เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 549 แหวนแห่งความลับ!
ตอนที่ 549 แหวนแห่งความลับ!
“เด็กผู้หญิงอายุ 10 ขวบเหรอครับ?”
เย่เฉินสงสัยในทันที
เย่ฉงไห่กล่าวต่อ “บรรพบุรุษของพวกเราทั้งแปดตระกูลไม่รู้ว่าตัวเองขึ้นมาบนเรือได้ยังไง เพราะอุปสรรคทางด้านภาษา นอกจากพวกที่พูดภาษาอังกฤษแล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี แล้วจู่ๆ แม่หนูน้อยก็ใช้ภาษาที่แปลกออกไปพูดกับพวกเราว่า ‘เรือจะคว่ำแล้ว ให้เรากระโดดลงจากเรือไป’ แล้วคุณทวดของหลานก็ถามหล่อนว่า ‘เธอรู้ได้ยังไงว่าเรือจะคว่ำแล้ว?’ แล้วแม่หนูน้อยคนนั้นก็บอกว่า ‘เมื่อครู่ฝันเห็นมัน’ คำพูดแบบนี้ย่อมไม่มีใครเชื่ออยู่แล้วก็เลยไม่มีใครกระโดดลงน้ำตามที่เด็กผู้หญิงคนนั้นบอก ผลคือจู่ๆ ก็มีลมแรงพัดกรรโชกมาจากทั่วทิศทาง แล้วเรือของเราก็ล่มจริงๆ!”
เย่เฉินขมวดคิ้วมุ่น ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกได้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา!
“แล้วในเวลานี้แม่หนูน้อยก็พูดอีกว่า ‘เราจะไม่ตายกันหรอก ฉันฝันเห็นคลื่นยักษ์สาดเราเข้าไปที่ชายหาด’ แล้วผลคือทุกอย่างเป็นไปตามที่หล่อนบอกคนทั้งแปดตระกูลไม่มีใครตายเลยสักคน!”
เย่เฉินสงสัยอย่างมาก “แม่หนูน้อยคนนี้มีความสามารถในการคาดเดาอนาคตเหรอครับ?”
เย่ฉงไห่พยักหน้ารับ “อื้ม ตอนนั้นบรรพบุรุษของพวกเราล้วนแต่มองออกว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลย ถึงแม้ว่าแม่หนูน้อยคนนี้จะทำหน้าใสซื่อ หล่อนก็ไม่ได้บอกว่าหล่อนเป็นใครมาจากไหน หรือว่าขึ้นเรือมาได้ยังไง หลังจากนั้นทุกคนก็พบว่าตอนที่หล่อนฝันเนี่ย จะฝันเห็นอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น แล้วพวกบรรพบุรุษของทั้งแปดตระกูลก็เลยคิดว่านี่น่าจะเป็นโอกาสที่จะได้ก้าวหน้า ดังนั้นพวกเขาถึงได้ตกลงกันว่าจะเป็นพันธมิตรกัน แล้วไม่แพร่พรายเรื่องของแม่หนูน้อยคนนี้ออกไป แล้วแปดตระกูลก็ใช้ความสามารถของหล่อนเป็นการเริ่มความรุ่งเรืองของตระกูล ดังนั้นพวกเราแปดตระกูลถึงเรียกหล่อนว่าเทพธิดา!”
“เทพธิดา!”
เย่เฉินตกตะลึง เดิมรู้สึกว่าเรียกหล่อนแบบนี้ออกจะดูงี่เง่าไปหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าโลกใบนี้จะยังมีเทวดาแบบนี้อยู่อีก!
เย่เฉินจึงกล่าวถาม “แปดตระกูลของพวกเรามีเทคโนโลยีที่ลำหน้าโลกใบนี้ไป เป็นเพราะได้ความช่วยเหลือจากเทพธิดาที่ว่านี่เหรอครับ? งั้นถ้านับตามอายุแล้วหล่อนก็น่าจะอายุ 110 ปีได้แล้วล่ะมั้งใช่ไหมครับ?”
