เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 478 เย่เฉินเป็น 18 มงกุฎเหรอ
ตอนที่ 478 เย่เฉินเป็น 18 มงกุฎเหรอ?
พอซูมู่ชิงได้ยินเด็กร้านเหล้ากล่าวเช่นนี้ก็ทำอะไรไม่ถูก
คิดไม่ถึงว่าพอหล่อนบอกว่าตนเองเป็นใครก็แล้ว แต่พนักงานร้านเหล้าคนนี้กลับไม่มีท่าทีอะไร
ส่วนซูมู่ชิงกล่าวว่า “ฉันไม่ได้อยากกินเหล้าฟรีหรอกค่ะ แต่ฉันหมายความว่า Gilbey’s Bar นี่น่าจะเป็นของเก๋อหลินหวังกรุ๊ปไม่ใช่เหรอคะ? ฉันน่ะถือหุ้นใหญ่ที่สุดของบริษัทเก๋อหลินกรุ๊ป ฉันเป็นเจ้าของแล้วจะดื่มเหล้าที่นี่น่าจะพอมีสิทธิ์ล่ะมั้ง?”
ซูมู่ชิงพูดจาเนิบนาบ อ่อนหวาน บางทีอาจเพราะหญิงสาวไม่ค่อยได้พูดภาษาอังกฤษด้วย
ส่วนเมื่อฟางชิงเห็นเหตุการณ์จึงหันไปกล่าวกับซูมู่ชิง “มูชิง เธอเป็นเจ้าาของ จะเกรงใจพนักงานไปทำไม?”
หลังจากนั้นก็หันไปแหวใส่พนักงานร้านเหล้า “เฮอะ! นั่นเจ้านายของนายนะ! ร้านเหล้าร้านนี้เป็นของหล่อน! เราจะสั่งอะไรก็ได้ที่เราอยากจะดื่ม!”
บาร์เทนเดอร์หัวเราะร่วน “พวกคุณสี่คนเป็นแก๊งค์ต้มตุ๋นหรือเปล่าเนี่ย? อยากจะมาเนียนกินเหล้าฟรีใช่ไหม? ถ้าพวกคุณอยากดื่มเหล้าฟรีก็ไปหาแขกในร้าน ให้พวกเขาเลี้ยงพวกคุณแทนสิ แต่ว่าต้องนอนกับพวกเขาสักคืนนะ แต่ว่าอยากได้ฝันถึงเหลาหลายพันปอนด์เลย ผู้หญิงเอเชียน่ะค่าตัวถูก อย่างมากก็น่าจะได้ดื่มเหล้าราคาแค่ไม่กี่สิบปอนด์หรอก”
คำพูดเหยียดหยามและเหน็บแนมของบาร์เทนเดอร์ทำให้สาวๆ สี่คนโกรธจนควันออกหู!
ฟางชิงและจางเหมิงตบโต๊ะเสียงดัง “พูดอะไรน่ะ! นอนกับใครอะไรกัน รีบขอโทษพวกเราเดี๋ยวนี้นะ!”
บาร์เทนเดอร์ยังคงเช็ดแก้วต่อแล้วชี้ไปที่ซูมู่ชิง “ก็คุณผู้หญิงท่านนี้โกหกนี่นา ร้านเหล้าของเราไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเก๋อหลินหวังกรุ๊ปด้วยซ้ำไป เจ้าของร้านเราชื่อคุณแมคโดนัลด์”
ซูมู่ชิงกำมือแน่น ในใจหล่อนไม่สบายใจ ถ้าไม่ใช่เพราะตนเอง เพื่อนๆ ของหล่อนก็คงจะไม่โดนคนดูถูกแบบนี้
แต่พอได้ยินคำพูดของบาร์เทนเดอร์ หญิงสาวก็แปลกใจว่าบาร์นี้ไม่ได้เป็นของบริษัทที่ตนเองถือหุ้นอยู่เหรอ?
แต่เย่เฉินพูดเองกับปากเลยว่าบาร์น้อยใหญ่ในอังกฤษล้วนแต่อยู่ภายใต้บริษัทที่ทำบาร์เหล้าชัดๆ
แต่ใครจะรู้ในเวลานี้เอง จู่ๆ ฟางชิงก็กล่าวขึ้นมาว่า “แมคโดนัลด์เหรอ? ใช่คุณแมคโดนัลด์ผู้บริหารลริษัทอิงเคอหรือเปล่า?”
