เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 469 ดีใจจนลืมรักษาภาพลักษณ์
ตอนที่ 469 ดีใจจนลืมรักษาภาพลักษณ์!
คำพูดของเย่เฉินทำให้จางเชี่ยนจือและซูมู่เสวี่ยต่างก็ตกใจไป ไม่เชื่อหูตัวเอง
คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะยอมให้ผู้ชายคนอื่นเพิ่มวีแชทของซูมู่ชิง!
พวกลูกเขยเมื่อครู่โดนเย่เฉินสั่งสอนจนหมดสภาพ ทำไมพอถึงตาหลิ่วอวี่เจ๋อแล้วถึงได้เปลี่ยนไปเหรอ?
หรือว่าเป็นเพราะเย่เฉินกับหลิ่วอวี่เจ๋อรู้จักกันมาก่อนเหรอ?
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างสองก็ไม่ได้ดีนี่นา
ซูมู่ชิงประหลาดใจเล็กน้อย แต่พอสามีสั่งแต่หล่อนก็เชื่อฟัง “อ้อ ได้ค่ะ”
ซูมู่ชิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิด QR-CODE ของวีแชทเพื่อให้อีกฝ่ายได้เพิ่มเพื่อนกับหล่อน
ซูมู่เสวี่ยเห็นเหตุการณ์ก็หัวเราะคิกคักแล้วกล่าว “เย่เฉินในที่สุดนายก็ยอมทำใจปล่อยซูมู่ชิงไป แบบนี้สิถูกแล้วรักใครสักคนไม่จำเป็นต้องครอบครองหล่อนไปตลอดชีวิต เห็นคนที่เรารักมีความสุขก็พอแล้ว อ้อ ขอโทษทีฉันลืมไปว่านายมองไม่เห็น ฮ่าๆ”
จางเชี่ยนจือเองก็ดีใจมากในที่สุดก็ไม่ต้องเห็นหน้าลูกเขยอย่างเย่เฉินทุกวันอีก!
แล้วงานเลี้ยงก็จบลงอย่ารวดเร็ว
เย่เฉินและซูมู่ชิงนั่งรถคันเดียวกัน หญิงสาวขับรถเบนท์ลี่ย์สีขาวที่เพิ่งซื้อมาใหม่
หญิงสาวเอ่ยถามสามีในรถ “ที่รัก ทำไมคุณถึงให้ฉันเพิ่มเพื่อนกับหลิ่วอวี่เจ๋อด้วยล่ะคะ? แล้วก็ฉันจำได้ว่าคุณกับหลิ่วอวี่เจ๋อไม่ใช่เพื่อนกันด้วยแต่วันนี้ทำไมดูแล้วสนิทกันจัง”
เย่เฉินกล่าวถาม “ผมสงสัยว่าหลิ่วอวี่เจ๋อจะเป็นคนวางยาผม”
“อะไรนะคะ?” ซูมู่ชิงผ่อนความเร็วลง “งั้นที่คุณให้เขาเพิ่มวีแชทหมายความว่ายังไง? จะให้ฉันไปสืบข่าวอะไรมาจากเขาเหรอคะ?”
เย่เฉินส่ายหน้า “เขาเป็นคนฉลาด แล้วระวังตัวและถ่อมตัวกว่าเมื่อก่อนด้วย คุณคงจะไม่เจอหลักฐานอะไรจากเขาหรอก วันนี้ผมคุยกับเขาตามลำพัง ผมอกเขาว่าเราสองคนกำลังจะหย่ากันแล้วแถมยังจะยกคุณให้เขาด้วย”
ซูมู่ชิงรีบร้อนเปิดไฟขอทางแล้วจอดรถ “ที่รัก คุณจะยกฉันให้ผู้ชายคนอื่นเหรอ?”
เย่เฉินกล่าวพลางระบายยิ้ม “ไม่ใช่อยู่แล้ว ผมไม่ได้ตาบอดจริงๆ ผมแค่ยื่นเงื่อนไขให้เขา คือให้เขาไปหาตัวฆาตกรมาให้ผม ถ้าหากว่าเรื่องนี้เขาทำจริงๆ เขาจะต้องมีพิรุธอะไรแน่!”
