เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 564 คนเกาหลีที่น่าสงสัย!
ตอนที่ 564 คนเกาหลีที่น่าสงสัย!
หญิงสาวชาวเกาหลีที่น่าสงสารและน่ารังเกียจ!
สามารถทิ้งชายที่รักเพื่อเงินทอง ไม่กล้าจะรักษาความรักที่แท้จริงของตนเอง แต่กลับไปตามหาผู้ชายร่ำรวยที่สามารถสร้างความอบอุ่นใจให้หล่อนได้
แต่พ่อค้าย่อมต้องขี้โกงบ้างอยู่แล้ว คนมีเงินย่อมต้องสามารถคิดคำนวณได้มากกว่าคนจนอยู่แล้ว ไม่มีทางให้เงินใช้สบายๆ แน่นอน
ผลคือเงินก็ไม่ได้ แถมยังต้องสูญเสียผู้ชายที่ตนเองชอบไปด้วย
รอจนโดนทิ้งแล้วค่อยกลับไปหาแฟนเก่าก็ได้ โลกนี้มีเรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน!
คนจนๆ เองก็เย่อหยิ่งเหมือนกัน ของที่คนอื่นเคยใช้แล้วตนเองจะใช้ซ้ำอีกเหรอ?
ในตอนนี้หัวจื่อก็หัวเราะคิกคักพลางกล่าวกับเย่เฉิน “พี่เย่เฉิน แม่ของผมสนิทกับคุณน้ามากนะครับ บ้านเราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันเลยล่ะ ผมอยากไปพบพี่กับพี่มู่ชิงตั้งนานแล้ว วันนี้เราสนิทกันเพราะมีเรื่องกัน ฮ่าๆ เรื่องก่อนหน้านี้พี่อย่าใส่ใจเลยนะคะ เอ่อคือ…ไม่ว่ายังไงผมก็คิดไม่ออก ว่าตอนนั้นที่พี่เลี้ยวซ้าแต่ทำไมถึงได้ถึงที่นี่เร็วกว่าผมด้วยล่ะ? ถนนทางซ้ายซ่อมอยู่ไม่ใช่เหรอครับ?”
หัวจื่อหลงไหลการแข่งรถเหลือเกิน มักจะแข่งกับคนอื่นๆ อยู่เสมอ จึงอยากรู้ว่าเขาแพ้อีกฝ่ายได้อย่างไร
เย่เฉินย่อมไม่มีทางบอกความจริงอีกฝ่าย จึงกล่าวว่า “นายนี่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเลยนะ ยังจะมีหน้าเรียกคุณน้าจางอีก มาขอรูปหล่อน ฉันว่านายคงเบื่อจะมีชีวิตอยู่แล้วล่ะสิ!”
เย่เฉินรู้สึกว่าหัวจื่อคนนี้ถึงแม้ว่าจะอายุไม่เยอะ แต่จะต้องชอบผู้หญิงที่เหมือนกระดังงาลนไฟ
จุดนี้ก็ไม่แปลก ตอนเย่เฉินอายุ 19 หรือ 20 ก็ยังเคยชอบผู้หญิงอายุ 30 หรือ 40 กว่าปีบวกด้วยซ้ำไป รู้สึกว่าพวกหล่อนมีเสน่ห์อย่างมาก
ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนจะชอบผู้หญิงอายุน้อยสักหน่อย
หรือจะพูดว่ามีผู้ชายส่วนมากตอนอายุยังน้อยชอบผู้หญิงที่โตเต็มวัน รอจนพวกเขาแก่ชราถึงจะเริ่มชอบสาวๆ วัย 18 ปีแทน
เย่เฉินจึงคาดเดาว่าหัวจื่อคนนี้จะต้องคิดเกินเลยกับจางเชี่ยนจือแน่นอน!
จางเชี่ยนจือเป็นแม่ยายของเย่เฉิน เขาจะยอมให้หมอนี่มีความคิดแบบนี้ได้ยังไง!
เย่เฉินกำลังจะสั่งสอนเขาต่ออีกสักหน่อย แต่ทันทีที่หัวจื่อเห็นเย่เฉินจะลงไม้ลงมือก็รีบคุกเข่าลงอ้อนวอน “พี่เย่เฉิน! ผมขอสาบานตรงนี้เลยนะครับ ถ้าผมเกิดคิดเลยเถิดกับคุณน้าจางขอให้ฟ้าผ่าตาย!”
