เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 428 บังเอิญเจอวังเหม่ยฉีอีกครั้ง
- Home
- เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
- ตอนที่ 428 บังเอิญเจอวังเหม่ยฉีอีกครั้ง
ตอนที่ 428 บังเอิญเจอวังเหม่ยฉีอีกครั้ง!
หลังจากที่สวี่เจี๋ยโดนพ่อเขาเตือนก็ไม่กล้าตามจีบซูมู่ชิงอีก
หลายปีมานี้พ่อของเขาก็เติบโตในหน้าที่การงานมากขึ้น ส่วนสวี่เจี๋ยเองก็การงานราบรื่นเสียยิ่งกว่าพ่อเขา แค่อายุยังน้อยแต่ก็กลายเป็นผู้อำนวยการมีหน้าที่รับผิดชอบโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่แล้ว
ลูกพี่ที่ว่าใหญ่จากเมืองอื่นต่างก็เข้าแถวรอพบเขาที่เมืองหลวงกันทั้งนั้น
เมื่อเขาเห็นว่าซูมู่ชิงมีปัญหากับสามี วันนี้ถือเป็นโอกาสที่เขาจะได้แสดงความสามารถให้หล่อนได้เห็น
สวี่เจี๋ยรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา “ดาวประจำห้องเรา วันนี้ให้เกียรติผมจังเลย ผมจะต้องให้เค้กสุดหรูกับคุณสักก้อนคงจะดี”
“จริงด้วย สั่งเค้กมาเลย!”
“ต้องสั่งมาแล้ว เอาดีๆ หน่อย ถึงจะคู่ควรกับคุณหนูซูของเรา”
ซูมู่ชิงมีท่าทีเก้อเขินอย่างมาก “ไม่ต้องสั่งเค้กหรอก ทุกคนมากินข้าวด้วยกันก็พอแล้ว”
สวี่เจี๋ยกดโทรศัพท์“ฮัลโหล ใช่ร้านเค้ก MAXIM หรือเปล่า พอดีเพื่อนฉันอยากฉลองวันเกิด เธอช่วยส่งเค้กที่แพงที่สุดดีที่สุดมาที่ร้านชงชงน่าเหนียนหน่อย เร็วๆ ล่ะ!”
เมื่อวางสายแล้วสวี่เจี๋ยก็กล่าวพลางหัวเราะ “เดี๋ยวเค้กก็มาแล้วล่ะ”
เหล่าเพื่อนๆ ต่างก็หัวเราะคิกคัก “หัวหน้า วันเกิดของซูมู่ชิงทำไมนายต้องตื่นเต้นขนาดนี้ล่ะ? คิดอะไรกับเพื่อนตัวเองหรือเปล่า?”
“ฮ่าๆ ฉันรู้นะว่าตอนจบม.3 นายให้จดหมายรักกับซูมู่ชิงน่ะ ฮ่าๆ”
สวี่เจี๋ยรีบร้อนปฏิเสธ “อย่าพูดเหลวไหล ซูมู่ชิงจะเขินเอา เรื่องมันผ่านมาก็ตั้งนานนมแล้ว มู่ชิงอย่าถือสาเลยนะ”
ซูมู่ชิงหัวเราะน้อยๆ หญิงสาวไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยเท่าไหร่นักเมื่อคุยกับเพื่อนที่ตัวเองรู้จักตั้งแต่เด็กๆ
อาหารก็ถูกจัดเสิร์ฟบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว เพื่อนๆ ผู้ชายดื่มเหล้าขาว ส่วนผู้หญิงดื่มไวน์กัน
สวี่เจี๋ยชนแก้วกับซูมู่ชิงเป็นคนแรกแล้วกล่าว “เพื่อนเก่าเราก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ ขอบใจนะที่เธอยอมมางานเลี้ยงรุ่นกับพวกเรา”
ส่วนคนอื่นๆ ก็กล่าวกันว่า “จริงด้วย เธอเห็นเราเป็นเพื่อน ไม่รังเกียจเรา เราก็ดีใจมากๆ แล้ว”
พื้นฐานครอบครัวของซูมู่ชิงดีกว่าครอบครัวทั่วไปมาก เพื่อนนักเรียนกลุ่มนี้ทุกคนมัดรวมกันยังไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวปลายหางของซูมู่ชิง
และเป็นเพราะตอนเด็กๆ เรียนโรงเรียนธรรมดา ซูมู่ชิงถึงมีบุคลิกเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาๆ ไม่ได้เหมือนลูกสาวของตระกูลใหญ่ๆ ที่จะวางตัวเย่อหยิ่งนักหนา
ซูมู่ชิงเองก็กล่าวเสียงนุ่ม “ดูพวกเธอพูดเข้าเถอะ ทุกคนก็เป็นเพื่อนกันนี่นา อย่าพูดแบบนี้เลยนะ อีกอย่างหัวหน้าฉันได้ยินว่าพ่อนายสองปีมานี้ยศใหญ่มากเลยไม่ใช่เหรอไง”
“ฮ่าๆ” สวี่เจี๋ยหัวเราะ “ไม่เลยๆ พ่อฉันเทียบกับปู่เธอไม่ได้เลยล่ะ”
ถึงแม้ว่าปากเขาจะพูดถึงพ่อตัวเองแบบนั้น แต่ที่จริงแล้วเขาภาคภูมิใจอย่างมาก!
