เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 57 หวังเจียเหยาตกลงจะแต่งงาน
หากร้านอาหารเกิดเรื่องที่มีคนตายจากการมากินอาหารแล้วนั้นจะต้องส่งผลกระทบต่อกิจการอย่างรุนแรงเกินประมาณ
เริ่มที่หนึ่งปากบอกต่อเป็นสิบปาก จากสิบปากเป็นร้อยปากบวกกับมีคนถูกส่งเข้าโรงพยาบาลพร้อมกันเป็นร้อยคน
ชื่อเสียงของโหลวว่ายโหลวจะต้องฉาวโฉ่ทั่วอวิ๋นโจวแน่
ในระยะเวลาสั้นๆ นี้จะไม่มีแขกไปกินอาหารที่โหลวว่ายโหลว ต่อให้จงเหว่ยใช้เงินเพื่อทำการประชาสัมพันธ์ผลลัพธ์ที่ได้ก็คงไม่ดีนัก
โหลวว่ายโหลวเป็นร้านอาหารที่นิยมที่สุดในสังกัดของจงเหว่ยในอวิ๋นโจว เมื่อร้านนี้จบเห่แล้ว ร้านอื่นคงจะจัดการได้อย่างง่ายดาย
เดิมทีเย่เฉินไม่ได้กะจะใช้วิธีสกปรกแบบนี้ เขาอยากจะใช้วิธีการที่ขาวสะอาดในการเอาชนะอีกฝ่าย
ยกตัวอย่างเช่นเขาสามารถจ้างนักร้องมาที่ร้านอาหารเป็นประจำทุกวัน จ้างเชฟฝีมือดีมาทำอาหาร
เงินพวกนี้เขาสามารถผลาญได้อย่างไม่เสียดาย ต่อให้เขาไม่ได้กำไรแต่ก็สามารถทำให้จงเหว่ยเจ๊งได้
แต่ในเมื่อจงเหว่ยเริ่มก่อนจะโทษเขาไม่ได้
ในวินาทีนี้เย่เฉินจึงได้กลายเป็นเจ้าพ่อในวงการอาหารและเครื่องดื่มอันดับหนึ่งในอวิ๋นโจวแล้ว
หลังจากนั้นเย่เฉินก็ชวนดารามาร่วมกันลงทุนเปิดร้านคาราโอเกะ แล้วเตะเจ้าพ่อแห่งวงการร้านคาราโอเกะในอวิ๋นโจวออกไปจากแวดวงธุรกิจบันเทิงของอวิ๋นโจว
เวลาครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในงานเลี้ยงตระกูลหวัง ณ วิลล่าเขตซีซาน
ซูหลานกินข้าวไปพลางกล่าว “พวกเธอได้ยินแล้วหรือยัง? เจ้าของร้านคาราโอเกะจินคว่างหนีไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว! โหลวว่ายโหลวของจงเหว่ยก็ต้องขายต่อ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ เมื่อครึ่งเดือนก่อนพวกเขายังเป็นคนที่มีหน้ามีตาอยู่ในอวิ๋นโจวกันทั้งนั้น คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะมีสภาพน่าอนาถแบบนี้”
หวังหยวนหยวนจิบซุป “ล่วงเกินใครเข้าล่ะสิ ไม่อย่างนั้นเมื่อครึ่งเดือนก่อนจะมีร้านคาราโอเกะกับร้านอาหารใหม่ๆ ผุดขึ้นมาเยอะแยะขนาดนี้ได้ยังไง?”
หวังจื้อเฉียงวางตะเกียบลงและตะคอก “เมื่อสองวันก่อนจงเหว่ยก็มาขอยืมเงินผมบอกว่าเขาโดนเย่เฉินล้างแค้น แถมยังบอกว่าเขาช่วยพวกเราถึงได้มีสภาพแบบนี้ น่ารังเกียจจริงๆ เย่เฉินเป็นแค่บอดี้การ์ดจะมีความสามารถยิ่งใหญ่จากไหนมาล้างแค้นเขา?”
หวังจื้อหย่วนกล่าวพลางผงกศีรษะ “พี่พูดถูก ถ้าหากว่าเย่เฉินจะล้างแค้นขึ้นมาจริงๆ ก็ควรจะล้างแค้นตระกูลหวังเราเป็นที่แรกสิ ผมว่านะเพราะจงเหว่ยอยากจะขอยืมเงินถึงได้จงใจพูดแบบนี้”
คุณนายหวังขมวดคิ้วแล้วก็เงียบไปไม่พูดไม่จา หล่อนเองก็กำลังครุ่นคิดอยู่ว่าคนที่ก่อเรื่องวุ่นวายในอวิ๋นโจวใช่เย่เฉินหรือไม่?
ทว่าคิดอยู่นานหล่อนเองก็ไม่ได้คำตอบ
คุณนายหวังมองหวังเจียเหยาที่เอาแต่เหม่อลอยแล้วกล่าวว่า “เจียเหยาคิดอะไรอยู่?”
