เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 570 เจ้านายของแกคือพัคซุงวู!
ตอนที่ 570 เจ้านายของแกคือพัคซุงวู!
ชายวัยกลางคนผู้นั้นคือ พัคซุงวู เป็นทายาทรุ่นที่สองตระกูลพัคอันเป็นตระกูลลึกลับของเกาหลี!
คนที่ขับ SUV ชนเย่เฉินในเกมโลกเสมือนจริงก็คือเขา!
เขาเพิ่งจะอายุ 30 ต้นๆ แต่งตัวอย่างประณีต หุ่นของเขาถือเป็นจำพวกสวมเสื้อผ้าก็ดูผอม แต่พอถอดเสื้อผ้าออกมาก็ดูมมีกล้ามเนื้อ ที่จริงแล้วทำให้คนพบเห็นดูอ่อนเยาว์ ไม่ได้รู้สึกน่ารังเกียจแม้แต่น้อย
ด้วยหน้าตาและพื้นเพครอบครัวของพัคซุงวู ตั้งแต่เล็กจนโตทำให้ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็อยากได้เขามาครอบครอง
ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจผู้หญิงทั่วไป โดยเฉพาะผู้หญิงที่อายุเท่ากันเพราะรู้สึกว่าไม่น่าสนใจ
ส่วนตัวเขาเองก็ชอบผู้หญิงที่โตกว่า แต่ผู้หญิงแบบนั้นเขาก็รู้สึกว่าพวกหล่อนแก่เกินไป
ดังนั้นหอนี่ถึงให้ทีมหมอของตระกูลพัควิจัยยาตามที่เขาต้องการ
พัคซุงวูเห็นภาพถ่ายจางเชี่ยนจือตอนสาวๆ ก็ชมไม่ขาดปาก แล้วยื่นให้หญิงสาวสองคนข้างกายเขาดู
“พี่อวี้ถิง คุณน้าจาง พวกเธอคิดว่าคุณป้าของชาวจีนคนนี้เป็นยังไงบ้าง? เทียบกับพวกเธอตอนสาวๆ เป็นยังไง?”
เมื่อผู้หญิงสองคนนั้นเห็นรูปถ่ายแล้วก็เอ่ยชมกันไม่ขาดปาก
“ฉันสู้ไม่ได้เลยล่ะค่ะ ไม่ว่าจะหน้าตาหรือว่าบุคลิกภาพของหล่อน”
“ฉันก็สู้ไม่ได้ หล่อนสวยเกินไป!”
พัคซุงวูหัวเราะร่วน “ถึงแม้ว่าฉันจะดูถุกคนประเทศนี้น่ะนะ แต่ว่าถ้าพูดเรื่องสาวสวยๆ ของประเทศเราในยุค 80 เนี่ย พวกเขาสวยกว่าเยอะ! พวกเขามีกวนจือหลิน หลิวเจียหลิง หวังจู่เสียน ส่วนประเทศเราก็มีแค่คิมฮีซอน”
เขาพูดพลางมองรูปถ่ายของจางเชี่ยนจือแล้วกล่าว “ผู้หญิงที่สวยระดับนี้จะปล่อยหแก่เป็นป้า เสียดายของแย่ สวรรค์ประทานความสามารถให้ฉันย้อนวัยให้คนได้ ฉันก็ควรจะใช้มันมาตอบแทนคนในโลกเราสิ!”
พัคซุงวูวางท่าราวตนเองเป็นพระเจ้า ก่อนจะพิมพ์ตัวอักษร ss ส่งให้ลูกน้องที่เมืองหลวง
SS ที่ว่านี้คือคำประเมินที่เขามีต่อหน้าตาจางเชี่ยนจือ!
ณ วิลล่าส่วนตัว ในเมืองหลวง
เมื่อชายชาวต่างชาติได้รับคำตอบจากเจ้านายก็ระเบิดสเยงหัวเราะออกมาแล้วกล่าวกับหัวจื่อ
“ยินดีด้วยนะ เจ้านายฉันชอบแม่ยายเพื่อนนายมากๆ เลยให้คะแนนสูงมากเลย ฉันจะให้เงิน 50 ล้านหยวนให้พวกนายเพื่อขอบคุณที่ช่วยหาผู้หญิงที่สวยขนาดี้ให้ฉัน!”
เขาพูดพลางเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมาจากในตู้ เขาส่งให้หัวจื่อแล้วกล่าว “นี่คือเนสดมูลค่า 50 ล้าน!”
“50 ล้านเหรอ?”
หัวจื่อลิงโลด คิดไม่ถึงว่ารางวัลคราวนี้จะเยอะแยะขนาดนี้!
หัวจื่อเปิดกระเป๋าเดินทางออก เมื่อเห็นธนบัตรในกระเป๋าเดินทางก็น้ำลายหก เขาหันมองเย่เฉิน “พี่เย่เฉิน เงิน 50 ล้าน พี่เอาไป 30 ผมขอยี่สิบ ได้ไหมครับ?”
ทว่าใบหน้าเย่เฉินกลับราบเรียบไร้อารมณ์
หัวจื่อเห็นเย่เฉินไม่ตอบ จึงกล่าวต่อ “เอาแบบนี้แล้วกัน พี่เอาไป 40 ผมขอ 10”
แต่เย่เฉินก็ยังไม่ตอบอีก
หัวจื่อคิดในใจ “อย่าบอกนะว่าเขาจะเอาหมดเลย 50 ล้านเนี่ย? แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็เป็นคนแนะนำมานี่นา!”
ทว่าเขาไม่ได้รู้เลยว่า เย่เฉินไม่ได้อยากได้เงิน 50 ล้านที่ว่านี้เลย!
ต่อให้ต้องใช้ แต่เย่เฉินก็ไม่มีทางรับเงินแบบนี้!
คนเกาหลีกล่าวกับหัวจื่ออย่างพออกพอใจ “นายบอกเพื่อนนายคนนี้ทีให้เขาพาตัวแม่ยายเขามา ขอแค่ให้ฉันได้เจอหน้าสาวสวยในรูปภาพคนนี้สักหน่อย ฉันจะให้เงินเขาอีก 50 ล้าน!”
เพราะคนตรงหน้าพูดภาษาเกาหลี หัวจื่อที่กลัวเย่เฉินจะไม่เข้าใจ จึงตั้งท่าจะแปลให้เย่เฉินฟัง
ทว่าเย่เฉินกลับโพล่งภาษาเกาหลีออกมา แล้วย้อนถามคนเกาหลี “เจ้านายของนายชอบแม่ยายฉัน แล้วจะให้ฉันรับเงินเขาแล้วขายแม่ยายตัวเองเหรอ? หมายความว่ายังไงเนี่ย?”
หัวจื่อและเพื่อนชาวเกาหลีตกใจทันที พวกเขาคิดไม่ถึงว่าภาษาเกาหลีของเย่เฉินจะดีขนาดนี้
แต่ว่าคนที่พูดได้หลายภาษาในโลกนี้มีเยอะแยะถมเถ อย่างเช่นดาราในวงการบันเทิงอย่างเซี้ยะถิงเฟิง ที่พูดได้ทั้งภาษาจีน อังกฤษ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อิตาลี ไทยเป็นต้น และอยู่ในระดับที่ไม่มีปัญหาในการสนทนาในชีวิตประจำวันด้วยซ้ำ
ชายชาวเกาหลีพยักหน้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ไอ้หนู นายฉลาดนี่ ฉันหมายความแบบนั้นนั่นแหละ!”
เพี้ยะ!
ชายชาวเกาหลีเพิ่งจะกล่าวจบ เย่เฉินก็ฟาดฝ่ามือใส่หน้าเขาแล้วตะคอก “นายประสาทหรือไงถึงอยากให้ฉันประเคนแม่ยายตัวเองให้หัวหน้านาย เห็นฉันเป็นคนโง่หรือไง? ไอ้สารเลว!”
เย่เฉินเดาออกนานแล้วว่าผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังนี้ สุดท้ายแล้วจะต้องอยากได้ผู้หญิงที่ตนเองเลือกเป็นคู่ขาของตนเอง!
ถึงแม้เย่เฉินจะไม่ค่อยลงรอยกับจางเชี่ยนจือ ทะเลาะกันบ่อยๆ แต่เขาก็เคารพอีกฝ่ายอย่างมาก!
นั่นคือแม่ของภรรยาเขา เป็นแม่ยายของเขา!
เขาจะยอมให้ผู้ชายคนอื่นมาล่วงเกินแม่ยายเขาได้อย่างไร!