เย่เฉินเห็นหมอนี่สาบานอย่างจริงใจจึงเอ่ยถาม “แล้วจะเอารูปหล่อนตอนสาวๆ ไปทำไม?”
หัวจื่อลังเลเล็กน้อย เดิมทีเขาไม่อยากจะพูดแต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ “มีคนเกาหลีบอกให้ฉันหารูปหญิงวัยกลางคนที่สวยๆ ในเมืองหลวงมา”
หลังจากที่เย่เฉินได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที เขาเพิ่งเคยได้ยินเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก
“ให้ไปหาผู้หญิงวัยกลางคนที่ตอนสาวๆ หน้าตาสวยเหรอ?”
เย่เฉินสับสน ให้หาคนสวยๆ ก็พอเข้าใจได้ แต่ทำไมต้องหาหญิงวัยกลางคนที่หน้าตาสะสวยตอนสาวๆ ด้วยล่ะ?
สาวโสดขึ้นคานทั้งเมืองหลวงมีแปดแสนคน ที่สวยๆ ก็มีไม่น้อย แค่ใช้เงินนิดหน่อยก็น่าจะหาเจอ เรื่องนี้มันง่ายจะตาย
สาววัยกลางคนแบบนี้แต่งงานมีลูกแล้ว ทั้งเรือนร่าง หน้าตาก็น่าจะด้อยลงไป จะหาคนแบบนี้ไปทำไม?
ทว่าถ้ามองจากเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว คนเกาหลีคนนั้นให้คนอย่างหัวจื่อหาก็ถูกต้อง
เพราะหัวจื่อเป็นทายาทเศรษฐี หาคุณนายที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลในเมืองหลวงนั้นง่ายจะตายไป
แต่ทุกคนก็รู้กันดีแก่ใจว่าผู้หญิงที่หน้าตาสวยตอนสาวๆ ต่างก็แต่งเข้าตระกูลเศรษฐีกันไปหมดแล้ว ดังนั้นหาในวงสังคมตัวเองก็ง่ายนิดเดียว
เย่เฉินจึงกล่าว “นายว่าคนเกาหลีบอกให้นายหาเหรอ? ทำไมเขาต้องหาผู้หญิงแบบนี้ด้วย? มีเป้าหมายอะไร?”
เย่เฉินระแวงทันที เพราะเขากลับประเทศมาครั้งนี้ ภารกิจที่ได้จากคุณปู่ก็คือหาตามสืบข่าวของเกาหลีและญี่ปุ่น
ฟังจากที่คุณปู่เล่า ตอนนี้เกาหลีและญี่ปุ่นรวบรวมคนในประเทศพวกเขาอย่างไม่สนใจใคร ตระกูลเย่จำเป็นต้องสืบให้ได้ว่าสองตระกูลนี้คิดจะทำอะไร!
หัวจื่อพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว เขาให้เงินผมมาสามสิบล้าน ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเขามีเป้าหมายอะไร อาจเพราะเขามีรสนิทยมแบบนี้ล่ะมั้งครับ”
เย่เฉินขมวดคิ้ว แล้วใคร่ครวญเรื่องนี้อย่างละเอียด
สัญชาตญาณบอกเขาว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน!
หาสาวๆ สวยๆ ไม่แปลก จะหาสาววัยกลางคนก็ไม่แปลกเหมือนกัน
แต่ให้หาหญิงวัยกลางคน แถมยังต้องสวยตอนสาวๆ อีก เรื่องมันก็เริ่มจะทะแม่งๆ ขึ้นมา!
เรื่องของหน้าตาสะสวย ต่างจากมารยาท ความสามารถ นั่นเพราะสองอย่างหลังไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา มันจะยังอยู่กับเจ้าตัวเสมอ
แต่เรื่องหน้าตาพอแก่ ก็อาจจะหมดไป!
ต่อให้ตอนสาวๆ สวยเท่าไร ก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับปัจจุบันแม้แต่นิดเดียว!
“คนเกาหลีคนนั้นชื่ออะไร? นามสกุลพัคหรือเปล่า?” เย่เฉินถาม
หัวจื่อกล่าว “ผมก็ไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไร”
เย่เฉินพูดไม่ออก “นายเอาเงินเขามาสามสิบล้าน แต่อีกคนชื่ออะไรก็ไม่รู้เหรอ?”
