เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 568 ซูมู่ชิงรู้ความลับของตระกูล!
- Home
- เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
- ตอนที่ 568 ซูมู่ชิงรู้ความลับของตระกูล!
ตอนที่ 568 ซูมู่ชิงรู้ความลับของตระกูล!
เย่เฉินไม่ถนัดกับการรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้ เขาจึงไม่รู้ว่าวรจะอ้างอะไรดี
เย่เฉินจึงกล่าวว่า “ผมไม่ได้อยากได้ ผมแค่จะขอยืมสองวัน แล้วเดี๋ยวผมเอามาคืน!”
จางเชี่ยนจือยังรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “จะเอารูปฉันไปทำไม?”
เย่เฉินไม่อยากบอกเรื่องคนเกาหลีกับจางเชี่ยนจือ “ดูเฉยๆ ไงครับ”
จางเชี่ยนจือกล่าว “ดู? ดูที่ไหน?”
เย่เฉินพูดไม่ออกอีกครั้ง รูปถ่ายใบนี้ยังจะต้องเลือกสถานที่ในการดูด้วยเหรอ?
คำพูดนี้ของจางเชี่ยนจือมันหมายความว่ายังไง?
ซูมู่ชิงเปิดปากเอ่ย “แม่คะ เย่เฉินคงจะแค่อยากเห็นหน้าตาสะสวยของแม่ หนูรู้จักเย่เฉินดี เขาไม่มีทาง… ไม่มีทางล่วงเกินแม่!”
ล่วงเกินเหรอ?
เย่เฉินชะงักไป คำพูดนี้ของซูมู่ชิงหมายความว่ายังไง?
ผมเนี่ยนะจะไปล่วงเกินแม่คุณเหรอ?
บรรยากาศในตอนนี้ดูแปลกพิกลขึ้นมาทันที!
จางเชี่ยนจือที่มักจะวางท่าเวลาอยู่ต่อหน้าของเขยที่แต่งเข้า แต่ตอนนี้ใบหน้ากลับแดงก่ำ!
เย่เฉินถึงเพิ่งรู้ตัว หลังจากสังเกตเห็นว่าจางเชี่ยนจือและซูมู่ชิงกำลังกังวลใจอะไรบางอย่าง ที่แท้ก็เป็นเพราะกลัวว่าเย่เฉินจะคิดอะไรกับจางเชี่ยนจือ!
สวรรค์ นี่เขาซวยสุดๆ เย่เฉินเป็นผู้ชายที่ไม่ซับซ้อน เขามีแต่ความเคารพและรังเกียจจางเชี่ยนจือเท่านั้น เขาไม่มีทางจะคิดเกินเลยกับอีกฝ่ายแม้แต่น้อย!
เย่เฉินรีบร้อนรับประกัน “แม่ครับ ผมแต่อยากเห็นรูปเฉยๆ”
จางเชี่ยนจือที่ปกติพูดจาฉะฉาน ก็เริ่มอึกๆ อักๆ ก่อนจะส่งรูปถ่ายให้เย่เฉิน “เอ่อก็นะ ในเมื่ออยากเห็นก็เอาไปเถอะ”
“ขอบคุณครับแม่!” เย่เฉินกล่าวขอบคุณ พลางเอื้อมมือไปรับรูปถ่ายมา
จางเชี่ยนจือ “เอ่อ… อย่าทำรูปเปื้อนนะ”
ซูมู่ชิง “…”
เย่เฉิน “???”
บรรยากาศในนั้นแปลกพิกลอีกครั้ง
จางเชี่ยนจือกล่าว “ฉันบอกว่า ที่บ้านพวกเธอน่ะไม่มีใครอยู่นานแล้ว ฝุ่นคงจะเยอะ…”
เย่เฉิน “อ้อๆ ผมจ้างแม่บ้านแล้วครับ พรุ่งนี้จะให้กวาดทำความสะอาดทั้งห้อง สบายใจได้เลยนะครับ พรุ่งนี้ผมจะเอารูปคืนไปอย่างสะอาดเหมือนเดิม”
เดิมทีเย่เฉินกับซูมู่ชิงตั้งใจว่าจะดื่มชาที่บ้านพ่อตาแม่ยายแล้วค่อยไป แต่การทนทนาครั้งนี้พิกลเกินไป
เมื่อเย่เฉินและซูมู่ชิงได้ภาพถ่ายมาก็กลับหลังจากเวลาผ่านไปไม่ถึงห้านาที
“พู่ว…”
เย่เฉินเดินออกมาจากบ้านแม่ยายเดินกลับมาขึ้นรถพอร์ช 888ของตนเองแล้วก็ผ่อนลมหายใจยาว เหมือนโล่งใจ
เขาเอก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าแค่ให้รูปแม่ยายสักใบจะเหนื่อยล้าขนาดนี้
และในเวลานี้เอง ซูมู่ชิงที่นั่งข้างที่นั่งคนขับก็ตบหลังมือเย่เฉินเบาๆ แล้วถาม “ที่รักคะ ฉันถามจริงๆ นะคะ คุณคิดอะไรกับแม่ฉันหรือเปล่า?”
