เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 569 ไปสืบ!
ตอนที่ 569 ไปสืบ!
เย่เฉินหยักหน้ารับ คนเกาหลีคนนั้นไม่มีทางใช้แค่คนอย่างหัวจื่อแน่ พวกเขามีเงินเยอะแยะ ถึงขั้นซื้อฮอตเสิร์ชในอินเตอร์เน็ตได้ จนเหล่าชาวเน็ตจำนวนนับไม่ถ้วนต่างพากันมาโพสรูปถ่ายแม่ตัวเองตอนสาวๆ ไม่หยุด
พอถึงเวลาคนเกาหลีนั้นอาจจะนั่งเปิดโทรศัพท์สบายๆ แล้วเลือกคนที่เหมาะสมตามเงื่อนไขที่พวกเขาต้องการ หลังจากนั้นก็ใช้วิธีการต่างๆ เพื่อให้ได้มา
เย่เฉินลูบศีรษะซูมู่ชิงพลางกล่าวด้วยใบหน้าเปี่ยมรัก “ดังนั้นผมเนี่ย ไม่ได้คิดอะไรกับแม่คุณเลย คุณอยากเห็นผมเป็นคนแบบนั้นเลยนะ”
ซูมู่ชิงยิ้มน้อยๆ “ฉันรู้อยู่แล้วล่ะค่ะว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ที่สำคัญเลยก็คือแม่ฉันคิดว่าคุณคิดอะไรกับแม่น่ะสิคะ ฮ่าๆ คิดไมถึ่งเลยว่าคุณแม่จะหลงตัวเองจริงๆ แม่ฉันน่ะอาจจะคิดว่าพี่ชายคุณก็ชอบแม่เหมือนกัน”
เย่เฉินกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ผู้หญิงอายุ 20 ปีชอบผู้ชายอายุ 40 กว่านู่นแหละ โลกใบนี้มีผู้ชายอายุ 20 จำนวนมากชอบผู้หญิงอายุมากกว่า 40 ปี ก็ไม่แปลกนะครับ ขอแค่แม่คุณไม่เกลียดผม ทำหน้าบูดเวลาเจอผม จนส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์พวกคุณแม่ลูก ผมยอมให้แม่คุณคิดว่าผมคิดอะไรกับหล่อน เป็นเขยที่ผิดศีลธรรม”
ซูมู่ชิงได้ยินแบบนี้ก็วางมือลงบนมือของเย่เฉิน
หล่อนเองก็พอรู้ว่ามารดาของตนเองมีอคติกับเย่เฉิน บวกกับเรื่องของซูมู่หลินทำให้ความสัมพัมธ์ของทั้งสามคนเป็นปัญหาใหญ่โตมาโดยตลอด
ซูมู่ชิงจึงกล่าวว่า “มิน่าล่ะตั้งแต่เด็กๆ คุณปู่ของพวกคุณเลยให้พวกคุณทำภารกิจต่างๆ ตั้งแต่เด็ก ที่แท้พวกคุณก็ต้องสืบทอดสมบัติที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้นี่เอง! ที่รักคะ จู่ๆ ฉันก็กังวลจังเลยว่าถ้าสมมติคุณได้เป็นผู้สืบทอดของตระกูล งั้นจะแปลว่าทุกการกระทำไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ของฉันจะส่งผลต่อโลกด้วยใช่ไหมคะ?”
เย่เฉินยิ้มพลางลูบแก้มซูมู่ชิง “ใช่แล้วล่ะครับ ถ้าวันไหนคุณเกิดทะเลาะกับผมขึ้นมา แล้วคุณโมโหปล่อยพอร์ช 888 ออกขายในตลาด วงการรถยนต์ของโลกก็คงจะตกอยู่ในความวุ่นวายเลยนะครับ”
ซูมู่ชิงทั้งรู้สึกหวาดกลัวและผยองในใจ มีผู้หญิงคนไหนบ้างที่จะสามารถปฏิเสธตำแหน่งแบบนี้ในโลกได้?
