เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 509 คุณภรรยา
ตอนที่ 509 คุณภรรยา!
“อะไรนะ?”
คิดไม่ถึงว่าผู้บริหารของบริษัท GE จะปฏิเสธข้อเสนอของเย่เฉิน!
ดูไปแล้วก่อนหน้านี้เย่เฉินน่าจะหลอกบริษัทและคนในวงการบันเทิงที่ประเทศตัวเอง เพื่อจะได้กลายเป็นราชาแห่งวงการบันเทิง
แต่วว่าที่เกาหลีไม่ได้มีคนรู้เรื่อง
ซีกวากล่าวอย่างฉุนเฉียว “คุณชายเย่ คิดไม่ถึงว่าบริษัท GE จะกล้าปฏิเสธคุณชาย แล้ววางสายใส่คุณชาย ไม่ไว้หน้าคุณชายเลยแม้แต่นิดเดียว ดูแล้วคุณชายอย่าเสียเวลาคุยกับพวกเขาเลย ผมกับพี่ชิงหลงไปจับตัวจีจอนฮีมาก็จบแล้ว!”
จับตัวเหรอ?
เย่เฉินไม่อยากทำแบบนี้
ทันทีที่จับตัวเขามา ทางต้นสังกัดต้องแจ้งความแน่นอน บวกกับความดังของจีจอนฮี ข่าวจะต้องแพร่ไปทั่วแน่
ต่อให้ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โต แล้วใช้วิธีข่มขู่จีจอนฮีให้ยอมแพ้ แต่เย่เฉินก็ไม่อยากใช้วิธีนี้
เย่เฉินกล่าว “จอนจีฮีเป็นไอดอลของเสี่ยวตั่ว ถ้าหล่อนรู้ว่าฉันใช้วิธีรุนแรงกับไอดอลของหล่อน หล่อนจะต้องไม่ให้อภัยฉันแน่”
เย่เฉินรู้ว่าเด็กผู้หญิงที่บ้าดาราล้วนแต่เสียสติกันแย่างมาก เห็นไอดอลของตนเองสำคัญกว่าพ่อ แม่ แฟนด้วยซ้ำไป
ฉินเสี่ยวตั่วเป็นน้องสะใภ้ของเย่เฉิน เดิมทีเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เย่เฉินจะทำอะไรก็ต้อยคิดเผื่อหญิงสาวด้วย
เย่เฉินดูเวลาแล้วกล่าว“อย่างไรเสียที่นี่ก็อยู่ค่อนข้างใกล้กับประเทศเกาหลี บินไปแค่สามชั่วโมงก็ถึงแล้ว ฉันบินไปคุยกับหมอนั่นที่เกาหลีด้วยตัวเองก็ได้ ”
พวกเย่เฉินเองก็เดินทางไปที่นั่นด้วยเครื่องบินเหอเฟิงหมายเลข 3
สามชั่วโมงต่อมา เหอเฟิงหมายเลข 3 ก็ร่อนลงบนพื้นที่ว่างเปล่าที่ไม่มีคนในรัศมีสิบกว่ากม. ในพื้นที่ชนบทของเมืองหลวง
เพราะเครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินล่องหน เรดาร์และคนไม่เห็นดังนั้นจึงเลือกร่อนลงจอดในพื้นที่ไม่มีคน
ถ้าหากว่าเป็นเครื่องบินส่วนตัวทั่วๆ ไป ก็สามารถแจ้งไปที่สนามบินโซลล่วงหน้าแล้วลงจอดที่สนามบินก็เป็นอันใช้ได้
หลังจากที่เครื่องบินร่อนลงแล้ว ตามความเคยชินแล้วเครื่องบินจะต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงแสกนดูว่าพื้นที่รอบๆ ว่ามีคนหรือไม่
เพราะเครื่องบินลำนี้จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น แล้วถ้าหากว่ามีคนเห็นเข้า แจ้งหน่วยงานรัฐก็จะยุ่งยาก
และแล้วสีหน้าชิงหลงก็เดินมารายงานเย่เฉินด้วยใบหน้าเคร่งเครียด “คุณชายครับ แถวนี้มีคนอยู่ครับ อีกทั้งยังมีอาวุธด้วยครับ!”
“อะไรนะ?”
