเชาไม่ได้ เพราะเขาไปปรากฏตัวที่งานในฐานะผู้บริหารของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป ทำให้งานต้องล่มกลางคันดำเนินต่อไปไม่ได้
ส่วนในตอนที่หล่อนแต่งงานกับหลิ่วอวี่เจ๋อ เป็นเพราะเย่เฉินแฉเรื่องสกปรกของฝ่ายเจ้าบ่าว จนทำให้เขาโดนแทง งานแต่งงานก็ล่มไปเหมือนกัน
ดูแลหวังเจียเหยาคงจะอยากล้างแค้นเขา!
เย่เฉินเดินลงไปด้านล่าวแล้วกล่าวกับหล่อน “หวังเจียเหยาคุณเป็นบ้าเหรอ มาที่นี่ทำไม?”
หวังเจียเหยาไม่ลดละ “ทำไมฉันจะมาไม่ได้? ฉันมีลูกชายให้นาย นายแต่งงานแต่ไม่บอกอะไรฉันเลย ต่อไปถ้านายไม่รับผิดชอบลูกแล้วฉันจะทำยังไง?”
เมื่ออีกฝ่ายกล่าวแบบนี้ก็ทำให้งานตกอยู่ในความวุ่นวาย
“อะไรนะ? เจ้าบ่าวมีลูกกับผู้หญิงคนนี้เหรอ? นี่อดีตภรรยาเขาเหรอ!”
“หมอนี่โชคดีจริงๆ ทั้งอดีตภรรยากับภรรยาคนปัจจุบันล้วนแต่เป็นหน้าตาสะสวยอย่างมาก!”
“ฮ่าๆ ครึกครื้นดีจริงๆ ไม่รู้ว่าจะจบยังไง”
ทันใดนั้นเองซูมู่ชิงที่เป็นเจ้าสาวก็โพล่งออกมา
“คุณหวังเจียเหยา สวัสดีค่ะ ยินดีทีได้รู้จักนะคะ เป็นความผิดของฉันเองที่ไม่ได้ส่งการ์ดแต่งงานไปให้คุณด้วยตนเอง ส่วนเรื่องลูกของคุณและสามีของฉัน คุณสบายใจได้เลยนะคะ ฉันขอใช้เกียรติของลูกสาวคนโตของตระกูลซูรับรองเลยว่าฉันจะเห็นเขาเป็นเหมือนลูกของตัวเอง และจะเลี้ยงดูเข้าให้ดีที่สุด”
บรรดาแขกเหรื่อต่างก็วิจารณ์กันเซ็งแซ่
“สมแล้วที่เป็นคุณหนูของตระกูลซูของเมืองหลวง ใจกว้างสุดยอด!”
“ถึงซูมู่ชิงและหวังเจียเหยาจะเป็นคนสวยเหมือนๆ กัน แต่ทั้งมารยาท คำพูดจา บุคลิก อยู่เหนือกว่าเห็นๆ!”
“เหอะๆ ผู้หญิงในตระกูลเมืองชั้นรองๆ จะมาเปรียบกับสาวสวยลำดับหนึ่งของเมืองหลวงเราได้ยังไง?”
“เธอ…” หวังเจียเหยาพูดไม่ออก
หล่อนเกลียดความใจกว้างของซูมู่ชิง! ทำให้หล่อนเริ่มละอายใจ!
และในเวลานี้เองซูมู่ชิงที่นั่งบนรถเข็นมาที่โต๊ะของหวังเจียเหยา เขาดึงหญิงสาวให้นั่งลงแล้วกล่าวเสียงเข้ม “หวังเจียเหยา เธอเป็นบ้าเหรอ? ถึงได้กล้ามาทำลายงานแต่งของพี่สาวฉัน! นั่งให้ดีๆ ไม่งั้นฉันจะยึดเงิน 1,500 ล้านคืนนะ”
หวังเจียเหยากัดริมฝีปากแล้วจำใจนั่งลง
และในเวลานี้เองซูเจิ้นหางที่ต้องการจะจบเรื่องงี่เง่าพวกนี้ก็เดินตรงดิ่งไปที่เวที
ในวินาทีที่เขาเปิดปากเอ่ยนั้น งานแต่งงานที่กำลังวุ่นวายก็เงียบกริบทันที!
ไม่มีใครกล้าพูด ถึงขนาดที่ผู้ปกครองต่างก็ใช้มือปิดปากลูกหลานตนเองเพราะกลัวเด็กๆ จะส่งเสียงออกมา!
นี่ก็คือความน่าเกรงขามของซูเจิ้นหาง!