เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 423 ผ่านด่านธุรกิจ
ตอนที่ 423 ผ่านด่านธุรกิจ!
เย่เฉินตกใจ “คุณปู่คุณเดาได้ยังไงครับว่าเป็นฝีมือพี่รองของผม? คุณปู่รู้จักเขาดีมากไหมครับ?”
ซูเจิ้นหางหัวเราะ “ตั้งแต่เขาจับตัวหลานสาวฉันไปยัดใส่เครื่องบินเพื่อให้เธอนอนกับหล่อน ฉันก็รู้เลยว่าไอ้คนสารเลวเย่เซวียนนี่จะต้องเป็นคนโยงใยอยู่เบื้องหลังแน่นอน เย่เฉิน เธออยากรู้ไหมว่าทำไมเย่เซวียนต้องทำแบบนี้กับเธอ?”
เย่เฉินถอนหายใจแล้วส่ายหน้า “ผมไม่รู้เลยครับ ผมเองก็สนิทกับพี่เขามาก ถึงจะไม่ค่อยได้เจอกันแต่เขาก็ดีกับผมมาก ต่อให้เราเป็นพี่น้องคนละแม่ เขาไม่เห็นผมเป็นน้องชายแต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นต้องฆ่าแกงกันมั้งครับ? ทรัพย์สมบัติของบ้านเราก็มีมากพอให้เราเจ็ดคนพี่น้องใช้กันไม่หมดแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย”
แต่ใครจะรู้หลังจากที่ซูเจิ้นหางได้ยินแล้วก็หัวเราะ “เธออยากรู้ไหมว่าทำไมเขาต้องแบบนี้กับเธอ?”
เย่เฉินชะงักไป ฟังจากที่ซูเจิ้นหางพูดแล้ว เหมือนว่าชายชราจะรู้เหตุผล!
แต่ว่าเขาเป็นคนนอกทำไมถึงได้รู้สาเหตุได้!
“คุณรู้เหรอครับ?” เย่เฉินถามอย่างสงสัย
ซูเจิ้นหางพยักหน้าแล้วกล่าว “ที่เขาอยากทำร้ายเธอก็เพราะอยากเอาชนะเธอจริงๆ นั่นแหละ แต่ว่าที่อยากเอาชนะไม่ใช่สิทธิ์ในการสืบทอดมรดกอะไรหรอกแต่เป็นสิทธิ์ในการรู้ความลับของตระกูลเย่ต่างหาก!”
ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็ตัวชาวาบ ตาเฒ่านี่รู้ด้วยว่าตระกูลเย่มีความลับที่ไม่เคยบอกใครจริงๆ ด้วย!
เย่เฉินครุ่นคิดอย่างละเอียดก็พบว่าอีกฝ่ายพูดมีเหตุผลมากทีเดียว
ถ้าหากทำไปเพื่อทรัพย์สินมูลค่าแสนล้านล่ะก็ เย่เซวียนไม่จำเป็นต้องแย่งชิงอะไรกับเขา พี่ชายอยากได้กี่บาทเขาก็ให้ไปก็จบแล้ว
เย่เทียนและเย่เฉินไม่ได้สนใจเงินทอง ความคิดของพวกเขาไปไกลกว่านั้น ยอดเงินในบัญชีไม่ว่าจะมีเท่าไหร่ มันเป็นแค่ตัวเลขเท่านั้น พวกเขาไม่ได้ใช้ด้วยซ้ำไป
ดังนั้นถ้าอยากจะต้องแย่งชิงอะไรกันสักอย่าง ก็น่าจะต้องไปแย่งชิงของจำพวกความลับของตระกูลยังจะน่าสนใจกว่า!
เย่เทียนเคยบอกเย่เฉินว่าเย่เซวียนอาจจะรู้เรื่องความลับของตระกูล ดังนั้นพี่ชายคนรองมีแรงจูงใจจะทำร้ายเขาจริงๆ!
ทว่าเรื่องพวกนี้ล้วนแต่เป็นเรื่องของตระกูลเย่ เย่เฉินไม่จำเป็นต้องบอกคนนอก
เย่เฉินกล่าวพลางระบายยิ้ม “คุณปู่ครับเหมือนว่าคุณปู่เองจะสนใจเรื่องความลับของตระกูลเรามากทีเดียว ถ้าหากว่าผมทายไม่ผิดล่ะก็ ที่คุณปู่ให้ผมแต่งงานกับหลานสาวคุณปู่ก็เพราะอยากจะรู้ความลับของตระกูลเย่จากหล่อนล่ะสิครับ!”