ซูมู่ชิงจึงถามต่อ “งั้นลูกของคุณ ฉันหมายถึงลูกของคุณกับหวังเจียเหยาน่ะค่ะ ก็จะต้องสืบทอดตำแหน่งผู้ชี้ชะตาโลกนี้ไหมคะ? จู่ๆ ฉันก็อิจฉาหวังเจียเหยาจังเลย ถ้าหล่อนรู้ว่าในอนาคตลูกชายของหล่อนจะควบคุมโลกได้ หล่อนคงดีใจจนเป็นบ้าแน่เลย”
ซูมู่ชิงพูดถูก หวังเจียเหยาเป็นคนรักในเงินทองเกียรติยศต่างๆ และทะเยอทะยานอย่างมาก อยากให้มีคนกราบไหว้นับถือ
ถ้ารู้ความลับของตระกูลเย่ รู้ว่าในอนาคตลูกชายของตนเองได้เป็นคนชี้ชะตาโลกล่ะก็ หล่อนจะต้องคิดว่าตนเองสูงส่งเหนือใครแน่นอน
เย่เฉินกล่าวว่า “ปู่ของผมเนี่ยให้ความสำคัญกับหลานชายแต่ไม่ค่อยสนใจพวกหลานสาว แต่ว่าผมว่าจะหญิงชายก็เหมือนกัน ถึงจะเป็นเรื่องการสืบทอดธุรกิจและตระกูล หรือจะเป็นเรื่องการควบคุมทิศทางของโลก ผมก็เชื่อว่าเด็กผู้หญิงก็จะทำได้ดีเหมือนกัน ลูกของหวังเจียเหยายังเด็ก แต่ซือซืออายุ 4 ขวบแล้ว ผมอยากจะเริ่มสอนตรรกะความคิดในซือซือ คุณคิดว่ายังไง?”
ซูมู่ชิงคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเย่เฉินจะเห็นซือซือเป็นตัวเลือกแรกในการสืบทอดตระกูล ซูมู่ชิงเป็นหญิงสาวจากเมืองหลวง ไม่เคยคิดว่าผู้หญิงจะด้อยกว่าผู้ชายตรงไหน ซือซือเองก็อยู่กับหล่อนตลอด
ซูมู่ชิงพยักหน้ารับ “ค่ะๆ ซือซือจะต้องทำได้ดีมากๆ แน่!”
……
เช้าวันต่อมา เย่เฉินตื่นนอนแล้วเดินออกจากห้องนอนที่มี่เพียงเขา เพราะในวินาทีที่เขาอยากจะดื่มด่ำบรรยากาศที่ผู้ชายทั่วๆ ไปไม่เคยสัมผัสนั้น
ใครจะรู้ว่า ฉินหงเหยียนและซูมู่ชิง จะนอนด้วยกัน แถมยังล็อคประตูห้อง ไม่ให้เย่เฉินเข้าไป
ช่วยไม่ได้ เย่เฉินจึงจำใจต้องลากตัวซูมู่ชิงที่เดินออกมาจากห้องเข้าไปในห้องตัวเอง แล้วย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ในห้องดำอีกครั้ง
หลังจากนั้นซูมู่ชิงก็สวมเสื้อผ้าให้เย่เฉินอย่างมีความสุขด้วยตนเอง หลังจากที่จัดแจงเสื้อผ้าและผมเพ้าแล้วก็กล่าวกับเย่เฉิน “ที่รักคะ ขอให้คุณโชคดีนะคะ! หวังว่าคุณจะสืบได้นะคะว่าคนเกาหลีนั่นมีเป้าหมายอะไร!”
เย่เฉินยิ้มพลางหยิบรูปถ่ายของจางเชี่ยนจือ แล้วขับรถออกจากบ้านไป
ผ่านไปไม่นานนัก เย่เฉินก็มาพบกับหัวจื่อ แล้วทั้งสองคนก็เดินทางไปยังเซฟเฮ้าส์ของคนเกาหลี
เซฟฮ้าส์ของเขามิดชิด ตั้งอยู่ในที่ส่วนตัว ไม่ได้อยู่ในพื้นที่คนพลุกพล่าน ด้านนอกดูไปแล้วไม่หรูหราอะไร แต่พอเดินเข้าไปในตัวบ้านแล้ว ก็จะพบว่าทั้งกระจก ประตู และการตกแต่งนั้นล้วนแต่หรูหราทั้งนั้น
ทุกคนล้วนแต่รู้ว่าคนเกาหลีชอบแต่งตัว แถมการตกแต่งห้องนั้นก็มีรสนิยมกว่าคนในระเทศนี้มากอยู่หลายขุม
ร้านรวงต่างๆ ในประเทศล้วนแต่เหมือนกันไปหมด ไม่มีเอกลักษณ์อะไร แต่ถ้าไปเดินบนถนนที่เกาหลีจะต่างกับที่นี่เหมือนคนละเรื่องละราว
การออกแบบของทุกๆ ร้านล้วนแต่มีเอกลักษณ์โดดเด่น อีกทั้งสวยมากด้วย
คนเกาหลีนั่นจ้างคนจีนคนหนึ่งมาต้อนรับพวกเขา เย่เฉินและหัวจื่อรออยู่ครึ่งชั่วโมง ถึงจะได้เข้าพบอีกฝ่าย
เมื่อเข้าไปถึงในห้องของคนเกาหลี เย่เฉินก็เห็นมาตรฐานของพวกเขา นั่นคือชายเกาหลีสวมแว่นตา ใส่สูท เรือนร่างสมส่วน
หัวจื่อและคนเกาหลีนั่นไม่ได้เจอกันเป็นครั้งแรก เขาเดินไปและจับมืออีกฝ่าย “ไม่ได้เจอกันนานเลย ผมขอแนะนำหน่อยนะ นี่ก็คือคุณเย่ที่ผมเคยเล่าให้คุณฟัง”
เย่เฉินเองก็จับมือทักทายอีกฝ่าย
คนเกาหลีเองก็ตรงไปตรงมา เขาถามทันที “คุณเย่ คุณเอารูปแม่ยายคุณมาด้วยไหม?”
