เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 46 จับมือเป็นครั้งแรก
โปรเจกต์นี้เดิมทีหวังเจียเหยาและสามีของหล่อนเป็นคนเสนอ แต่เพราะสถานะในตระกูลด้อยกว่าหวังจื้อเฉียงทำให้โปรเจกต์นี้ตกไปอยู่ในมือของอีกฝ่าย
ตอนนี้คุณเย่ไม่ยอมพบครอบครับหวังจื้อเฉียง หวังเจียเหยาถึงได้อยากลองดูบ้าง
หวังหยวนหยวนเยาะเย้ยอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกเราไปกันมาทั้งบ้านแล้ว แต่คุณเย่ยังไม่ยอมมาพบเขาจะยอมพบพี่เหรอคะ? พี่หลงตัวเองเกินไปแล้วมั้ง?”
ซูหลานที่อยู่ด้านข้างช่วยลูกสาวพูด “คุณแม่คะ ให้เจียเหยาลองดูเถอะค่ะ เดิมทีโปรเจกต์นี้ก็เป็นความคิดของเจียเหยานะคะ”
คุณนายหวังครุ่นคิด ตอนนี้นอกจากตนออกหน้าเองและคนบ้านหวังจื้อหย่วนลองไปพบเขาก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว
คุณนายหวังกล่าว “ก็ได้ เจียเหยา แกลองไปดูแล้วกัน ถ้าไม่ได้จริงๆ ฉันจะไปเข้าพบเขาด้วยตัวเอง! สรุปคือพวกเราจะต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เซ็นสัญญากับบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป!”
……
บ่ายสองโมงหวังเจียเหยาก็มาถึงตึกของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป
หล่อนใส่เสื้อไหมพรมตัวบางสีขาว ด้านล่างใส่ชุดกระโปรงลายสกอตสีแดง บนคอใส่สร้อยคอสวารอฟสกี้ เป็นการแต่งตัวที่ทั้งใสซื่อและสบายๆ อย่างมาก
“คุณหนูหวัง รอที่ห้องรับแขกก่อนนะคะ คุณเย่ยังยุ่งอยู่”
โจวหรงหรงพาหวังเจียเหยาเข้าไปในห้องรับแขกแล้วเทน้ำให้อีกฝ่ายแก้วหนึ่ง
ซึ่งถูกใจหล่อนพอดี เพราะหล่อนไม่ชอบกินของจุกจิก แต่ชอบดื่มน้ำโดยเฉพาะน้ำผสมน้ำผึ้งเพราะสำหรับหล่อนการดื่มน้ำเป็นการรักษาสุขภาพและความงามที่ดีที่สุด
สามปีผ่านมาทุกวันตอนเช้า หล่อนจะให้เย่เฉินทำน้ำผสมน้ำผึ้งให้หล่อน
หลายวันมานี้หลังจากที่หย่ากับอดีตสามีแล้ว หล่อนจำเป็นต้องทำเองซึ่งในตอนนี้ของทุกวันหล่อนจะคิดถึงเขาขึ้นมา
โจวหรงหรงมาที่ห้องทำงานผู้บริหาร ทั้งฉินหงเหยียนและเย่เฉินก็อยู่กันพร้อมหน้า
โจวหรงหรงกล่าวว่า “คุณเย่คะ หวังเจียเหยามาค่ะ”
ฉินหงเหยียนโบกมือให้โจวหรงหรงออกไปเห็นเย่เฉิหน้าเปลี่ยนสีอย่างเห็นได้ชัดแล้วถาม “จะพบหล่อนไหมคะ?”