เย่เฉินประหลาดใจ สถานที่แบบนี้มีคนบ้างไม่ค่อยแปลก แต่ถ้ามีอาวุธนี่ออกจะผิดปกติเอาการ
“กี่คน แล้วมีอาวุธกี่ชิ้น?” เย่เฉินถาม
ชิงหลงจึงตอบ “รถสี่คัน ในรถมีคน 6 คน แทบจะมีอาวุธกันทุกคนเลย”
หวังเอ้อร์เชอตกใจ “แม่ง คงจะไม่ใช่คุณชายรองเจอพวกเรา แล้วจะฆ่าเราที่นี่ใช่ไหมน่ะ?”
เย่เฉินขมวดคิ้ว “ส่งโดรนบินไปดูหน่อยสิ ฉันอยากเห็นหน้าตาคนพวกนั้นหน่อย”
“ครับ!”
เย่เฉินมาที่ห้องควบคุมการบินแล้วก็เห็นกลุ่มคนและรถที่อยู่ใกล้ๆ
คนพวกนี้เป็นผู้ชายตัวใหญ่กันหมดทุกคน แต่ว่าในบรรดากลุ่มผู้ชายกลับมีหญิงสาวเรือนร่างอ้อนแอ้นคนหนึ่งยืนอยู่!
“ซูมไปใกล้ๆ ฉันอยากจะเห็นผู้หญิงคนนั้นชัดๆ!”
เย่เฉินมองเรือนร่างของผู้หญิงคนนี้ รู้สึกเหมือนคุ้นๆ เหมือนจะรู้จักกัน!
พอซูมเข้าไปใกล้พวกเย่เฉินก็เห็นผู้หญิงวัยกลางคนที่น่าจะอายุราวๆ สามสี่สิบ หน้าตาอาจจะไม่เรียกได้ว่างดงามไร้ที่ติ แต่กลับไม่เห็นว่าจะมีที่ติตรงไหน
หล่อนสวมชุดกระโปรงสีดำ รองเท้าส้นสูงสีดำ ท่าทางของหล่อนสูงส่ง
เมื่ออยู่ต่อนหน้าของเหล่าผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ถืออาวุธพวกนี้ หล่อนกลับไม่เหมือนผู้หญิงบอบบาง แต่เหมือนราชินีเลย!
เพราะเหล่าบอดี้การ์ดในชุดสูทพวกนั้น ล้วนแต่เคารพหล่อนอย่างมาก!
“คุณภรรยา…”
เย่เฉินเห็นผู้หญิงวัยกลางคนหน้าตาสะสวยคนนั้นก็อุทานออกมาทันที
ทั้งสามคนที่รวมไปถึงชิงหลงด้วยที่ตกตะลึงไป
“คุณชายครับ คุณชายรู้จักเขาเหรอ?”
“ผู้หญิงคนนี้…เป็นภรรยาของคุณชายเย่เหรอครับ? คุณมีภรรยาอีกคนเหรอครับ?”
ทันทีที่ซีกวาเห็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยก็ไพล่คิดไปว่าหล่อนจะต้องเป็นภรรยาของเย่เฉินแน่ๆ
เย่เฉินกล่าวอย่างเอือมระอา “เป็นเมียคนอื่น ไม่ใช่เมียฉัน ฉันเองก็ไม่รู้ว่าหล่อนชื่ออะไร ตอนอยู่ที่เซีเรีย หล่อนให้ฉันเรียกหล่อนแบบนี้”
“ซีเรียเหรอ? คุณชายรู้จักหล่อนตอนอยู่ที่ซีเรียเหรอครับ?” ทุกคนต่างก็ตกใจกันไปหมด
ซีเรียคือที่ไหน? เย่เฉินไปที่นั่นหนึ่งปี นั่นเป็นการไปทำการภารกิจ
‘คุณภรรยา’ คนนี้เห็นได้ชัดว่าหญิงสวอ่อนแอที่มีท่าทางราวนางแบบเอาไปเดินแบบยังได้ ไปทะเลาะต่อยตีคงไม่ได้
เย่เฉินกล่าวพลางพยักหน้ารับ “ตอนนั้นหล่อนไปสนามรบที่ซีเรียด้วยตัวเอง เพื่อไปคุยกับหัวหน้าที่ผมประจำอยู่ ผมโดนหล่อนเลือกเป็นบอดี้การ์และล่ามของหล่อน”
หวังเอ้อร์เชอ “ฮ่าๆ ต้องเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้เห็นคุณชายหล่อแน่เลย แถมยังเป็นคนเอเชียก็เลยเลือกคุณชายเย่”
ซีกวากล่าว “แม่ง ผู้หญิงคนนี้มันโคแก่จะกินหญ้าอ่อนนี่ครับ แค่ดูผมก็ว่าหล่อนชอบผู้ชายหล่อๆ! ลูกพี่ ไม่ได้ทำอะไรกับผู้หญิงคนนี้เลยเหรอครับตอนอยู่ในสนามรบน่ะ”
เย่เฉินกลอกตาใส่ซีกวาแล้วตอบ “จูบไปครั้งหนึ่ง”
“อ้อ”
หวังเอ้อร์เชอและซีกวาอุทานออกมา ส่วนชิงหลงยิ้มบางๆ
เย่เฉินเองก็เขินอายไม่น้อย เมื่อย้อนคิดเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามรบเมื่อสามปีก่อน
พูดความจริงตอนที่เห็นผู้หญิงคนนี้ครั้งแรก เย่เฉินเองก็หลงรักหล่อนเช่นกัน
ตอนนั้นเย่เฉินอยู่ในสนามรบมาสามเดือนแล้ว สามเดือนที่ไม่ได้แตะต้องผู้หญิงคนไหนเลย!