คนเกาหลีเมื่อโดนตบก็หัวเสีย “สารเลว! แกมันไอ้คนสารเลว! คิดว่าเงินน้อยไปใช่ไหม? งั้นให้ร้อยล้านเลย เอาแม่ยายนายมา!”
เพี้ยะ!
เพี้ยะ!
คราวนี้เย่เฉินตบหน้าอีก่ายติดต่อกัน จนเขาถ่มเลือดออกมา
“ยังจะกลาเพิ่มราคาอีกเหรอ?” เย่เฉิถลึงตาใส่อีกฝ่าย จนแทบจะฆ่าเขาอยู่รอมร่อ
หัวจื่อเห็นเหตุการณ์ไม่สู้ดีนัก จึงรีบดึงแขนเย่เฉินแล้วกล่าว “พี่เย่เฉิน ไม่ต้องตีเขาแล้วครับ หมอนี่ไม่ธรรมดานะ อย่าไปล่วงเกินเขาเลย!”
ชายเกาหลีฟิวส์ขาด “แกมันไม่รู้ฟ้าสูงผิดต่ำ! แค่เห็นว่าตัวเองมีอิทธิพลในเมืองหลวงนิดหน่อย ก็ไม่เห็นหัวใคร ไม่รู้เลยสินะว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า! ไอ้หน้าอ่อน ถึงฉันจะไม่รู้ว่าแกเป็นคนตระกูลไหนในเมืองหลวง แต่ว่าฉันขอเตือนแกไว้นะ ล่วงเกินฉัน ไม่ว่าจะเป็นคนตระกูลไหนในเมืองหลวง แกก็ต้องตายอยู่ดี!”
เย่เฉินแค่นเสียงเย็น “แหมคุยโวเสียใหญ่โตเลยนะ ไม่เห็นหัวตระกูลไหนๆ ในเมืองหลวงเลยเหรอ?”
ชายชาวเกาหลียืนตัวตรง หน้าเชิดแล้วกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ถูกต้อง! ในสายตาเจ้านายของฉันคนตระกูลสูงส่งอย่างพวกแกก็เป็นแค่คนชั้นต่ำเท่านั้นเอง!”
เย่เฉินรู้สึกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังยิ่งฟังก็ยิ่งเหมือนคนตระกูลพัคเข้าไปทุกที จึงถามต่อ “อ้อเหรอ? ใหญ่โตขนาดนั้นเชียวเหรอ? ฉันเองก็อยากจะรู้นะ ว่าเจ้านายของแกเนี่ยเป็นคนตระกูลไหน จากประเทศอะไรเหรอ?”
ชาวเกาหลีคนนั้นระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “แกไม่คู่ควรจะได้รู้!”
เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็นแล้วกล่าว “ใช่ตระกูลพัคไหม?”
ชาวเกาหลีได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าที่เคยลิงโลดก็ถอดสีไปทันที!
“แก… แกรู้ได้ยังไง?”
ตระกูลลพัคเป็นตระกูลลึกลับ อย่าว่าแต่ชาวต่างชาติอย่างเย่เฉินเลย กระทั่งตระกูลในประเทศเดียวกันก็ยังไม่รู้จักพวกเขาเลย!
ดังนั้นใบหน้าเขาจึงถอดสี ไม่รู้ว่าเย่เฉินไปเอคำตอบมาจากไหน
หรือว่าเดาเอาหรือเปล่านะ?
ชาวเกาหลีคนนั้นคิดในใจ “ตระกูลพัคเป็นตระกูลลึกลับ คนต่างชาติคนนี้ไม่มีทางรู้จักพวกเขา!”
ดังนั้นเขาจึงตอบเย่เฉิน “ไอ้น้อง แกอย่าพูดเหลวไหล แกแค่เดาสกุลพวกเขาถูกก็แค่นั้นแหละ อย่างไรเสียคนนามสกุลนี้ในเกาหลีมีเยอะแยะจะตายไป”
เขาคิดว่าเย่เฉินเดางั้นเหรอ?
เย่เฉินหัวเราะแล้วกล่าวต่อ “งั้นถ้าฉันเดาไม่ผิดล่ะก็ นายแกน่าจะชื่อพัคซุงวูใช่ไหมล่ะ?”
หลังจากที่อีกฝ่ายได้ยินเข้า ใบหน้าก็ซีดเผือดไปทันที!