หวังเจียเหยาดื่มซุปอย่างใจลอย ซูหลานใช้แขนสะกิดลูกสาว หล่อนถึงได้สติกลับมา
หวังหยวนหยวนหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าว “พี่คิดเรื่องที่คุณฟางเชาขอแต่งงานอยู่แน่ๆ เลยล่ะสิ? ครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เขาขอพี่แต่งงานไปแล้วเก้าครั้ง แต่พี่ก็ไม่ยอมตกลงเสียที”
ในระยะเวลาครึ่งเดือนนี้เย่เฉินได้ลงมือโจมตีกิจการของคนที่บอกว่าจะตัดทางทำมาหากินของเขาในงานวันเกิดของคุณนายหวังจัดการตัดหนทางทำมาหากินของพวกเขา
ในเวลาเดียวกันฟางเชาก็เอาแต่ขอหวังเจียเหยาแต่งงานอย่างไม่ลดละ
หลังจากที่ขอแต่งงานที่อวิ๋นจงอวิ๋นไปแล้วหนึ่งครั้งก็ไปขอกันที่ร้านอาหารตะวันตก คาเฟ่และอื่น ๆ อีกมากมาย
คุณนายหวังกล่าวว่า “เจ้าเด็กฟางเชาคนนี้ใช้ได้ พื้นฐานครอบครัวก็ดีและรักแกขนาดนี้ พ่อของฟางเชาโทรมาหาย่าแล้วบอกว่าแกไม่ยอมตกลงเสียที ทำให้ตระกูลฟางเสียหน้า”
อย่างไรเสียตระกูลฟางก็ที่ถือว่าอยู่สูงกว่าตระกูลหวัง ถึงหวังเจียเหยาจะเป็นสาวงามลำดับหนึ่งในอวิ๋นโจวแต่ก็เป็นผู้หญิงที่เคยแต่งงานแล้ว
พวกเขาจึงไม่ชอบท่าทางเย่อหยิ่งของหวังเจียเหยา
หวังเจียเหยาผงกศีรษะ “ในงานคอนเสิร์ตของเทพนักร้องพรุ่งนี้ ตอนที่เขาขอแต่งงานรอบที่สิบหนูจะรับปากแล้วกัน”
บนใบหน้าคุณนายหวังเผยรอยยิ้ม “ฮ่าๆ ดี ตระกูลหวังของเราจะมีงานมงคลอีกแล้ว! พวกเรามาดื่มฉลองกันล่วงหน้าอวยพรให้เจียเหยามีความสุขในชีวิตแต่งงานกันเถอะ!”
ทุกคนเทไวน์กระทั่งหวังจื้อเฉียงที่มักจะตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับหวังเจียเหยาก็ยังลุกขึ้นยืนเพื่อร่วมเฉลิมฉลอง
“เจียเหยา ฟางเชามีหน้ามีตากว่าเย่เฉินเยอะ ต่อไปกลายเป็นสะใภ้ตระกูลฟางแล้ว ถ้าต่อไปมีธุรกิจอะไรดีๆ อย่าลืมพวกเราล่ะ”
ซูหลานชิงตอบแทนบุตรสาว “แน่นอนอยู่แล้ว พวกเราเป็นคนในครอบครัวเดียวกันนี่นา ใช่ไหมล่ะ จื้อหย่วน?”
ซูหลานยิ้มกว้างราวดอกไม้แรกแย้มแล้วใช้มือทุบหวังจื้อหย่วนเบา ๆ
ทว่าฐานะที่เป็นพ่อของหวังเจียเหยา บนใบหน้าเขากลับไม่ได้มีรอยยิ้มมากนัก เรื่องใหญ่ในชีวิตของบุตรสาวแต่เหมือนว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาแม้แต่น้อย
หวังจื้อหย่วนฝืนยกแก้วไวน์ขึ้นแล้วกล่าวเรียบๆ “ดีกว่าขยะเย่เฉินเยอะ อย่างน้อยก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น”
ทุกคนต่างก็ยกแก้วไวน์เพื่อร่วมฉลองให้หวังเจียเหยา
มีแค่หวังซ่าวเจี๋ยที่จู่ๆ ก็ผุดลุกขึ้นแล้วกล่าว “เอ่อ..ผมปวดท้องนิดหน่อย ทุกคนดื่มกันไปก่อนเลย”
“เจ้าเด็กนี่…” คุณนายหวังส่ายหน้า
บาดแผลบนร่างกายหวังซ่าวเจี๋ยก็ดีขึ้นประมาณหนึ่งแล้ว แต่หล่อนมักรู้สึกว่าหลานชายต่างไปจากเดิม โดยเฉพาะตอนที่พูดคุยในหัวข้อที่เกี่ยวกับเรื่องเย่เฉินและหวังเจียเหยา
หวังซ่าวเจี๋ยไปถึงห้องน้ำแต่กลับไม่ได้เข้าห้องแต่กดโทรศัพท์แทน
เขาโทรหาเย่เฉิน!
ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ได้ล่วงรู้ถึงอำนาจของเย่เฉินในลานจอดรถใต้ดิน กระทั่งหลิวเจิ้งคุนยังต้องยอมให้อีกฝ่าย หวังซ่าวเจี๋ยถึงได้รู้ว่าต่อให้เย่เฉินไม่ใช่ประธานเย่ของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปก็ต้องเป็นลูกพี่ที่น่ากลัวคนหนึ่ง!
ดังนั้นหวังซ่าวเจี๋ยถึงได้เปลี่ยนท่าทีไป เขาอยากจะผูกมิตรกับเย่เฉิน
“ฮัลโหล” เย่เฉินรับสาย
หวังซ่าวเจี๋ยกล่าวว่า “พี่เฉินครับ ในงานเลี้ยงที่บ้านเมื่อครู่ หวังเจียเหยาบอกว่าในคอนเสิร์ตของเทพนักร้องวันพรุ่งนี้หล่อนจะตกลงแต่งงานกับฟางเชา! จะให้ผมไปเป่าหูคุณย่าไม่ให้หวังเจียเหยารับปากเขาไหมครับพี่เฉิน?”
หวังซ่าวเจี๋ยรู้ว่าเย่เฉินยังรักหวังเจียเหยา อย่างไรเสียก็เคยทุ่มเทมาสามปีไม่ว่าใครก็ต้องไม่ยินยอม
ถ้าหากเย่เฉินคิดจะขัดขวางการแต่งงานระหว่างหวังเจียเหยาและฟางเชา หวังซ่าวเจี๋ยก็ยินดีช่วยเหลือ
เย่เฉินนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วตอบ “ไม่ต้องขวาง! ให้หล่อนตอบตกลงไปเถอะ!”
หวังซ่าวเจี๋ยกล่าวต่อ “พี่เฉิน ทำไมต้องให้หมอนั่นได้เจียเหยาไปล่ะ ด้วยความสามารถของพี่แอบจัดการเขาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยนี่ครับ! พวกเราสองคนต่างก็เคยล่วงเกินพี่ พี่ล่อผมโหดขนาดนี้แต่ไม่ทำอะไรเขาผมว่าไม่ยุติธรรมนะครับ!”
เย่เฉินหัวเราะ “นายสบายใจได้ จุดจบของฟางเชาอนาถกว่านายเยอะ”
ถึงแม้ว่าเย่เฉินต้องการจะล้างแค้น แต่การล้างแค้นของเขาไม่ธรรมดาอย่างการตัดขาใคร
ฟางเชาและหวังเจียเหยาทำร้ายจิตใจเขา เย่เฉินจึงอยากจะล้างแค้นด้วยการทำร้ายจิตใจพวกเขาเหมือนกัน!
เย่เฉินอยากจะให้หวังเจียเหยาแต่งานกับฟางเชาก่อนแล้วค่อยทำให้อีกฝ่ายเสียใจภายหลัง!
นี่ถึงจะเป็นการล้างแค้นที่โหดที่สุด!
หวังซ่าวเจี๋ยกล่าว “พี่เฉิน พี่สบายใจได้เลย ผมคอยจับตาดูหวังเจียเหยาตลอดแล้วก็กำชับหล่อนไว้แล้ว ผมหลอกไปว่าคุณย่าไม่อยากให้ไปอยู่กับฟางเชา หลายวันมานี้หวังเจียเหยากลับมานอนที่บ้าน ส่วนตอนช่วงกลางวันพวกเขาอยู่ด้วยกันในที่สาธารณะไม่ได้ทำอะไรกันเลยครับ”
เย่เฉินนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วตอบ “ต่อให้พวกเขาทำอะไรกันก็ไม่เกี่ยวกับผม”
หวังซ่าวเจี๋ยกล่าวพลางหัวเราะ “เป็นผู้ชายเหมือนกัน ผมเข้าใจน่า ต่อให้ปากพี่บอกว่าไม่สนใจแต่ในใจก็คงต้องหวังว่าระหว่างพวกเขาจะไม่มีอะไร”
เย่เฉินหัวเราะเสียงแผ่ว “ซ่าวเจี๋ยคิดไม่ถึงว่านับวันนายนี่ชักจะพูดจามีเหตุมีผลขึ้นไปทุกที มีพัฒนาการดีนี่”
หวังซ่าวเจี๋ยกล่าว “เดี๋ยวอีกคำพูดของผมจะมีเหตุผลกว่านี้อีก!”
เย่เฉินกล่าว “เอ๊ะ? มั่นใจในตัวเองขนาดนี้เชียว? ไหนนายลองว่ามาสิ”
หวังซ่าวเจี๋ย “แต่งงานกับน้องสาวผมสิครับ! หล่อนเหมาะกับการจับทำภรรยา! คุณย่าเคยบอกว่าผู้หญิงที่สะโพกใหญ่น่ะคลอดลูกเก่ง!”
เย่เฉิน “ไสหัวไปเลยไป!”