เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 501 เย่เทียนให้ของขวัญ
ตอนที่ 501 เย่เทียนให้ของขวัญ!
จางเชี่ยนจือและเย่เทียนไม่ได้มีความสัมพันธ์ธรรมดา เพียงแต่ว่าทั้งสองคนปกปิดกันได้อย่างแนบเนียน คนอื่นๆ จึงไม่เห็นความผิดปกติ
เย่เทียนกล่าวพลางระบายยิ้ม “ได้เลยครับ คุณน้า คุณน้าโดนจับตัวไปไว้ที่โรงงานนานขนาดนั้น ที่นั่นขี้ฝุ่นเยอะแยะ เมื่อคืนคุณปู่ดื่มเหล้าไป วันนี้ตื่นสาย เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงผมค่อยไปเรียกคุณปู่ก็ได้”
จางเชี่ยนจือยิ้มน้อยๆ “ขอบคุณนะคะ”
ซูมู่ชิงรีบคว้ากระเป๋าเดินทางของมารดา “แม่คะ เดี๋ยวหนูช่วยเลือกเสื้อผ้านะคะ”
“จ้ะ”
ซูมู่ชิงรีบพามารดาของตนเองไปที่ห้องของหล่อนก่อน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
คนตระกูลซูและคนตระกูลเย่ก็มารวมตัวกันที่ห้องอาหาร
เย่ฉงไห่มองจางเชี่ยนจือด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มแล้วถาม “คุณนายซู อาหารเช้าของบ้านเราถูกปากไหม?”
จางเชี่ยนจือจับมีดและส้อมตอบอีกฝ่ายอย่างนับถือ “ท่านเย่ เรียกดิฉันว่าเชี่ยนจือก็ได้ค่ะ”
หล่อนกวาดตามองอาหารที่ละลานตาบนโต๊ะแล้วตอบ
“ท่านเย่คะ ฉันไม่เคยทานอาหารเช้าที่เยอะขนาดนี้มาก่อน มีทั้งเนื้อทั้งผัก อาหารก็หลายกหลาย แถมการจัดจานก็ละเอียดอย่างมาก ตอนที่ยกอาหารพวกนี้ขึ้นโต๊ะเหมือนภาพวาดเลยล่ะคะ ฉันไม่อยากจะแตะตะเกียบเลยล่ะค่ะ อ้อ ไม่สิส้อม”
ซูมู่ชิงระบายยิ้ม “แม่คะ คนที่บ้านสามีหนูเนี่ยให้ความสำคัญกับอาหารมากเลยค่ะ ไม่เหมือนบ้านเราจะกินไข่ดาวก็แค่วางบนจาน ยกมาแล้วกินเลย แต่เชฟของเขาเนี่ยให้ความสำคัญกับอาหารทุกจาน ต่อให้เป็นแค่ไข่ดาวธรรมดา ก็จะวางผักสีเขียว หรือไม่ก็ผลไม้ หรือว่ามีซอสตกแต่งค่ะ”
ซูหมิงเจ๋อพยักหน้าพลางกล่าว “นี่ถึงจะเป็นวิถีชีวิตของตระกูลเศรษฐี เทียบกับเราแล้ว เราเหมือนพวกบ้านนอกเลย ฮ่าๆ”
ในฐานะที่ซูหมิงเจ๋อเป็นลูกชายตระกูลซู ตามหลักแล้วเขาควรจะรักษาเกียรติของตระกูลเอาไว้ แต่ว่าเขากลับถ่อมตัว เพราะอาสาวของเย่เฉินเป็นนางในดวงใจของเขา
จางเชี่ยนจือชิมผลไม้สีเหลือง เมื่อสัมผัสได้ถึงความอร่อยแล้วจึงเอ่ยถาม “นี่คืออะไรกันคะ? รสชาติเหมือนมะม่วงแล้ว แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่ค่อยเหมือนด้วย”
ซูมู่ชิงเองก็ช่วยอธิบาย “นี่คือผลไม้ที่ตระกูลเย่ปลูกเองค่ะ ทั้งโลกมีแค่ที่นี่เท่านั้นค่ะ ชื่อเหมือนจะเป็นภาษาอิตาเลี่ยน แม่คะ ถ้าแม่ชอบ อีกเดี๋ยวหนูพาแม่ไปสวนของเย่เฉิน ที่นั่นมีผลไม้อร่อยๆ เยอะเลยค่ะ!”