ซูเจิ้นหางตอบตรงไปตรงมา “ใช่แล้วล่ะ! ฉันซูเจิ้นหางไม่ทำการค้าที่ต้องขาดทุนหรอกนะ เช่นถ้าตระกูลเย่ของเธอไม่มีความลับที่ทำให้ฉันสนใจ ไม่มีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่แบบทุกวันนี้ อย่าว่าแต่เธอมีลูกคหนึ่งกับมู่ชิงเลย ต่อให้มีสิบคนฉันก็ไม่ให้หลานฉันแต่งงานกับเธอหรอก”
“ฮึ” เย่เฉินแค่นเสียง “คุณปู่นี่ก็กล้าพูดดีนะครับ!”
ซูเจิ้นหางกล่าว “เธอเองก็เป็นคนฉลาด ฉันไม่จำเป็นต้องหลอกเธอหรอกนะ อีกทั้งในโลกใบนี้ทุกคนจะเห็นแก่ตัวก็เป็นเรื่องธรรมดา ฉันจะปิดบังไปทำไม เย่เฉินฉันหวังว่าเธอจะไม่ต่อต้านฉันเพียงเพราะเรื่องนี้หรอกนะ ฉันแค่อยากรู้ว่าความลับของตระกูลเย่มันคืออะไรกันแน่ ฉันไม่ได้มีเจตนาอยากจะไปแย่งชิงเอาความลับของตระกูลเธอมาเลย อีกอย่างเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ซือซือเป็นสายเลือดฉัน แต่ก็เป็นสายเลือดของเธอด้วย ไม่ว่าความลับของตระกูลพวกเธอคืออะไร ฉันก็จะเข้าข้างเธอ สนับสนุนเธอ จุดประสงค์ของฉันมันง่ายๆ ถ้าเธอเป็นผู้นำตระกูลเย่ ถ้าความลับนี้พอจะช่วยตระกูลซูได้ หวังว่าเธอจะช่วยเหลือลูกหลานของตระกูลซูให้ได้ดีตามไปด้วย ฉันก็เป็นเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง น่าจะเหลือเวลาไม่มากแล้ว ไม่มีทางคิดสกปรกอะไรกับเธอหรอกนะ”
คำพูดของซูเจิ้นหางฟังแล้วซื่อตรงจริงใจมากทีเดียว
เขาจะอยากรู้เรื่องพวกนี้ก็ธรรมดา ขนาดเย่เฉินเองก็ยังสงสัยมากด้วย!
เย่เฉินพยักหน้า “ครับ แต่ความลับของตระกูลน่ะ ผมจะมีสิทธิ์ได้รู้ก็ต่อเมื่อผมผ่านบททดสอบทั้งหมดที่ตระกูลตั้งไว้ก่อน ตอนนี้ผมยังไม่ผ่านด่านทางธุรกิจ กว่าจะมีสิทธิ์ได้รู้ความลับนั้นไม่รู้ว่าอีกกี่ปี คุณปู่ครับถ้าคุณอยู่ไม่ถึงวันนั้นก็อย่าโทษผมแล้วกันนะครับ”
ซูเจิ้นหางลนลานอายุอานามอย่างเขา แถมยังมีโรคอีกเป็นพรวน ไม่รู้จริงๆ ว่าจะรอถึงวันนั้นไหม
ชีวิตนี้ซูเจิ้นหางเคยดื่มด่ำกับความหรูหรา ร่ำรวย เกียรติยศ เงินทองมาหมดแล้ว ก่อนจะลาโลกนี้ไปก็อยากจะรู้ว่าความลับของเย่ฉงไห่คืออะไร
ถ้าไม่รู้เกรงว่าจะตายตาไม่หลับ
ซูเจิ้นหางกล่าว “เย่เฉิน เธออย่าโกรธเลยนะที่ฉันตำหนิว่าเธอ ตั้งแต่เธอจบด่านเขยที่แต่งเข้าสามปี ตลอดปีที่ผ่านมาเธอเอาแต่หมกมุ่นเรื่องความรักชายหญิง ถ้าไม่วุ่นวายอยู่กับหวังเจียเหยาอดีตภรรยาเรื่องลูกเรื่องโดนทรยศจนหัวหมุนไปหมด ก็เอาแต่ลุ่มหลงในตัวนฉินหงเหยียนพาหล่อนไปเที่ยวเสพสุขกันอยู่นั่น ตอนนี้ก็มีมู่ชิงและซือซือ เธอก็สนใจแต่เรื่องหลานฉันเคยคบหากับผู้ชายมากี่คน ลูกผู้ชายอกสามศอกน่ะไม่ควรเอาแต่สนใจเรื่องความรักหรอกนะ เธอควรจะทุ่มความตั้งใจไปกับการหน้าที่ที่ตระกูลมอบหมายให้จะดีกว่า!”