บาร์เทนเดอร์กล่าวพลางระบายยิ้ม“ใช่แล้วครับ! คุณแมคโดนัลด์ นั่นแหละครับ คุณเองก็รู้จักเขาเหมือนกันเหรอครับเนี่ย? เขาคือเศรษฐีที่อายุยังน้อยและมีความสามารถมากที่สุดในอังกฤษเลยนะครับ! อายุยังไม่ 30 ก็มีทรัพย์สินมูลค่าหลายพันล้านปอนด์แล้ว”
ทันใดนั้นเองจางเหมิงก็โพล่งออกมา“ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนชื่อนี้มันคุ้นๆ หูจังนะ?”
ฟางชิงกล่าว“แมคโดนัลด์ก็สามีฉันเอง!”
หลินเป้ยเป้ยเข้าใจในทันที “อ้อ จริงด้วย สามีเธอชื่อแมคโดนัลด์นี่เอง! ที่แท้บาร์เหล้าร้านนี้เป็นของสามีของเธอนี่เอง!”
ซูมู่ชิงชะงักไป เดิมทีหล่อนที่โดนเรียกเป็นควีนของบาร์ที่นี่ตกลงกันเอาไว้ว่าจะพาเพื่อนมาเลี้ยงเหล้า โดยที่หล่อนเป็นเจ้ามือ
แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าของร้านเหล้าแห่งนี้จะกลายเป็นเพื่อนตนเองไปได้เหรอเนี่ย?
ฟางชิงรีบคว้ามือถืออออกมาแล้วกดโทรออก
“ฮัลโหล ค่ะที่รัก ฉันมีอะไรจะถามหน่อยคุณซื้อ Gilbey’s Bar แล้วเหรอคะ?”
“ซื้อแล้วเหรอคะ? ทำไมคุณไม่บอกฉันก่อนล่ะคะ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ Gilbey’s Bar บาร์เทนเดอร์ที่นี่ดูถูกเพื่อนฉัน ฉันอยากให้คุณไล่เขาออกเดี๋ยวนี้เลย!”
เมื่อกดวางสาย ฟางชิงก็กล่าวกับเพื่อนสาวทั้งสามคนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ปวดหัวจริงๆ บาร์เหล้านี้เป็นของพวกเราจริงๆ ด้วยแฮะ เฮ้อต้องโทษสามีฉันเลยรวยเกินไม่มีอะไรทำก็ซื้อบาร์เหล้า ไม่ก็โรงกลั่นเหล้าฉันไม่ค่อยรู้เรื่ออะไรเลย”
พวกซูมู่ชิงเห็นสีหน้าของเพื่อนเก่าคนนี้แล้วก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าฟางชิงจงใจทำหรือเปล่า?
จะบังเอิญขนาดที่ว่าร้านเหล้าที่หล่อนเลือก เป็นร้านที่สามีตนเองซื้อเอาไว้ แล้วไม่รู้เนี่ยนะ?
หลินเป้ยเป้ยกล่าว “ฟางชิงเธอจงใจทำให้เพื่อนเสียหน้าใช่ไหม?”
หลินเป้ยเป้ยมองออกในทันทีเลยว่าฟางชิงแกล้งทำไปเพื่อจะได้ดูถูกซูมู่ชิง และแฉสามีของหญิงสาว
แฉว่าเขาเป็นคนหลอกลวง เป็นสิบแปดมงกุฎ พวกหลินเป้ยเป้ยกับจางเหมิงย่อมอยากเห็นอยู่แล้ว แต่ว่าการทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการฉีกหน้าซูมู่ชิง ทำให้หล่อนได้อาย
ไม่ต้องพูดเรื่องความสัมพันธ์พี่น้อง ถ้าพูดแค่ว่าตอนนี้จางเหมิงกับหลินเป้ยเป้ยที่ยังต้องอยู่ในประเทศยังมีอะไรให้ต้องพึ่งพาตระกูลซู พวกหล่อนไม่มีทางเยาะเย้ยซูมู่ชิง
ดังนั้นหลินเป้ยเป้ยจึงออกตัวแทนซูมู่ชิง
ฟางชิงรีบร้อนกล่าว “จะบ้าหรอ ฉันจะทำแบบนั้นทำไม! มู่ชิง เธออย่าเข้าใจผิดฉันนะ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าบาร์เหล้าร้านนี้เป็นของเรา จริงๆ นะ”
ซูมู่ชิงยิ้มอย่างเก้อเขิน“เอาเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันเชื่อเธอ”
ซูมู่ชิงเองก็รู้ว่าที่จริงแล้วตอนเรียนมหาวิทยาลัยฟางชิงอิจฉาหล่อนตลอด
ฟางชิงริษยาที่ซูมู่ชิงสวยกว่าตัวเอง ริษยาที่พื้นเพครอบครัวของหล่อนดีกว่าตนเอง
และในตอนนี้เอง บาร์เทนเดอร์ผู้ชายคนนั้นรับโทรศัพท์แล้วก็รีบหันมาขอโทษฟางชิง
“ขอโทษด้วยนะครับ คุณนายแมคโดนัลด์ ผมต้องขอโทษในสิ่งที่ผมพูดเมื่อกี้! หวังว่าคุณนายจะใจกว้าง ให้อภัยผมสักครั้งหนึ่ง อย่าไล่ผมออกเลยนะครับ!”