เย่เฉินเกือบจะผุดลุกขึ้น “ที่รักครับ คุณคิดแบบนั้นได้ยังไงกัน? หล่อนเป็นแม่คุณ เป็นแม่ยายผม ผมจะคิดเกินเลยกับหล่อนได้ยังไงล่ะครับ!”
ที่จริงแล้วเย่เฉินเป็นคนที่ค่อนข้างจะหัวโบราณ อย่าว่าแต่แม่ยายเลย ขนาดอดีตน้องสะใภ้อย่างหวังหยวนหยวนที่เป็นน้องสาวของหวังเจียเหยา เย่เฉินยังไม่อยากจะใกล้หล่อน รักษาระยะห่างกับหล่อนตลอด
ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลหวังทำร้ายเย่เฉินรุนแรง เย่เฉินอยากจะล้างแค้นตระกูลหวังผ่านทางหวังหยวนหยวน เขาก็ไม่อยากจะมีสายสัมพันธ์อะไรกับหล่อน
ซูมู่ชิงย่อมเข้าใจในนิสัยของเย่เฉินอย่างมาก จึงถามด้วยความสงสัย “งั้นคุณต้องการรูปแม่ฉันไปทำไมคะ?”
ซูมู่ชิงเป็นภรรยาของเย่เฉิน เป็นภรรยาคนเดียวที่เย่เฉินตบแต่งอย่างเป็นทางการ เย่เฉินจึงตั้งใจจะบอกความลับของตระกูลเย่กับหล่อน!
เย่เฉินจับมือซูมู่ชิง “ที่รัก ตอนนี้ผมจะมีเรื่องหนึ่งบอกคุณ เป็นความลับของตระกูลเย่ คุณเป็นภรรยาของผม ตอนนี้เป็นคนตระกูลเย่ คุณมีสิทธิ์จะรู้ทุกเรื่อง”
ทันทีที่เห็นเย่เฉินมีท่าทีเคร่งเครียด ซูมู่ชิงก็เป็นกังวล ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างตั้งอกตั้งใจ
เย่เฉินจึงกล่าว “ความลับของตระกูลเย่ของเราเกี่ยวกับศักยภาพในด้านต่างๆ ที่ปกปิดเป็นความลับ เช่นการแพทย์ วิทยาศาสตร์ อินเตอร์เน็ตเป็นต้น คุณลองดูรถที่ผมให้คุณนี่สิ ที่จริงแล้วมันไม่ใช่พอร์ช 911 ที่แต่งแล้ว แต่มันคือพอร์ช 888 ที่เปลี่ยนสีได้ บินก็ได้ด้วย”
ซูมู่ชิงชะงักไป “รถบินได้เหรอคะ?”
เย่เฉินมองรอบๆ เมื่อพบว่าไม่มีใครก็กล่าว “ผมพาคุณลองแล้วกัน”
เย่เฉินจดแจงเปิดโหมดบิน แล้วรถก็ลอยตัวขึ้นมาทันที ตัวซูมู่ชิงเองก็ตกใจ!
ก่อนหน้านี้ซูมู่ชิงเองก็ยังคิดว่าทำไมเย่เฉินถึงได้ส่งพอร์ช 911 ข้ามน้ำข้ามทะเลมาให้ตนเอง
เดิมทีรถคันนี้ไม่ใช่พอรช์ 911 แต่เป็นรถในอนาคตที่ไม่ว่าจะโชว์รูมไหนๆ ก็ซื้อไม่ได้!
