เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 566 ความภาคภูมิใจของประเทศเรา!
ตอนที่ 566 ความภาคภูมิใจของประเทศเรา!
เย่เฉินรู้ว่าซูเจิ้นหางอยากจะถามเรื่องความลับของตระกูลเย่ แต่ว่าเย่เฉินไม่คิดจะบอกเขา
“ได้อะไรกลับมาเยอะเลยครับ คุณปู่หมายถึงเรื่องอะไรเหรอครับ?”
เย่เฉินจงใจทำเป็นไม่เข้าใจ
ซูเจิ้นหางหัวเราะร่วน “เย่เฉินเธอรู้นี่ว่าฉันพูดถึงเรื่องอะไร ฉันได้ยินมาว่าเธอทำภารกิจสุดท้ายเรียบร้อยแล้วนี่นา เธอจับพี่ชายคนรองของเธอได้แล้วนี่ คุณปู่ของเธอก็น่าจะบอกความลับของตระกูลเย่กับเธอแล้วล่ะมั้ง”
เย่เฉินจึงถาม “คุณปู่แน่ใจว่าตระกูลเย่มีความลับขนาดนี้เลยเหรอครับ?”
ซูเจิ้นหางล่าวพลางหัวเราะ “เชี่ยนจือเองโร่มาบอกฉันหลังจากกลับมาจากอังกฤษว่า พี่ชายเธอบอกว่าตระกูลเย่ไม่ได้มีความลับอะไร เป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ จงใจทำให้ตัวเองดูยิ่งใหญ่ คนนอกจะได้คิดว่าพวกเธอยิ่งใหญ่เหลือเกิน”
เย่เฉินกล่าว “ก็เป้นแบบนั้นเลยครับ คุณปู่ไม่เชื่อเหรอครับ?”
ซูเจิ้นหางกล่าว “ไม่เชื่ออยู่แล้วสิ ฉันรู้จักคุณปู่ของเธอมาตั้งกี่ปี แอบวังเกตครอบครัวพวกเธอมาตั้งหลายสิบปี ตั้งแต่ตอนที่เธอยังไม่เกิดเลย ดังนั้นฉันจึงมีความรู้เรื่องศักยภาพในการปกปิดข้อมูลของตระกูลเย่มากทีเดียวล่ะ! ส่วนวันนี้ฉันได้พิสูจน์ข้อสงสัยในหลายปีของฉันแล้ว!!
เย่เฉินชะงักไป ไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของซูเจิ้นหาง
แล้วในตอนนี้เอง จู่ๆ ซูเจิ้นหางก็ควักโทรศัพท์ออกมา แล้วส่งให้เย่เฉิน “ตาฉันไม่ค่อยดี มือถือไม่ค่อยคล่อง ช่วยเปิดมือถือให้ฉันหน่อยเถอะ ข้อความใหม่ล่าสุดน่ะ เป็นคลิปเธอเปิดดูสิ”
เย่เฉินรับโทรศัพท์หัวเหวยของซูเจิ้นหางอย่างลังเล ส่วนซูเจิ้นหางเองก็บอกรหัสเขาอย่างมั่นใจ
หลังจากเปิดแล้ว เขาก็เห็นว่ามีคนส่งคลิปมาให้ชายชราในตอนบ่าย
หลังจากที่เปิดดู เย่เฉินก็ตกใจ!
คิดไม่ถึงว่าเนื้อหาในคลิปนั้นจะเป็นภาพรถพอร์ช 888 บินได้ที่เย่เฉินขับตอนแข่งกับหัวจื่อเมื่อตอนบ่าย!
ทำไมซูเจิ้นหางถึงมีคลิปนี้ได้!