หัวจื่อกล่าว “ผมถามเขาแล้ว แต่เขาไม่ยอมบอกนี่นา หมอนี่ทำท่าทีลับๆ ล่อๆ ดูไม่เหมือนคนปกติ แต่จ่ายเงินง่ายดี ผมแนะนำไปหนึ่งคน เขาก็ให้เงินผมเพิ่มมาตั้งสองล้าน”
จากคำอธิบายของหัวจื่อ คนที่ใช้เงินแบบไม่สนใจ แถมยังลึกลับ เป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นคนตระกูลพัค!
“พัคอินอาเหรอ? หรือว่าพัคซุงวู!”
แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร เย่เฉินก็จำเป็นต้องสืบเรื่องนี้ให้ชัดเจน
เย่เฉินจึงกล่าว “นายมีเบอร์เขาไหม?”
หัวจื่อพยักหน้ารับ “มีครับ”
เย่เฉิน “โทรหาเขาหน่อย ฉันอยากเจอ”
“แค่ก” หัวจื่อลุกขึ้น แล้วกดโทรศัพท์ คิดไม่ถึงว่าภาษาเกาหลีของหมอนี่คล่องแคล่วดี
คาดว่านี่ก็น่าจะเป็นสาเหตุที่คนเกาหลีเลือกหัวจื่อมา
หลังจากที่คุยกับปลายสาย หัวจื่อก็กล่าวกับเย่เฉิน “พี่เย่เฉินครับ ผมขอเล่าสถานการณ์ให้พี่ฟังก่อน เขาไม่ยอมมาพบพี่ บอกว่าเขาจจะยอมมาเจอก็ต่อเมื่อพี่จะเอารูปคุณน้าจางตอนสาวๆ ให้เขา เขาได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วเขาถึงจะยอมมาพบหน้าพี่”
เย่เฉินครุ่นคิด ไม่เข้าถ้ำเสือแล้วจะได้ลูกเสือได้อย่างไร แต่ไหนแต่ไรมาแปดตระกูลลึกลับต่างก็อ่อนน้อมถ่อมตนอย่างมาก ส่วนเย่เฉินในฐานะที่เป็นสมาชิกของตระกูลเย่ เขาย่อมรู้ดีแก่ใจ
เรื่องแบบนี้ถ้าอยากจะรู้ให้แน่ชัด จำเป็นต้องใกล้ชิดกับเขาถึงจะตัดสินได้
“ก็ได้ นายไปบอกเขา บอกว่าฉันสามารถหารูปจางเชี่ยนจือตอนสาวๆ ได้ แต่ว่าถ้าเขาอยากเห็นต้องมาพบฉันด้วยตัวเองเท่านั้น”
เย่เฉินกล่าว
หัวจื่อพยักหน้ารับ แล้วก็คุยกับปลายสาย
หัวจื่อตอบเย่เฉินอย่างรวดเร็ว “เขาบอกว่าได้ หลังจากที่หารูปเจอแล้วนัดเวลาเขาได้เลยครับ”
หลังจากวางสาย หัวจื่อก็ถาม “พี่เย่เฉิน พี่ว่าคนเกาหลีคิดจะทำอะไร? ทำไมต้องหารูปพวกป้าๆ ตอนสาวๆ ด้วยล่ะ? ผมสารภาพเลยนะครับผมส่งรูปแม่ผมตอนสาวๆ แล้วก็รูปแม่เพื่อนๆ ผมด้วย แต่เขาบอกว่าไม่ได้มาตรฐานที่เขาต้องการ เขาไม่ให้เงินผมด้วยซ้ำ”
เย่เฉินมองหน้าตาที่แสนจะธรรมดาของหัวจื่อแล้วก็พอจะเดาได้ว่าแม่ของเขาน่าจะไม่สวยเท่าไร
ดูแล้วคนเกาหลีคนนี้น่าจะตั้งมาตรฐานไว้สูง ตอนสวยตอนสาวๆ เท่านั้น
เย่เฉินจึงกล่าว “นายห้ามบอกเรื่องนี้กับคนอื่น ทิ้งเบอร์นายให้ฉัน เดี๋ยวถ้าฉันได้รูปถ่ายแม่ยายฉันแล้ว จะเรียกนายไปหาคนเกาหลีคนนั้นด้วยกัน!”