จางเชี่ยนจือผิวดีมาก เป็นผู้หญิงที่อายุ 40 กว่าปีที่ผิวพรรณเหมือนคนอายุ 30 ปีกว่า
นอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวราคาแพงลิ่วแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือหล่อนชอบกินผลไม้ เรียกได้ว่าบ้าผลไม้เลยทีเดียว แทบจะกินทุกวัน
“ได้จ้ะๆ”
จางเชี่ยนจือกล่าวอย่างมีความสุข”
เย่ฉงไห่เห็นจางเชี่ยนจืออารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย จึงเป็นฝ่ายเอ่ยก่อน “แม่ยายเย่เฉิน ผมต้องขอโทษจริงๆ นะครับ ที่คุณมาอังกฤษก็โดนจับตัวเรียกค่าไถ่ เป็นเพราะความประมาทของผมเอง ผมต้องขอโทษคุณไว้ ณ ที่นี้เลยด้วย ผมขอรับรองเลยว่าผมจะไม่มีทางปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก”
คนใหญ่คนโตอย่างเย่ฉงไห่ขอโทษคนอายุน้อยกว่าแบบนี้ ซูหมิงเจ๋อกับจางเชี่ยนจือจะกล้ารับคำขอโทษของอีกฝ่ายได้อย่างไร?
จางเชี่ยนจือรีบกล่าว “ท่านเย่คะ เกรงใจกันเกินไปแล้วค่ะ นี่เป็นเพียงอุบัติเหตุเล็กน้อยเท่านั้น อีกอย่างหลานชายคนโตของคุณก็ช่วยจัดการปัญหาให้ดิฉันเรียบร้อยแล้ว ฉันต่างหากควรขอบคุณเขาค่ะ!”
ซูหมิงเจ๋อเองก็กล่าว “เชี่ยนจือดื้อไป ทั้งๆ ที่เสี่ยวเฉินบอกแล้วว่าจะไปรับ แต่ก็ยังดึงดันจะไปคาสิโนให้ได้ เรื่องนี้ท่านเย่อย่าได้ใส่ใจเลยครับ”
และในตอนนี้เองพ่อบ้านฟางก็ถือหนังสือถ่ายโอนกรรมสิทธิ์เล่มหนึ่งมาวางตรงหน้าเย่เทียน
“คุณชายใหญ่ครับ เราซื้อ sentosa casino แล้วครับ”
เย่เทียนวางช้อนลงแล้วพยักหน้า ขณะเอื้อมมือไปรับเอกสารมาแล้วลุกขึ้น ก่อนจะเดินไปหาจางเชี่ยนจือ
“คุณน้าครับ ผมซื้อคาสิโนที่คุณน้าไปมาเมื่อวานแล้ว ผมขอยกให้คุณน้า ขอแค่คุณน้าเซ็นชื่อคาสิโนนั่นก็จะเป็นของคุณน้าครับ”
จางเชี่ยนจือแหงนหน้ามองเย่เทียนด้วยความตกใจจนทำอะไรไม่ถูก “อะไรนะคะ? คุณซื้อคาสิโนนั่นแล้วเหรอคะ? จะยกให้ฉันเหรอคะ?”
ซูหมิงเจ๋อเองก็ตกใจเช่นกัน “ได้ยินมาว่าคาสิโนนั่นมีความเป็นมาเกือบ 200 ปี มีชื่อเสียงมากทีเดียว เย่เทียน ของขวัญชิ้นนี้ของเธอแพงเกินไป เรารับไว้ไม่ได้หรอกนะ!”