ในบรรดาเพื่อนนักเรียน นอกจากซูมู่ชิงที่พื้นเพครอบครัวต่างจากพวกเขาไปมากๆ จนพวกเขาเทียบไม่ติดแล้ว สวี่เจี๋ยก็เจะเหนือกว่าเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ อีกที
โดยปกติแล้วเพื่อนนักเรียนทุกคนล้วนแต่พยายามประจบเอาใจสวี่เจี๋ย เพราะมีหลายเรื่องที่พึ่งพาเขาก็ไม่บิดาของเขาได้
ต่อให้ไม่ได้พึ่งพาพวกเขา แต่มีเพื่อนที่มีหน้ามีตาขนาดนี้ก็เหมือนได้หน้าไปด้วย
เมื่อดื่มไปแก้วหนึ่งแล้ว จู่ๆ สวี่เจี๋ยก็ถาม “เพื่อนๆ รู้จักดาราดังที่ชื่อวังเหม่ยฉีไหม?”
“วังเหม่ยฉีเหรอ?”
ซูมู่ชิงชะงักไป นี่มันเด็กผู้หญิงที่เดินนำหน้าหล่อนตอนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในร้านไม่ใช่เหรอ?
เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวว่า “รู้จักสิ! เมื่อปีก่อนหล่อนดังสุดๆ ไปเลย แทบจะยึดพื้นที่ฮอทเสิร์ชอยู่แล้ว แฟนคลับเยอะมาก รุ่นน้องที่ทำงานฉันตั้งหลายคนเป็นแฟนคลับหล่อนเลยนะ”
เพื่อนผู้ชายกล่าว “ดาราดังขนาดนี้ ใครจะไม่รู้จักบ้าง? ทำไมเหรอสวี่เจี๋ยอย่าบอกนะว่าหล่อนเป็นแฟนนายน่ะ”
สวี่เจี๋ยโบกมือ “พูดอะไรน่ะ หล่อนเป็นญาติผู้น้องห่างๆ ของฉันเอง อีกทั้งตอนนี้หล่อนก็กำลังกินข้าวอยู่ที่นี่ด้วย ในห้องข้างๆ นี้เอง ทุกคนอยากเจอหล่อนไหม ถ้าอยากเจอเดี๋ยวฉันเรียกหล่อนมาดื่มกับพวกเราหน่อย”
“อยากสิๆ ฉันอยากถ่ายรูปคู่กับหล่อนด้วยนะ”
“ฮ่าๆ ฉันต้องของรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นไปฝากน้องชายฉันแล้ว”
คนอื่นๆ เองก็อยากจะเจอดาราดังคนนี้ อย่างไรเสียการงานของพวกเขาถ้าไม่ใช่ทำงานในองค์กรต่างๆ ก็ทำงานในโรงพยาบาล ซึ่งล้วนแต่ห่างไกลจากวงการบันเทิงเหลือเกิน
สวี่เจี๋ยเห็นซูมู่ชิงไม่พูดไม่จา เลยหันไปขอความเห็นจากหญิงสาว “ซูมู่ชิงคุณเคยฟังเพลงของหล่อนไหม? เดี๋ยวผมให้หล่อนแสดงให้คุณดู”
ซูมู่ชิงไม่อยากจะขัดพวกเขา เพราะไม่อยากให้ทุกคนต้องหมดสนุก เมื่อเห็นทุกคนอยากจะเจอดาราคนนี้เลยกล่าวพร้อมระบายยิ้ม “ก็ได้ค่ะ”
ความจริงแล้วซูมู่ชิงเองไม่ได้สนใจดาราคนนี้แม้แต่น้อย
“ได้เลย เดี๋ยวผมโทรศัพท์เดี๋ยวเดียว เดี๋ยวผมมานะ”
สวี่เจี๋ยเริ่มวางท่าต่อหน้าเพื่อนๆ แล้วโทรหาวังเหม่ยฉี
และเป็นไปอย่างที่คิดไม่ถึงสองนาที วังเหม่ยฉีก็มาที่ห้องของพวกเขา
“พี่คะ”
“น้องสาว! มา มานี่มา เดี๋ยวพี่จะแนะนำเพื่อนๆ สมัยเรียนให้รู้จัก นี่คือดาวของห้องเรียนเราเลย คุณหนูใหญ่ของตระกูลซู นี่คือ…”
สวี่เจี๋ยแนะนำเพื่อนๆ ทีละคนช้าๆ แถมยังให้วังเหม่ยฉีดื่มเหล้าแก้วหนึ่ง แล้วถ่ายรูปกับเพื่อนผู้หญิง
ระหว่างนั้นสวี่เจี๋ยก็โอ้อวดไปเรื่อยๆ
“พวกนายอาจไม่รู้ว่าเหม่ยฉีของเราดังขนาดไหน เวยป๋อของหล่อนมีแฟนคลับตั้งหลายสิบล้าน แค่แชร์โพสต์แค่โพสต์เดียวก็มีคนแชร์ตั้งหลายล้านครั้ง มีคนกดไลก์หลายล้านด้วยซ้ำไป!”