ฟางชิงแค่นเสียงเย็น “ดูถูกเพื่อนสนิทฉันแล้วยังอยากจะทำงานที่ร้านต่ออีกเหรอ? คิดอะไรเหรอ! ไสหัวไปเลยนะ!”
ฟางชิงไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
บาร์เทนเดอร์คนนั้นค้อมตัวทำความเคารพคนทั้งสี่“ขอโทษครับ คุณผู้หญิงทั้งสี่ รบกวนการสังสรรค์ของพวกคุณ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”
พูดจบบาร์เทนเดอร์ก็เดินออกไป
จางเหมิงกล่าวชมอย่างร่าเริง “ฟางชิง เจ๋งจริงๆ! ดูถูกเพื่อนฉันก็ต้องไสหัวออกไปได้แล้ว!”
หลินเป้ยเป้ยกล่าว “โชคดีที่หนึ่งในพวกเธอสองคนเป็นเจ้าของ ไม่อย่างนั้นที่โดนบาร์เทนเดอร์ดูถูกในวันนี้ เราคงจะทำอะไรไม่ได้”
ซูมู่ชิงกล่าวขอบคุณ “ขอบใจนะฟางชิง”
สำหรับหล่อนแล้วประโยคนี้พูดออกมาได้ไม่ได้ยากนัก
เดิมหล่อนควรจะเป็นเจ้าของที่นี่ แต่ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น หล่อนก็ควรจะเป็นคนที่แก้ไขปัญหานั้น
แต่ในตอนนี้กลับโดนฟางชิงแย่งหน้าไป
ฟางชิงดีใจอย่างมาก หล่อนหันไปกล่าวกับบาร์เทนเดอร์ “รีบเปิดไวน์ที่แพงที่สุดที่นี่สี่ขวดเลยนะ!”
“ค่ะ บอส”
บาร์เทนเดอร์สาวกล่าวว่าง่าย หล่อนเตรียมไวน์แดงให้หญิงสาวทั้งสี่คน
ซูมู่ชิงกลับกล่าวว่า “ขอโทษนะคะ ฉันไม่ดื่มเหล้าขอน้ำให้ฉันก็พอ”
ฟางชิงถาม “หา? ทำไมไม่ดื่มล่ะ?”
ซูมู่ชิงกล่าว “ก็อีกเดี๋ยวจะต้องไปเจอคนที่บ้านเย่เฉิน เจอหน้ากันครั้งแรกมีกลิ่นเหล้าติดตัวคงจะน่าเกลียด”
ฟางชิงกล่าวหย่างเหนื่อยหน่าย “มู่ชิง ฉันยังคิดอยู่ว่าทำไมเธอถึงได้เอา 18 มงกุฎเป็นสามีได้นะ? แล้วยังจะไปพบพ่อแม่เขาอีก? ตัวเขาเองยังเป็น 18 มงกุฎแล้วจะไปพบพ่อแม่เขาทำไม?”
จางเหมิงเองก็กล่าวว่า “จริงด้วย มู่ชิง สามีเธอบอกว่า Gilbey’s Bar เป็นของตระกูลเย่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังบอกว่าบาร์เหล้าทุกแห่งในอังกฤษเป็นของพวกเขา แล้วจะยกบาร์เหล้าทั้งหมดให้เธอนี่นา แต่วันนี้เพิ่งจับได้นะว่าไม่ใช่แบบนั้นเลย!”
หลินเป้ยเป้ยเองก็กล่าว “ฉันเองก็รู้สึกว่าเย่เฉินไม่ใช่คนรวยอะไร ไปรับที่สนามบินยังใช้แค่รถเบนท์ลี่ย์เอง ไม่รู้ว่าเป็นมือสองหรือว่าเช่ามาหรือเปล่าอาจจะห่วยกว่ารถที่เธอซื้อมาใหม่อีก”
โดนเพื่อนสนิทสงสัย เยาะเย้ย ทำให้ซูมู่ชิงรู้สึกแย่!
หรือว่าเย่เฉิน…เป็นคนหลอกลวงจริงๆ เหรอ?