เย่เฉินแสดงให้หล่อนเห็นเพียงเล็กน้อย แล้วก็กลับมาขับบนพื้นอีกครั้ง
ซูมู่ชิงตกใจจนเอามือปิดปาก “สวรรค์ นี่ออกจะ…เหมือนในหนังไปแล้ว! แล้วพอร์ช 888 จะปรากฏต่อสายตาชาวโลกเมื่อไร? คะ? เมื่อไหร่ที่รถคันนี้จะแล่นบนถนนทั่วไปเหรอคะ?”
เย่เฉินกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “บางทีอาจจะ 10 ปี หรืออาจจะ 20 ปี หรือ 100 ปี นี่ขึ้นอยู่กับว่าตระกูลลึกลับทั้งแปดตระกูลของเราอยากจะให้โลกได้ใช้มันเมื่อไร ที่รักครับ คุณอาจจะไม่รู้ว่าเทคโนโลยีขั้นสูงทั้งหมดบนโลกนี้ล้วนแต่เป็นของตระกูลทั้งแปดของพวกเรา พูดได้ว่าเราควบคุมโลกใบนี้!”
ซูมู่ชิงใบหน้าตกตะลึง “ตระกูลทั้งแปดเหรอคะ? นอกจากตระกูลเย่ของพวกคุณแล้วยังมีตระกูลอื่นอีกเหรอ?”
เย่เฉินพยักหน้ารับ “นอกเสียจากว่าตระกูลเย่ของพวกเรา ยังมีตระกูลอื่นๆ อย่างตระกูลพัคจากเกาหลี ตระกูลมิยาโมโตะจากญี่ปุ่น ตระกูลรอสไชลด์และตระกูลจอร์จจากอเมริกา ตระกูลแอดดิงตันจากอังกฤษ แล้วก็ตระกูลเฮ้าส์จากเยอรมัน สุดท้ายคือตระกูลชมิดท์จากสวิตเซอร์แลนด์”
ซูมู่ชิงฟังอย่างตั้งใจ หญิงสาวไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลพวกนี้มาก่อน เป็นตระกูลที่เก็บเนื้อเก็บตัวแบบตระกูลเย่จริงๆ ด้วย
หล่อนคิดมาตลอดว่าตระกูลซูของตนเองเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่มากแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งได้รู้ว่าพวกหล่อนนั้นเป็นเพียงแค่หมกที่พวกเขาควบคุมเท่านั้น
เย่เฉินจึงกล่าววว่า “ส่วนที่มาของตระกูลทั้งแปด ไว้ผมว่างๆ จะเล่าให้คุณฟังโดยละเอียดนะ ตอนนี้ผมเล่าให้คุณฟังแบบย่อๆ แล้วกัน ตระกูลเย่ของเราเป็นตระกูลที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาแปดตระกูล จากที่คุณปู่บอกตระกูลอื่นๆ น่ะ โดยเฉพาะพวกตระกูลในแถบเอเชีย พวกเขาอยากจะขับเราออกจากสมาคม!”
ซูมู่ชิง “อะไรนะคะ? ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้?”
ตอนนี้ซูมู่ชิงเป็นสะใภ้ตระกูลเย่แล้ว หล่อนย่อมเห็นทุกเรื่องของสามีเป็นเหมือนเรื่องของตนเอง
เย่เฉินจึงกล่าวว่า “ผมได้ยินมาว่าตระกูลพัคและตระกูลมิยาโมโตะ กำลังลอบรวบรวมผู้คนในประเทศเราอย่างลับๆ ผมได้ยินมาว่ามีคนเกาหลีกำลังพยายามหาหญิงวัยกลางคนที่หน้าตาสะสวยในตอนสาวๆ รอบนี้ผมเลยจะใช้รูปถ่ายแม่คุณบังหน้า เพื่อไปสืบเรื่องของพวกเขา เพราะผมสงสัยว่าคนเกาหลีที่ว่าอาจจะเป็นคนของตระกูลพัค!”
พอได้ยินเย่เฉินพูดแบบนี้ ซูมู่ชิงก็นึกขึ้นมาได้ “หาผู้หญิงวัยกลางคนที่หน้าตาสะสวยเหรอคะ? ฉันก็ว่าจู่ๆ ก็ไถเวยป๋อเจอหัวข้ออวดแฟชั่นคุณแม่ตอนสาวๆ แล้วหัวข้อนี้เนี่ยเอาแต่ติดเทรนด์ไม่หยุดเลย ตอนนั้นฉันยังสงสัยอยู่เลยค่ะว่ามีคนจงใจสร้างกระแสหรือเปล่า ดูแล้วฉันทายถูกนะคะเนี่ย!”