ส่วนวังเหม่ยฉีกลับถ่อมตัวกว่าเมื่อก่อนมาก “ไม่ขนาดนั้นค่ะ พี่นี่ก็ อย่าพูดแบบนี้สิ ตอนนี้ฉันไม่ได้ดังขนาดนั้นแล้ว”
เมื่อก่อนวังเหม่ยฉีเองเป็นดาราหญิงแแนวหน้าที่โด่งดังจริงๆ
ทว่าตั้งแต่มีคนแฉเรื่องที่หล่อนทำอะไรกับหลิ่วอวี่เจ๋อในรถ ชื่อเสียงของหล่อนเองก็ตกต่ำลงไปมาก
สวี่เจี๋ยชี้เปียโนที่ตั้งอยู่ด้านในสุดของห้องนั้นแล้วกล่าว “เหม่ยฉี ในห้องมีเปียโนตั้งอยู่พอดี ด้านบนมีไมโครโฟนติดอยู่ เธอพอจะแสดงให้พวกเราดูได้ไหม?”
วังเหม่ยฉีเองกลับมีท่าทีอิดออด “ฉันเล่นเปียโนไม่เก่ง ไม่อยากจะขายหน้าเพื่อนๆ พี่”
ซูมู่ชิงพอจะมองออกว่าน้องสาวที่เป็นญาติห่างๆ คนนี้ไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองนักเมื่ออยู่ที่นี่ พอจะมองออกว่าหล่อนไม่ได้สนิทสนมกับพี่ชายผู้เป็นญาติห่างๆ คนนี้เท่าไหร่นัก
ซูมู่ชิงกล่าว “คุณวังคุณดังขนาดนั้น ตารางงานคงแน่นมากแน่เลยล่ะสิคะ?”
วังเหม่ยฉีอาศัยโอกาสนี้พยักหน้ารับ “ใช่ค่ะ กว่าจะหาเวลาว่างได้สักชั่วโมงก็แสนจะยากเย็น กว่าจะได้มากินข้าวกับเพื่อนที่ไม่เจอกันตั้งหลายปี”
ซูมู่ชิงกล่าว “แบบนี้นี่เอง งั้นฉันไม่รบกวนเวลาของคุณหนูวังแล้วดีกว่า”
วังเหม่ยฉีพยักหน้าให้ซูมู่ชิงอย่างซาบซึ้งใจ “งั้นฉันไปแล้วนะคะพี่”
สวี่เจี๋ยโบกมือให้น้องสาว “เหม่ยฉีบิลห้องเธอให้มาเก็บที่พี่ได้เลยนะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ”
สวี่เจี๋ยกล่าว “พี่ไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ให้แล้ว เธอกินเลี้ยงกับเพื่อนให้เต็มที่เถอะ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่”
หลังจากที่ดาราคนดังไปแล้ว เหล่าเพื่อนนักเรียนต่างก็สรรเสริญเขา
“พี่เจี๋ย ใช้ได้เลยนี่ ดาราดังขนาดนี้แต่โบกมือเรียกมาหรือไล่ให้ไปก็ได้”
“ได้ยินมาว่าถ้าไม่มีเงินสิบล้าน จะกินข้าวกับดาราไม่ได้จริงไหม?”
สวี่เจี๋ยโบกมือ “แค่น้องสาวฉันเอง ถ้าทุกคนชอบฉันเรียกหล่อนมาได้ตลอดเวลาเลย มาๆ เรามาดื่มเหล้ากันต่อเถอะ!”
และเย่เฉินก็เดินเข้ามาในร้านพอดี