เมื่อเห็นเย่เฉินวิตกกังวล ซูเจิ้นหางก็กล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เย่เฉิน เธอสบายใจเถอะนะ คนนออกไม่มีทางเห็นคลิปนี้แน่นอน ฉันจะเก็บความลับให้เธอเอง ทันทีที่คลิปี้หลุดออกไป ฉันจะจัดการปิดข่าวลบคลิปในทันที ไม่มีทางจะปล่อยให้มันไวรัลไปในอินเตอร์เน็ต เธอน่าจะรู้นี่ว่าฉันมีความสามารถที่จะทำได้”
ในเมืองหลวงมีแต่หูตาคนอื่น ไม่แน่ว่าอาจจะมีใครเห็นเข้า ถ้าได้เส้นสายของซูเจิ้นหางในเมืองหลวง ลอบช่วยเหลือเย่เฉินอย่างลับๆ ก็ถือว่าเป็นผลดีกับเขา
ซูเจิ้นหางรับโทรศัพท์มาแล้วดู ก่อนจะอุทาน “นี่มันสุดยอดไปเลย สุดยอดไปเลย! เทคโนโลยีของยานยนต์ในตอนนี้สามารถขับเคลื่อนได้ทั้งบนดินและกลางอากาศ บินได้เลยเชียวเหรอ! ถ้าหากว่าไม่ใช่เธอเนี่ย ฉันคงคิดว่าชีวิตนี้ของฉันอาจจะไม่ทันเห็นว่าในยุคสมัยนี้จะได้เห็นรถบินได้”
เย่เฉินเห็นเรื่องดำเนินไปเช่นนี้ ก็ไม่อยากจะปิดบังอีกต่อไป “ถูกต้อง ตระกูลเย่ของพวกเรามีควมสามารถลึกลับบางอย่างอยู่ รถคันนี้ที่เห็นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ทว่าศักยภาพแบบนี้ไม่ใช่แค่ตระกูลเย่เท่านั้นนะครับ มีตระกูลอื่นด้วย”
ซูเจิ้นหางตกใจ “เหรอ? ยังมีตระกูลอื่นอีกเหรอ? มีอตระกูลอะไรบ้าง?”
เย่เฉินกล่าว “ก็ถ้าเป็นโซนเอเชียก็จะมีตระกูลพัคจากเกาหลี ตระกูลมิยาโมโตะจากญี่ปุ่น คุณปู่พอจะรู้จักทั้งสองตระกูลนี้ไหมครับ?”
ซูเจิ้นหางส่ายหน้า “ฉันรู้จักตระกูลใหญ่ๆ ในเกาหลีและญี่ปุ่นไม่น้อย แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องสองตระกูลนี้เลย”
ดูๆ ไปแล้วทั้งสองตระกูลนี้ก็น่าจะเหมือนตระกูลของเย่เฉินที่ปกปิดซ่อนตัวเป็นอย่างดี
ซูเจิ้นหางกล่าว “เย่เฉิน ฉันว่าตระกูลเย่ของพวกเธอน่าจะมีเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์นำหน้าโลกปัจจุบันไปแล้ว แล้วในด้านการทหารก็อาจจะมีเทคโนโลยีอะไรเหมือนกัน เธอรู้ไหม นี่อาจจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงโลกได้ เย่เฉิน ฉันมีคนที่อยากจะแนะนำให้เธอรู้จัก”
จากการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของซูเจิ้นหาง เย่เฉินก็พอจะมองออกว่าคนผู้นั้นคงจะไม่ธรรมดา
เย่เฉินพอจะเดาออกเลยกล่าวถาม “คุณปู่อยากจะแนะนำเอง หรือว่าคนๆ นั้นอยากเจอผมครับ?”
ซูเจิ้นหางกล่าว “ฉันอยากแนะนำเอง ดูๆ ไปแล้วเธอน่าจะเดาได้ว่าคนๆ นั้นเป็นใครกัน”
เย่เฉินปฏิเสธคำแนะนำของซูเจิ้นหาง “ขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่อยากเจอ”
ซูเจิ้นหางตกตะลึงทันที ในเมื่อเย่เฉินเดาออกแต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะยังปฏิเสธอีก นี่น่าจะเป็นคนที่คนในประเทศนี้อยากจะเจอแม้แต่ในฝันด้วยซ้ำไป!