เย่ฉงไห่จึงกล่าว “เมื่อ 30 ปีก่อนเทพธิดาตายไปแล้วล่ะ หล่อนมีอายุ 80 ปี เทคโนโลยีที่พวกเรามีที่จริงเรามีมันมาตั้งแต่เมื่อ 30 ปีก่อนนู่นแล้ว หลังจากที่เทพธิดาจากไป พัฒนาการของเราในแต่ละด้านก็ช้าลงไปมาก แถมจะไม่มีอะไรใหม่ๆ เลย เทคโนโลยีต่างๆ ก็หยุดชะงักไป เฮ้อ ต้องโทษว่าเมื่อร้อยปีก่อนเราพึ่งพาความสามารถในการทำนายของเทพธิดามากเกินไป”
เย่เฉินจึงกล่าวว่า “ดังนั้นคุณปู่ถึงได้ไล่ควานหาคนเก่งๆ อย่างฉินอ้าวหมิง เพื่อช่วยเราคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ เหรอครับ?”
เย่ฉงไห่พยักหน้า “ไม่ใช่แค่ปู่หรอกนะ แปดตระกูลของเราเนี่ย ควานหาตัวอัจฉริยะจากทั่วโลกมาตลอด 30 ปีที่ผ่านมา หลานได้ตามข่าวในหลายปีที่ผ่านมานี้บ้างไหมล่ะ มีสำนักข่าวรายงานว่าพวกเด็กๆ เก่งๆ ทำลายสถิติกินเนสบุ๊คส์ เรียนฮาววาร์ด แต่ไม่กลับประเทศเลย พวกเขาอยู่ที่อเมริกากันต่อ หรือไม่ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ ที่จริงแล้วพวกเขาโดนคนทั้งแปดตระกูลจ้างไป”
เย่เฉินครุ่นคิด หลายปีที่ผ่านมาเขาอยู่ที่จีน เห็นข่าวที่บอกว่าอัจฉริยะด้านฟิสิกส์ของประเทศจีนไปอเมริกาแล้วไม่กลับมาอีกบ่อยๆ
คนจำนวนมากตำหนิว่าพวกเขาไม่รักชาติ แต่ที่จริงแล้วพวกเขาโดนเทคโนโลยีขั้นสูงเย้ายวนใจ เหมือนฉินอ้าวหมิง
เย่เฉินถาม “หลังจากที่เทพธิดาตายไปแล้ว แปดตระกูลของพวกเรามีสายสัมพันธ์แบบไหนกันแน่? แล้วใครได้ดีที่สุดเหรอครับ?”
ถึงแม้ว่าเย่เฉินจะรู้เรื่องทั้งแปดตระกูลน้อยนิด แต่เขาเองก็อ่านตำราอี้จิงมาหลายรอบ เลยแอบทำนาย ดูดวงดาวต่างๆ
ไม่ว่าจะอาณาจักกรใด เมื่ออยู่ร่วมกันนานวันเข้า สุดท้ายก็ต้องมีสักวันที่แตกแยก
ตระกูลทั้งแปดจำใจเกาะกลุ่มกันเพราะเทพธิดา อีกทั้งถึงแม้ว่าพวกบรรพบุรุษจะตกลงกันว่าพวกเขาจะปรองดองไม่แยกจากกัน แต่ตอนนี้มันรุ่นไหนแล้ว?
สายสัมพันธ์ของคนรุ่นหลานอาจจะไม่ดำเนินต่อไปก็ได้
ดังนั้นเย่เฉินจุงเดาว่า สายสัมพันธ์ระหว่างทั้งแปดตระกูลอาจจะไม่ดีนัก!
ซึ่งเย่เฉินทายถูกต้อง เย่ฉงไห่ถอนหายใจแล้วกล่าว “หลังจากที่เทพธิดาตายไปแล้ว ทั้งแปดตระกูลก็สนใจแต่เรื่องของตัวเองไม่เป็นกลุ่มก้อนเหมือนเมื่อก่อน ตอนแรกในขณะที่เทพธิดายังอยู่นั้น ใครคิดค้นอะไรใหม่ๆ ได้ก็จะแบ่งให้ตระกูลอื่นๆ แต่ตอนี้เราไม่ทำแบบนั้นแล้ว ส่วนตระกูลไหนไปได้ดีที่สุดนั้นตัดสินได้ยากนะ เพราะราเป็นตระกูลลึกลับ ซ่อนตัวกันเป็นอย่างดี แต่ปู่พอจะรู้ตระกูลที่ย่ำแย่ที่สุดกับหลานได้”
เย่เฉินมองปู่ของตนเองด้วยแววตาหมดอาลัยตาอยากแล้วถาม “อย่าบอกนะครับว่าตระกูลเย่ของเราน่ะ?”