เย่เฉินกล่าว “หวังจื้อเฉียง หวังหยวนหยวน หวังซ่าวเจี๋ย มาเจรจาเรื่องสัญญาแต่โดนผมปฎิเสธไปหมด ถ้ายังทำแบบนี้อีกคนตระกูลหวังต้องคิดว่าพวกเรากำลังกลั่นแกล้งพวกเขาแน่ ในเมื่อตัดสินใจว่าจะร่วมมือกันก็ให้เงินเจ็ดสิบล้านให้พวกเขาไปเถอะ หงเหยียนส่งสัญญามา”
ฉินหงเหยียนส่งสัญญาให้เย่เฉินแล้วเขาก็เดินถือสัญญาไปที่ห้องรับแขก
วินาทีที่เปิดประตูแล้วเห็นหวังเจียเหยาก็ทำให้เย่เฉินรู้สึกเหมือนอยู่อีกโลก
เสื้อผ้าชุดนี้เย่เฉินคุ้นเคยอย่างที่สุด นี่คือชุดที่หวังเจียเหยาชอบมากเป็นพิเศษ เขาเองเคยเห็นหล่อนใส่ตอนอยู่บ้านบ่อยๆ
เย่เฉินเองก็ชอบชุดนี้มากเช่นกัน เพราะทำให้หล่อนดูใสซื่อบริสุทธิ์ เป็นนักศึกษาสาวที่ทั้งไร้เดียงสาและขี้อายคนนั้นคนที่เขาเจอตอนที่เพิ่งจะรู้จักกัน…
ไม่ว่าตอนนี้เย่เฉินจะเกลียดหล่อนหรือไม่ เขาก็จำใจต้องยอมรับว่าใบหน้าและเสื้อผ้าของหวังเจียเหยาล้วนแต่ถูกใจเขาอย่างมาก
ซึ่งต่อให้หวังหยวนหยวนใส่กี่เพ้าเป็นร้อยตัวก็ไม่มีทางเกิดขึ้น
ทว่าเย่เฉินไม่ได้มาเพื่อชื่นชมความงดงามของอดีตภรรยา เขาก้าวเข้ามาปิดประตูแล้วกล่าวว่า “คุณมาแล้วเหรอ”
หวังเจียเหยาพยักหน้า “อืม คุณเย่ยุ่งมากเลยเหรอ? ฉันคิดว่าเขาคงมาทันทีไม่ได้ นายนั่งลงก่อนแล้วคุยเป็นเพื่อนฉันหน่อย”
เย่เฉินยิ้ม “ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”
เขาโยนสัญญาลงตรงหน้าหวังเจียเหยา “คุณดูสัญญาสักหน่อย ถ้าคิดว่าไม่มีปัญหาอะไรก็เซ็นได้เลยเงินเจ็ดสิบล้านจะถูกแบ่งจ่ายสามรอบจะโอนเข้าบัญชีบริษัทคุณภายในหนึ่งสัปดาห์”
หวังเจียเหยาประหลาดใจอย่างมาก “คุณเย่เห็นด้วยแล้วเหรอ? ฉันยังคิดว่าเขายังอยากจะดูอีกหน่อยแล้วค่อยโอนเงิน!”
หวังเจียเหยาเปิดแฟ้มออกอย่างมีความสุข แล้วเห็นคำว่า ‘อีผิ่นเจียเหยา’ ตัวใหญ่ๆ เขียนอยู่ด้านบนสุดของสัญญาหน้าแรก!
หวังเจียเหยาตกใจ “อีผิ่นเจียเหยา! ทำไมถึงเป็นชื่อนี้ได้!”
สำหรับหวังเจียเหยาแล้ว หล่อนคุ้นเคยกับชื่อ ‘อีผิ่นเจียเหยา’ เป็นอย่างมาก
เมื่อครึ่งปีก่อนตอนที่เย่เฉินเสนอไอเดียนี้ เขาตั้งชื่อโปรเจ็กต์ไว้ว่า ‘อีผิ่นเจียเหยา’ เพราะเขาคิดโปรเจกต์นี้ให้หล่อน เขาย่อมต้องตั้งชื่อโปรเจกต์นี้ตามชื่อของหล่อน
ตอนนั้นเย่เฉินคิดว่าต่อให้คนตระกูลหวังไม่เห็นด้วย แต่อีกครึ่งปีหลังจากนั้นอย่างไรก็ต้องเกิดขึ้น!
ใครจะคาดคิดล่ะว่าภายหลังหวังเจียเหยาจะเกิดนอกใจเขาขึ้นมา
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เย่เฉินก็ยังหวังว่าจะได้ใช้ชื่อเดิมที่ตนเองคิดเอาไว้
เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น “ซือจ๋ายมันไปคล้ายกับคำว่าสื่อจ๋าย[1]น่ะสิ ฟังแล้วอัปมงคลสุดๆ ดังนั้นเลยเปลี่ยนชื่อไป ทำไมคุณไม่ชอบชื่อนี้เหรอ?”
หวังเจียเหยาจะไม่ชอบได้อย่างไร!
ที่พักคหบดีที่ร่ำรวยในลำดับต้นๆ ของอวิ๋นโจวในอนาคตถูกตั้งตามชื่อของหล่อน หล่อนไม่รู้จะบรรยายความภาคภูมิใจนี้อย่างไรดี!