เย่เฉินกล่าว “ตอนนี้ผมอยากจะทำภารกิจที่คุณปู่ให้มาให้สำเร็จครับ ตอนนี้ตระกูลพัคของเกาหลีและตระกูลมิยาโมโตะของญี่ปุ่น ล้วนแต่แอบรวบรวมคนในประเทศเรา ผมอยากจะรู้ว่าพวกเขาทำไปทำไม”
พอได้ยินแบบนี้แล้วซูเจิ้นหางก็ลนลาน “หา? มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ? ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย เย่เฉิน ฉันรู้ว่าเธอกับปู่ของเธอรักประเทศนี้มาก เราเป็นเหมือนกันนะ ฉันไม่มีทางยอมปล่อยคนพวกนั้นมาแอบทำอะไรในประเทศนี้ เรื่องนี้ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยบอกมาได้เลย”
เย่เฉินพยักหน้ารับ “ขอบคุณครับ”
ซูเจิ้นหางยิ้มพลางตบบ่าเย่เฉินแล้วกล่าว “เด็กน้อย ฉันมีลางสังหรณ์ว่าในอนาคตเธอจะเป็นความภาคภูมิใจจของประเทศเรา!”
ถึงแม้ว่าเย่เฉินจะเติบโตในต่างประเทศ คนที่เติบโตในเมืองนอกจำนวนมากล้วนแต่ไม่ค่อยรักและผูกพันกับดินแดนแม่มากนักแต่ว่าสามพี่น้องในตระกูลเย่กลับโดนสั่งสอนว่าพวกเขาเป็นคนประเทศนี้
ปู่ของเย่เฉินสั่งสอนพวกเขาตั้งแต่เด็กๆ ให้พวกเขายึดถือในประเทศที่เป็นแผ่นดินเกิด ไม่ว่าจะเรื่องดีหนือไม่ดี
ก่อนนี้เย่เฉินยังไม่เข้าใจว่าทำไม
แต่ตอนนี้พอมาคอดๆ ดูแล้วก็เหมือนจะเข้าใจ
ถ้าหากเย่ฉงไห่ไม่อยู่แล้ว พวกเย่เฉินจะต้องถือครองทรัพย์สินของตระกูลเย่ ทรัพย์สินพวกนี้อาจจะสามารถเปลี่ยนโลกได้เลย
ถ้าหากว่าพวกเย่เฉินไม่รักแหวงแหนประเทศอันเป็นแผ่นดินแม่เกรงว่าคงจะไม่ช่วยเหลืออะไร
หลายปีมานี้เทคโนโลยีของประเทศเจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว บวกกับที่เย่ฉงไห่เคยบอกก่อนหน้านี้ว่าในที่ประชุมของทั้งแปดตระกูลยังโดนตระกูลอื่นๆ เล็งจะทำร้าย โดนบีบให้ย้ายจากที่นี่ไปอังกฤษ
เย่เฉินคิดในใจว่านี่จะเกี่ยวอะไรกันหรือเปล่า…
เย่เฉินพยักหน้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “สบายใจเถอะนะ ไม่ว่าจะผม หรือพี่ชายผม เราก็จะทำให้ประเทศนี้เป็นความภูมิใจของโลกใบนี้! ผมบอกคุณปู่ได้อย่างชัดเจนตรงนี้เลยว่า ผมยืนอยู่บนเส้นทางเดียวกันกับทุกคน”
หลังจากที่ซูเจิ้นหางได้ยินแล้ว น้ำตาก็ไหลพราก กอดเย่เฉินราวอีกฝ่ายเป็นสหายร่วมรบแล้วกล่าวเสียงหนักแน่น “ขอบใจนะ!”
ทั้งสองคนคุยกันไปร่วมกว่าครึ่งชั่วโมง ตอนลงมาทุกคนจึงกินข้าวเสร็จแล้ว
คราวนี้จางเชี่ยนจือโดนลากให้มา ดังนั้นหลังจากรับประทานอาหารเสร็จหล่อนก็ตั้งท่าจะสวมเสื้อคลุมแล้วเดินออกจากบ้าน
แล้วในตอนนี้เองเย่เฉินก็กระซิบข้างๆ หูภรรยา “ที่รัก คุณลองไปขอรูปคุณแม่คุณตอนสาวๆ หน่อยได้ไหม?”
เย่เฉินกับจางเชี่ยนจือไม่ค่อยจะเป็นมิตรกันนัก เลยเถิดไปจนถึงขั้นตบตีกันแล้ว
เย่เฉินจึงรู้สึกว่าตนเองที่เป็นลูกเขยจะไปขอรูปแม่ยาย ก็คงจะไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นจึงตัดสินใจใช้ซูมู่ชิง
ซูมู่ชิงหันมองเย่เฉินด้วยใบหน้าสงสัย “ที่รัก อย่าบอกนะว่าคุณ…”