ความรู้สึกแบบนี้เหมือนคนไม่ได้กินเนื้อมาสามเดือน แค่ได้กินเกี๊ยวไส้เนื้อ หรือได้กินไส้กรอกสักชิ้นก็มีความสุขมากแล้ว!
ตอนนั้นตอนที่เย่เฉินเห็นคุณภรรยาเป็นครั้งแรก หล่อนเองก็แต่งตัวแบบนี้ ไม่ได้ใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขาวหรือชุดมิดชิดเพียงเพราะมาที่สนามรบที่วุ่นวาย
เห็นขาเรียวยาวของคุณภรรยา เย่เฉินก็นยอมรับว่าในตอนนั้นเขาคิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้นมาก!
ตอนนั้นเย่เซวียนไม่ได้ส่งซูมู่ชิงมา เย่เฉินเก็บกดมาสามเดือนแล้ว
แต่ว่าผู้หญิงคนนี้สูงส่ง เย่เฉินเป็นแค่บอดี้การ์ดของเจ้าหล่อน ไม่ได้มีสิทธิ์จะแตะมือหล่อนด้วยซ้ำ
อีกอย่างผู้หญิงคนนี้มาเกาหลีแต่พกบอดี้การ์ดมาเยอะแยะขนาดนี้ เย่เฉินไม่มีโอกาสเจอหล่อนตามลำพังแน่
หวังเอ้อร์เชอมองหญิงสาวหน้าตาสะสวยในรูป ก็กลืนน้ำลายแล้วเริ่มซุบซิบ “คุณชายเย่ครับ คุณชายจูบหล่อนได้ยังไงครับ? เล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิคุณชาย”
เย่เฉินกล่าว“ก็ตอนนั้นเกิดสงคราม ฉันช่วยชีวิตหล่อนเอาไว้ หล่อนเลยโถมตัวเข้ามาจูบฉัน ถือว่าเป็นการขอบคุณนั่นแหละ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ พวกนายอย่าคิดเหลวไหล ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลย คนธรรมดาเอาหล่อนไม่ไหวหรอก”
หวังเอ้อร์เชอกล่าวพลางหัวเราะ“คุณชายเย่ก็ไม่ใช่คนธรรมดานี่ครับ!”
เย่เฉินยิ้มน้อยๆ ขณะมมองคุณภรรยาที่ว่าในจอภาพก็กล่าว “ในสายตาหล่อนฉันเป็นแค่บอดี้การ์ดที่แสนต่ำต้อยเท่านั้นเอง เป็นแค่คนธรรมดา”
แต่ว่าเย่เฉินไม่ได้พูดความในใจลึกๆ ออกมา
“คุณภรรยาไม่รู้ว่าผลงานที่ผมทำกับวงการบันเทิงแล้วก็ธุรกิจของประเทศจีนจะโดดเด่นพอทำให้คุณสนใจได้หรือเปล่า? คุณจะรู้หรือยังว่าผมไม่ใช่บอดี้การ์ดตัวเล็กๆ ในสนามรบแล้วหรือเปล่า?”