เย่เฉินหยิบเอารูปถ่ายของจางเชี่ยนจือออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้คนเกาหลี
และในตอนนี้เอง หัวจื่อที่อยู่ข้างๆ ก็เริ่มโฆษณา “คุณน้าจางตอนสาวๆ เป็นสาวสวยที่สุดในเมืองหลวงเรา จะต้องได้มาตรฐานที่คุณตั้งเอาไว้แน่นอน! ถ้ายังไม่ผ่านอีกล่ะก็ผมจะยอมกินขี้เดี๋ยวนี้เลย!”
คนเกาหลีมองรูปถ่ายก็พยักหน้าแล้วกล่าวด้วยท่าทีขึงขัง “จะผ่านหรือเปล่า คุณกับผมตัดสินใจไม่ได้ ขึ้นอยู่กับลูกพี่ผม พวกคุณรอเดี่ยวนะ ผมจะเอารูปถ่ายนี้ให้ลูกพี่ผมดู”
แล้วคนเกาหลีคนนั้นก็ใช้มือถือสแกนภาพนั้นส่งออกไป
ในเวลาเดียวกัน ณ วิลล่าส่วนตัวหรูหรา ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลี
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังนั่งบนเก้าอี้สานอย่างสบายอารมณ์ โดยมีสาวสวยสองคนกำลังปรนนิบัติเขา
หญิงสาวหนึ่งในนั้นนวดลำคอให้เขา ส่วนอีกคนกำลังป้อนองุ่นให้ด้วย
สาวสวยสองคนดูแล้วอายุยังไม่เยอะ ล้วนแต่เป็นวัยที่กำลังบานสะพรั่ง
คนหนึ่งอายุประมาณ 20 ปี ส่วนอีกคนอย่ามากก็อายุประมาณ 30 ปี
“พี่อวี้ถิง คุณน้าเจิ้ง เมื่อคืนพวกเธอทำให้ฉันสบายตัวมากเลย ผู้หญิงที่โตแล้วปรนนิบัติผู้ชายเก่งกว่าจริงๆ ด้วย ฮ่าๆ ใครจะมองออกว่าพวกเธอสองคนรวมๆ กันอายุจะ 70 กว่านู่น”
ชายวัยหลางคนกล่าวพลางแต๊ะอั๋งหญิงสาวหน้าตาสะสวยสองคนอย่าไม่สนใจอะไร
หญิงสาวสองคนยังกล้าแม้แต่จะปัดป้อง จากท่าทีของพวกหล่อน ยากจะมองออกว่าหล่อนเต็มใจจะปรนนิบัติชายวัยกลางคนคนนี้หรือไม่
ทันใดนั้นเองมือถือของชายวัยกลางคนนั้นก็ดังขึ้น
อุปกรณ์ที่กำลังส่งเสียงดังออกมานี้ไม่ใช่มือถือรุ่นที่คนนิยมใช้ๆ กันในท้องตลาด แต่เป็นของที่มีขนาดเล็กมากๆ ประมาณบัตรธนาคาร
ชายวัยกลางคนโบกมือขวา และของหน้าตาละม้ายหน้าจอมือถือก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
จากนั้นชายวัยกลางคนก็เห็นรูปถ่ายในตอนสาวๆ ของจางเชี่ยนจือ
องุ่นที่เพิ่งถูกป้อนเข้าปากก็คาอยู่ในปาก เขาไม่ได้กลืนมันลงไปเสียที
นั่นเพราะชายคนนั้นกำลังตกตะลึง!
“คิดไม่ถึงว่าประเทศจีนจะมีสาวสวยระดับนี้ด้วย!!”