เย่เฉินกำมือซูมู่ชิงแน่นแล้วกล่าว “คุณสบายใจเถอะ ที่รัก ผมไม่ให้เขาได้แตะต้องแม้แต่ผมเส้นเดียวของคุณ”
“อ้อ” เดิมทีซูมู่ชิงไม่อยากจะคุยกับหลิ่วอวี่เจ๋อ “งั้นฉันจะให้ซวงเอ๋อร์เล่นวีแชทของฉันนะคะ ให้ซวงเอ๋อร์คุยเล่นกับเขาแทนแล้วกัน”
“อ้อ ได้สิครับ”
……
ในตอนนั้นลานจอดรถของโรงแรม หลิ่วอวี่เจ๋อเดินที่รถเบนซ์ที่พี่ชายรออยู่
“ฮ่าๆ…”
ทันทีที่เปิดประตูรถแล้ว หลิ่วอวี่เจ๋อก็ระบายยิ้ม
หลิ่วเฟิ่งเอนตัวเพื่อพักผ่อน เห็นน้องชายเดินกลับมาอย่างมีความสุข ก็ผุดลุกขึ้น “อวี่เจ๋อ มีเรื่องอะไรทำไมดีใจได้ขนาดนี้?”
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “พี่ครับ เด็กเย่เฉินนั่นรับปากจะยกซูมู่ชิงให้ผม!”
“อะไรนะ? เย่เฉินเป็นฝ่ายออกตัวจะยกเมียให้นาย” หลิ่วเฟิ่งรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวแล้วระบายยิ้ม “ใช่ครับไอ้บอดนั่นมันบอกว่าไม่อยากจะเกาะซูมู่ชิงไปตลอดชีวิตเลยคิดจะหย่ากับหล่อน ส่วนตัวเลือกคนอื่นๆ เขาก็ไม่ไว้ใจ แต่เขารู้จัดผมอยู่บ้างรู้สึกว่าผมคู่ควรกับซูมู่ชิง แต่ว่าเขามีเงื่อนไขหนึ่งให้ผมไปจับตัวฟางเชามา”
หลิ่วเฟิ่งถามอย่างสงสัย “จับฟางเชามาทำอะไร?”
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ที่แท้ก่อนนี้เย่เฉินจับฟางเชาตอนครับ ตอนนี้เย่เฉินสงสัยว่าที่เขาตาบอดเพราะฟางเชาเป็นคนทำ ฮ่าๆ ไอ้โง่”
หลิ่วเฟิ่งกล่าวอย่างระแวดระวัง “อวี่เจ๋อระวังจะมีอะไรผิดปกติ! เย่เฉินคนนี้ไม่ธรรมดาเลย เขาวางกับดักหลอกนายหรือเปล่า?”
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “ไม่หรอกครับ พี่ไม่รู้ว่าคนตระกูลซูไม่ชอบเขา แม่ยายเขาก็เลือกเขยคนใหม่ของซูมู่ชิงต่อหน้าคนอื่นเลย ไม่เห็นหัวเย่เฉินด้วยซ้ำ เย่เฉินและซูมู่ชิงจะหย่ากันแน่ๆ อีกทั้งตอนนี้เย่เฉินกำลังสงสัยว่าฟางเชาเป็นคนลงมือ ขอแค่ผมสามารถทำให้ฟางเชารับผิดกับเขา ให้เขาไม่สงสัยผมก็เรียบร้อยไม่ใช่เหรอครับ?”
หลิ่วเฟิ่งครุ่นคิดแล้วพยักหน้ารับ “ถ้าเป็นแบบนี้ได้ก็ดีที่สุดแล้ว”
หลิ่วอวี่เจ๋อตบบ่าของหลิ่วเฟิ่งแล้วกล่าว “ฮ่าๆ พี่ครับสบายใจเถอะครับ รอบนี้ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ รอให้ผมจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วจะสร้างเกียรติยศศักดิ์ศรีให้ตระกูลเราจะแต่งซูมู่ชิงเข้าบ้านเราให้ได้ครับ!”
หลิ่วเฟิ่งมีความหวังอย่างมากว่าซูมู่ชิงจะกลายเป็นน้องสะใภ้ตนเอง!