เย่ฉงไห่พยักหน้าอย่างพอใจ “หลานชายผมอุตส่าห์มีน้ำใจ พวกคุณรับไว้เถอะ”
เย่เทียนเองก็กล่าว “จริงด้วยครับ ผมเองไม่อยากให้แม่ยายของน้องสามต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก หลังจากที่คุณน้ากลายเป็นเจ้าองคาสิโนแล้ว ผมยังสามารถจัดหาบอดี้การ์ดมาอย่างน้อยๆ สัก 20 คนมาดูแลคุณน้า คราวหน้าถ้าคุณน้าไปเล่นคาสิโนอีกจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนคนจับตัวไปอีก”
จางเชี่ยนจือหันมองเย่เทียนอย่างอบอุ่นในใจ หล่อนยื่นมือออกไปรับเอกสารแล้วกล่าว “เย่เทียน ขอบคุณนะคะ…”
เย่เทียนยิ้ม “ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ คุณน้า คุณคือแม่ยายของน้องสาม ผมกับน้องสามเป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้ว ถ้ามีเรื่องอะไร คุณน้ามาหาผมได้ตลอดเลยนะครับ”
จางเชี่ยนจือผงกศีรษะรับอย่างดีใจ แล้วตอบด้วยเสียงอ่อนหวาน “งั้นถ้าฉันมีอะไรต้องการให้คุณช่วย จะไปรบกวนนะคะ”
เย่เทียนระบายยิ้ม “สบายมากครับ”
ซูหมิงเจ๋อดึงชายเสื้อภรรยาที่ใต้โต๊ะ แล้วตำหนิหล่อนเสียงเบา “ดูเข้า พูดอะไรออกมาน่ะ! คุณคิดจะรบกวนเขาให้เขาช่วยคุณจริงเหรอ? เราพยายามอย่าก่อเรื่องที่ตระกูลเย่เลย อะไรที่ไม่รบกวนพวกเขาได้เราก็พยายามจัดการกันเองเถอะ”
จางเชี่ยนจือตอบกลับเสียงเย็น “คุณจะยุ่งอะไร? เขาเป็นพี่ชายคนโตของลูกเขยฉัน ฉันจะขอให้เขาช่วยแล้วมันทำไม? คุณยังไปขอให้อาสาวของเย่เฉินช่วยเลยไม่ใช่หรือไง?”
“ผม…”
พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ซูหมิงเจ๋อก็อึกอัก เถียงไม่ได้
และในตอนนี้เองเย่เฉินและซูมู่ชิงก็หันไปขอบคุณพี่ชาย “ขอบคุณนะคะ/ครับ พี่ใหญ่”
เย่เทียนยิ้มก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เดิม “น้องสาม เกรงใจพี่แบบนี้พี่จะโกรธแล้วนะ”
ซูมู่ชิงเองก็ดีใจอย่างมาก หล่อนไม่คิดเลยว่าบ้านสามีตนเองจะรักใคร่กลมเกลียวกันขนาดนี้
ไม่เหมือนตระกูลซูของหล่อน ที่ระหว่างซูมู่หลินและซูมู่ชิวเวลาเจอกันมักจะเหมือนคนแปลกหน้าระหว่างกันอยู่เสมอ
ถ้าหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงถึงผลประโยชน์แล้วล่ะก็ อาจจะมีเรื่องขึ้นมาก็ได้
แต่ว่าระหว่างเย่เทียนและเย่เฉินกลับสนิทสนมกันอย่างมาก
ซูมู่ชิงกล่าวเสียงแผ่ว “ที่รัก พี่ชายของคุณดีกับคุณจังเลยค่ะ”
เย่เฉินพยักหน้ารับ “พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ นิสัยดีมาก แล้วก็ไม่สนใจเงินทองนักหนาด้วย”
“เอ๊ะ ทำไมไม่เห็นพี่สะใภ้เลยล่ะคะ?” จู่ๆ ซูมู่ชิงก็โพล่งถาม
และในตอนนี้เอง คงยูมิสวมชุดกิโมโนเดินมา หล่อนมีมารยาทเหมือนสาวชาวญี่ปุ่น หล่อนมักจะค้อมตัวทำความเคารพคนอื่นเสมอๆ
เมื่อมาถึงที่นี่ หล่อนเองก็ค้อมตัวทักทายจางเชี่ยนจืออย่างเกรงใจ “คอนนิจิวะ คุณนายซู”
จางเชี่ยนจือรีบร้อนลุกขึ้น “คุณนายเย่ สวัสดีค่ะๆ เราเจอกันอีกแล้วนะคะ คุณสวยกว่าเมื่อคราวก่อนอีก กิโมโนของคุณก็สวยมากค่ะ”
จางเชี่ยนจือเองก็ชมคงยูมิไม่ขาดปาก ชมว่าหล่อนสวย บุคลิกดี มีมารยาท เป็นคุณหนูของตระกูลใหญ่แน่
ถึงแม้ว่าหน้าตาและนิสัยของคงยูมิจะคู่ควรกับคำชมเชยพวกนั้นจริงๆ
แต่ว่าคำชมครั้งนี้ของจางเชี่ยนจือ เป็นเพราะรู้สึกผิดถึงได้ชมไปแบบนี้
อย่างไรเสียหล่อนเองก็เพิ่งจะทำเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับสามีของอีกฝ่าย!