คำสอนนี้ของซูเจิ้นหางถูกต้องอย่างมาก
เย่เฉินเองก็คิดว่าถ้าหลังจากหย่ากับหวังเจียเหยาแล้วไม่สนใจหล่อน ไม่ต้องล้างแค้นหล่อน ตั้งใจบริหารหัวเซิ่งกรุ๊ป พยายามผ่านด่านทางธุรกิจของครอบครัว
เขาในตอนนี้อาจจะผ่านด่านธุรกิจไปแล้วก็ได้!
เย่เฉินพยักหน้ารับ “คุณปู่พูดถูกครับ ผมตัดสินใจแล้วต่อไปจะไม่สนใจเรื่องราวเหลวไหลพวกนั้นแล้ว ผมจะตั้งใจทำหน้าที่และผ่านด่านธุรกิจของครอบครัวให้ได้!”
ซูเจิ้นหางระบายยิ้ม “แบบนี้สิ! ความลับของตระกูลต่างหากที่สำคับที่สุด ในเมื่อเย่เซวียนลงทุนลงแรงทำทุกอย่างถึงขนาดกล้าทำร้ายเธอเพียงเพื่อความลับนี่ แปลว่าความลับนี้มันต้องน่าสนใจมากกว่าสมบัติแสนล้านเสียอีกนะ! ขอแค่เธอรู้ความลับนี้ก็จะกลายเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเย่ เธอก็จะได้ครอบครองโลกใบนี้!”
เย่เฉินลอบพึมพำ “ทันทีที่ฉันผ่านบททดสอบทั้งหมดของตระกูล ได้รู้ความลับก็จะได้รู้สักทีว่าทำไมพ่อของฉินหงเหยียนถึงต้องหายตัวไปนานขนาดนี้…”
ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเย่เฉินก็กล่าวเสียงละห้อย “ก่อนนี้ผมเองก็เคยพยายามจะผ่านด่านธุรกิจ ถึงบริษัทเฉินเย่กรุ๊ปของผมจะถือว่าประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากคุณปู่”
ซูเจิ้นหางพยักหน้ารับ “นั่นมันแน่อยู่แล้วเพราะเฉินเย่กรุ๊ปของเธอใช้เงินดันให้บริษัทโตขึ้นมาในระยะเวลาสั้นๆ บริษัทลูกทั้งหมดก็ล้วนแต่เป็นบริษัทที่คนอื่นทำมาจนประสบความสำเร็จ เธอก็แค่ซื้อบริษัทพวกเขาเท่านั้น ปู่ของเธอย่อมไม่ยอมรับอยู่แล้ว เย่เฉินปู่ของเธอไม่ได้สนใจว่าเธอทำบริษัทใหญ่โตเท่าไหร่ หรือว่าได้กำไรมหาศาลขนาดไหนหรอกนะ แต่ที่เขาให้พวกเธอฝึกฝนในสนามธุรกิจเป็นเพราะอยากจะฝึกฝนความสามารถในการบริหารและทำธุรกิจ ขัดเกลานิสัย และความสามารถในการแก้ไขปัญหา รวมไปถึงความสามารถในการหาโอกาสต่างๆ ตอนนี้ทรัพย์สินเธอโดนอายัดทำให้สิ้นเนื้อประดาตัว อีกทั้งยังโดนเบื้องบนเพ่งเล็งด้วย ถ้าเธอยังสามารถประสบความสำเร็จภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ฉันเชื่อว่าปู่ของเธอจะต้องตกใจมากแน่ อีกทั้งเขาจะต้องยอมรับในตัวเธอ ยอมให้การฝึกฝนครั้งนี้ของเธอผ่านแน่!”