“ดีมาก พี่จะไปส่งนายที่สนามบิน นายไปหาคุณอาที่อวิ๋นโจว หล่อนจะต้องรู้ว่าฟางเชาอยู่ไหน”
หลิ่วเฟิ่งพูดพลางเหยียบคันเร่งมุ่งตรงไปสนามบิน
……
ในเวลากลางคืนหลิ่วอวี่เจ๋อมาถึงที่พักในเขตทั่วๆ ไป
“อวี่เจ๋อ มา จิบชาหน่อย”
หลิ่วหรูซือส่งแก้วชาให้หลานชายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สวมเสื้อผ้าหรูหราเหมือนเมื่อก่อน แต่หุ่นดี สวมอะไรก็น่าชมไปหมด
“ขอบคุณครับคุณอา”
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวขอบคุณอย่างมีมารยาท
พ่อของฟางเชาฟางเสียนจู่เองก็นั่งที่โซฟา แต่ว่ากลับมองทีวีไม่แต่ไม่สนใจหลิ่วอวี่เจ๋อแต่อย่างใด
เพราะเมื่อก่อนหน้านี้ตอนเขาไปตระกูลหลิ่ว คนตระกูลหลิ่วเองก็ไม่เห็นเขาเป็นแขกเสียหน่อย
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “คุณอาทั้งสองที่ผมมาครั้งนี้เพราะอยากจะเชื้อเชิญฟางเชาไปรับตำแหน่งรองผู้บริหารของชุนเฟิงเอ็กซ์เพรส”
“อะไรนะ? รองผู้บริหารเหรอ?”
ฟางเสียนจู่กับหลิ่วหรูซือตกใจจนกระโดดเด้ง พวกเขาต่างก็รู้ว่าช่วงนี้ชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสกลับมารุ่งเรืองเมื่อที่ผ่านมา
ฟางเสียนจู่ถามอย่างแทบไม่เชื่อสายตา “ให้ลูกชายฉันเป็นรองผู้บริหารของบริษัทตระกูลลหลิ่วของนาย งั้นเท่ากับว่าให้เขาเทียบเทียมกับหลิ่วเฟิ่งเหรอ? พวกตระกูลหลิ่วจะยอมเหรอ?”
ในฐานะที่หลิ่วหรูซือเองก็เป็นคนตระกูลหลิ่วและไม่กล้าจะเชื่อว่าตระกูลหลิ่วจะทำแบบนี้ ถึงแม้ว่าหล่อนจะหวังว่าบิดาของหล่อนจะรักฟางเชาเหมือนกัน…
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าว “คุณอา เมื่อก่อนตระกูลหลิ่วของเราก็ตกที่นั่งลำบาก เจอเรื่องลำบากมาไม่น้อย เพิ่งจะกลับมารุ่งโรจน์เหมือนที่ผ่านมา ครั้งนี้คุณปู่ก็ลึกซึ้งในบางเรื่องก็คือนในครอบครัวต้องสามัคคีกัน! คุณอาเองก็เป็นคนตระกูลหลิ่วของพวกเรา ฟางเชาเองก็ถือว่าเป็นสายเลือดตระกูลหลิ่วครึงหนึ่งเหมือนกัน ดังนั้นคุณปู่เลยหวังว่าเขาจะมาช่วยทำงานที่บริษัทเหมือนกัน เราคนเยอะทำให้มีศักยภาพ มีแค่ครอบครัวร่วมมือกันจะได้ไม่ต้องกลัวคนอื่นมาหาเรื่อง!”
หลิ่วหรูซือน้ำตาไหลอย่างซาบซึ้งใจ แล้วจับมือสามีอย่างตื้นตัน “ในที่สุดคุณพ่อก็เข้าใจ ในที่สุดคุณพ่อก็ยอมรับพวกเรา”
ฟางเสียนจู่เองก็ดีใจมาก ตอนนี้เขาล้มละลาย ถ้าหากว่าได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลหลิ่ว อาจจะได้กลับมารุ่งโรจน์เหมือนที่ผ่านมา!
หลิ่วอวี่เจ๋อเห็นคำโกหกที่ล่อลวงได้ผลก็กล่าวถามในทันที “คุณอาทั้งสองพี่ชายของผมตอนนี้อยู่ที่ไหน? ผมอยากเจอหน้าเขา”
หลิ่วหรูซือถาม “เขาไปไทย แต่ไม่ได้บอกที่อยู่กับพวกเรา บอกว่าไม่อยากให้เราไปหาเขา เดี่ยวอาให้เบอร์โทรศัพท์ให้นะ หลานไปที่นั่นแล้วชวนเขากลับมาที่นี่สิ ลูกเขาสองคนรอเขาอยู่ที่นี่”
หลิ่วอวี่เจ๋อตกใจ “ฟางเชามีลูกแล้วเหรอครับ?”
ดูแล้วอาสาวของตนเองก็เป็นคนมีสามารถมากทีเดียว เจ้าหล่อนได้วางแผนป้องกันไว้ก่อน ได้จัดแจงให้ลูกชายตนเองมีลูก ไม่อย่างนั้นตระกูลฟางคนไม่มีทายาทสืบสกุลไปแล้ว!