เย่เฉิงไห่ถอนหายใจ “ใช่แล้วล่ะ ตระกูลเย่ของเราตกต่ำที่สุดในบรรดาทั้งแปดตระกูลแล้วล่ะ หลานเองก็รู้พ่อของหลานเกียจคร้าน ไม่สนใจการงาน ทำให้เกิดความแตกต่างอย่างมากในรุ่นของเขา จอนนี้ตระกูลลึกลับที่เหลือนำโดยตระกูลพัคจากเกาหลี และตระกูลมิยาโมโตะจากญี่ปุ่น เสนอให้ตัดตระกูลเราออกจากตระกูลลึกลับทั้งแปด!”
เย่เฉินหัวเสียทันทีที่ได้ยินแบบนี้ “อะไรนะครับ? ตอนนั้นตระกูลเราก็ได้รับเลือกนี่ครับ พวกเขามิทธิ์อะไรมาตัดเราทิ้ง!”
เย่เฉิงไห่หัวเราะขมขื่น “ปู่ว่าพวกเขาอยากจะครองเอเชียคนเดียว ปู่เองก็เคยถูกบีบจากจีนย้ายมาอังกฤษเพราะคำตำหนิของพวกเขาในงานประชุมใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังเล่นงานตระกูลเราทุกวิถีทาง”
“งานประชุมใหญ่เหรอครับ?” เย่เฉินถามอย่างสงสัย
เย่ฉงไห่อธิบาย “อ้อ ทุกปีเราทั้งแปดตระกูลจะมีการจัดการประชุมใหญ่ของทุกตระกูล ในงานประชุมทุกคนก็จะเสนอผลงานที่ทำมาทั้งปี แล้วถกถึงเรื่องในอนาคต รวมไปถึงว่าเราจะคืนอะไรให้โลก การคืนที่ว่าก็คือการเอาเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าของพวกเรา เปิดเผยให้โลกได้รับรู้ เพื่อให้คนทั้งโลกได้ลองใช้”
เย่เฉินพยักหน้ารับ ดูแล้ว แปดตระกูลที่ว่านี่น่าจะกุมชะตาโลกเอาไว้อย่างที่คิด!
และแล้วในวินาททีนี้เย่เฉินก็เข้าใจในทันทีว่าทำไมเย่เทียนถึงได้ต้องการชีวิตเขา
นั่นเพราะเขาอยากจะยึดครองเกียรติยศนี้เอาไว้เอง
พูดถึงตรงนี้เย่เฉงไห่ก็เดินไปเปิดตู้เซฟในห้อง แล้วหยิบแหวนวงหนึ่งออกมา
ด้านบนตัวแหวนมีลวดลายประหลาดสลักอยู่
เย่ฉงไห่กล่าวว่า “เย่เฉินหลังจากที่หลานผ่านแบบทดสอบทุกอย่างของตระกูลเราแล้ว วันนี้ปู่ขอมอบ ‘แหวนลึกลับ’ ของตระกูลเรา แล้วขอแต่งตั้งหลานเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดของตระกูลเรา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหลานสามารถใช้สมบัติของตระกูลเย่ได้ตามสบายเลย”
เย่เฉินตื่นเต้นอย่างมาก เขาเอื้อมมือไปรับแหวนมา สวมบนนิ้วของตัวเองแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณครับคุณปู่! ผมจะไม่ทำให้คุณปู่ต้องผิดหวังครับ!”
เย่เฉินสัมผัสแหวนอย่างอดใจไม่ได้ แล้วทันใดนั้นเองแหวนก็ส่งเสียงออกมา จู่ๆ บนแหวนก็มีลวดลายและตัวอักษรปรากฏขึ้น
“นี่มัน?” เย่เฉินมองภาพเหล่านั้นอย่างตื่นตกใจ