แต่ว่าตอนนั้นหลังจากที่หล่อนบอกชื่อนี้กับคุณย่าแล้ว อีกฝ่ายก็ปฏิเสธทันที ยิ่งไปกว่านั้นหวังจื้อเฉียงก็โพล่งออกมาว่า “หวังเจียเหยาไม่คู่ควร”
หวังเจียเหยาดีใจจนจะร้องไห้ หล่อนลุกขึ้นแล้วกล่าว “เย่เฉิน นายขอร้องให้คุณเย่ใช้ชื่อนี้ล่ะสิ? สวรรค์ ทำไมเขาถึงได้เชื่อบอดี้การ์ดอย่างนายล่ะ? อย่าบอกนะว่า…นายคุกเข่าขอร้องเขาน่ะ?”
หวังเจียเหยาซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง หล่อนรู้ว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเย่เฉินแน่นอน ไม่อย่างนั้นคุณเย่ไม่มีทางรู้จักชื่อเดิมอย่าง ‘อีผิ่นเจียเหยา’
เพราะความซาบซึ้งใจทำให้หวังเจียเหยากุมมือเขาเป็นครั้งแรกในรอบสามปีแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ขอบคุณนะ เย่เฉิน”
เย่เฉินสัมผัสมือขาวนุ่มนวลของหวังเจียเหยาด้วยจิตใจที่สับสน
สามปีแล้ว เขาเป็นสามีของอีกฝ่ายมาสามปีแล้ว กระทั่งมือของอีกฝ่ายเขาก็ยังไม่เคยได้จับ
ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสมือของภรรยาตนเอง คิดไม่ถึงว่าจะนุ่มนิ่มแบบนี้แถมยังขาวผ่องด้วย
ทว่าเย่เฉินดึงมืออีกฝ่ายออก “เปล่าหรอก คุณเย่ชอบชื่อเจียเหยานี้มาก มันพ้องเสียงกับคำว่าเจียเหยา (ชั้นเลิศ) จากเหม่ยเว่ยเจียเหยาดังนั้นเขาเลยเลือกใช้ชื่อนี้”
หวังเจียเหยาเห็นเย่เฉินปฏิเสธก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “นายจะต้องอ้อนวอนคุณเย่อย่างยากลำบากแน่นอนกว่าเขาจะยอมรับ ทำไมไม่กล้ายอมรับเหรอฉันรู้ว่านายยังรักฉัน”
เย่เฉินไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก “ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้วเซ็นเถอะ”
หวังเจียเหยาเองก็กังวลว่าโอกาสทองจะหลุดมือไป เรื่องนี้หากหล่อนทำสำเร็จคุณย่าจะต้องดีใจมากแน่
หวังเจียเหยารีบจรดปากกาเซ็นแล้วประทับตราบริษัทลงไป
สัญญามีสองชุด เย่เฉินรับส่วนของเขามาแล้วเดินจากไป
“รอเดี๋ยว” หวังเจียเหยาเรียกเย่เฉิน “นายขอร้องคุณเย่ให้เขายอมใช้ชื่อ ‘อีผิ่นเจียเหยา’ ฉันดีใจมากเลย เอาแบบนี้แล้วกัน เที่ยงนี้ฉันจะเลี้ยงข้าวนาย นายอยากไปกินที่ไหน? หรือว่าจะไปกินร้านนั้นที่นายชอบที่สุด…ชื่ออะไรนะ…บะหมี่เป็ดน้อยใช่ไหม?”
เย่เฉินเดินหนีแล้วกล่าว “ขอบใจนะ แต่ผมยุ่งมากไม่ว่างกินข้าวกับคุณหรอก แล้วร้านที่นอกเมืองนั้นชื่อร้านบะหมี่ไก่น้อยไม่ใช่เป็ดน้อย! ไปมาตั้งหลายครั้งคุณยังไม่จำชื่อมันด้วยซ้ำ ดูแล้วคุณไม่เคยรักผมเลยด้วยซ้ำ”
“ไร้สาระ!” หวังเจียเหยาระเบิดโทสะอีกครั้ง “ร้านเยินขนาดนั้น ฉันไปเป็นเพื่อนนายหลายรอบก็ถือว่าเมตตานายมากแล้ว! ไม่อยากไปก็ช่างอย่างนั้นฉันไปกินอาหารฝรั่งกับฟางเชาก็ได้ ฮึ!”
[1] 死宅 (สื่อจ๋าย) หมายถึงบ้านร้าง