เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 571 สืบสวน!
ตอนที่ 571 สืบสวน!
เป็นไปได้อย่างไร!
ชายชาวต่างชาติธรรมดาๆ คนหนึ่ง ทำไมถึงเดาได้ทันทีล่ะว่าตระกูลพัคเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง แล้วทำไมถึงได้รู้ชื่อพัคซุงวูด้วย!
“เป็นไปไม่ได้… นี่เป็นไปไม่ได้… ทำไมแก…ทำไมแกถึงรู้ชื่อเจ้านายของฉัน!”
ชายชาวเกาหลีตกใจจนหน้าถอดสี
เพราะตระกูลพัคถือเป็นตระกูลลึกลับ นอกจากคนที่ถูกเลือกให้สมรสกับคุณผู้หญิงพัคอินอาเท่านั้น ที่โลกภายนอกจะได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขา ส่วนชื่อของสมชิกคนอื่นๆ ในตระกูลพวกเขาไม่มีทางได้ล่วงรู้!
อีกทั้งต่อให้คนในโลกภายนอกรู้จักชื่อของพัคอินอา ก็จะรู้แค่ว่าหล่อนเป็นภรรยาของชอยฮันโฮเท่านั้น
โลกภายนอกไม่รู้เลยว่า ตระกูลพัคของหญิงสาวยิ่งใหญ่กว่าชอยฮันโฮที่ดูเหมือนยิ่งใหญ่เก่งกาจมากนัก
เย่เฉินระบายยิ้ม เขาเดาไว้ไม่มีผิดจริงๆ ด้วย คนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังก็คือ พัคซุงวู ที่ขับรถชนเขาจนกระเด็นในเกม
หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าเป็นฝีมือคนตระกูลพัค ทายาทรุ่นที่สองของตระกูลพัคแล้ว จากที่เย่เฉินรู้มาว่ามีกันสามคน
พัคอินอาและพัคซุงวู มีพี่ชายคนโตอยู่คนหนึ่ง แต่ว่าพี่ใหญ่แก่แล้ว เย่เฉินจึงคิดว่าเขาก็เหมือนกับเย่เทียน ที่น่าจะต้องแบกรับความยิ่งใหญ่ของตระกูล จนไม่มีเวลาไปวุ่นวายคิดเรื่องผู้หญิง
ดังนั้นเย่เฉินจึงตัดเขาออกเป็นคนแรก
ส่วนพัคอินอาเป็นผู้หญิง เย่เฉินก็แน่ใจมากเช่นกันว่าหล่อนไม่ใช่พวกคนรักเพศเดียวกัน ดังนั้นการเลือกผู้หญิงแบบนี้ ไม่มีทางเป็นฝีมือหล่อน
ดงันั้นเย่เฉินจึงตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายไปที่พัคซุงวู!
เย่เฉินเห็นใบหน้าตกตะลึงของชายชาวเกาหลี จึงกล่าวเสียงแผ่ว “เรื่องรู้ชื่อเขายากนักเหรอ? คนตระกูลพัค ฉันคุ้นเคยหมดแหละ! ฉันยังเคยจูบกับพัคอินอาพี่สาวเขาเลย หรือว่าเรื่องแบบนี้ฉันจะต้องคุยโวไปทั่วเหรอ?”
เมื่อชาวเกาหลีคนนั้นได้ยินเช่นนี้แล้วก็ผุดลุกเต้นขึ้นมาออกจะเกินจริงไปมาก เขากระโดดขึ้นมาจริงๆ ขาโกร่งๆ ป้อมๆ สองข้างของเขาอัปลักษณ์เหมือนกบอย่างไรอย่างนั้น
ชายขาวเกาหลีกล่าวอย่างตกใจ “คิดไม่ถึงว่านายจะรู้ว่าพัคอินอาก็เป็นคนตระกูลพัค! นาย… นาย… น่ากลัวเกินไปแล้ว! แต่นะต่อให้นายรู้เรื่องพวกนี้ก็อย่าคิดจะคุยโวข่มกัน! พัคอินอาเป็นผู้หญิงที่สูงส่งที่สุดในประเทศเรา! ถ้านายจูบหล่อน ในวินาทีนั้นนายคงตายไปนานแล้ว!”
เย่เฉินกล่าวพลางระบายยิ้ม “ใครบอกว่าฉันเป็นฝ่ายจูบหล่อนก่อนล่ะ? หล่อนต่างหากที่เป็นฝ่ายจูบฉัน”
“บ้าบอ! พูดาเหลวไหล! เป็นไปไม่ได้!” อีกฝ่ายตกใจจนร้องโวยวาย “คุณหนูพัคจะจูบชาวต่างชาติที่แสนต่ำต้อยแบบแกไปทำไม!”
“ฉันเนี่ยเหรอต่ำต้อย?”
เย่เฉินประเคนหมัดใส่ร่างกายอีกฝ่าย
เขาย่อมรู้ว่าคุณผู้หญิงสูงส่งที่สุด และก็รู้ว่าคนเกาหลีคนนี้ไม่มีทางเชื่อแน่ ถ้าหากว่าชายชาวเกาหลีคนนี้แค่ไม่เชื่อเขาเท่านั้น เย่เฉินก็คงไม่ทำร้ายเขาก่อน
แต่คิดไมถึงว่าเขาจะด่าเย่เฉินว่าต่ำต้อย คิดไปว่าเย่เฉินจะต่ำต้อยคุณผู้หญิงไปหนึ่งระดับ คงจะโทษที่เย่เฉินลงมือไม่ได้
เย่เฉินไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรกับเขาอีก “รีบพูดมาเร็วๆ ที่พัคซุงวูหารูปหญิงสาววัยกลางคนที่หน้าตาสะสวยๆ ตอนสาวๆ พวกนี้ที่นี่ เขาคิดจะทำอะไรกันแน่! เขาชอบสาวแก่เหรอ?”
“ถุย! มีแต่แกถึงจะชอบผู้หญิงแก่มีริ้วร้อยเต็มหน้า! เจ้านายของฉันชอบผู้หญิงสาวๆ ผิวขาวหน้าตาสะสวย คอลลาเจนเต็มหน้าต่างหาก!”
คนเกาหลีเยาะเย้ยเขา
เย่เฉินจึงกล่าวถาม “ในเมื่อชอบสาวๆ แล้วทำไมต้องให้หาพวกสาวๆ อายุเกิน 40 ปีด้วยล่ะ?”
ชาวเกาหลีคนนั้นหัวเราะเสียงเย็น “ฉันไม่บอกแกหรอก แกไม่คู่ควรจะได้รู้! แกไปพาตัวแม่ยายแกมา ฉันจะคุยกับหล่อนตามลำพัง เหอะๆ”
“รนหาที่ตายจริงๆ!”
เย่เฉินกำหมัดแน่น เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าหมอนี่จะกระดูกเหล็กขนาดไหน!
คนเกาหลีไม่เหมือนชาวอาทิตย์อุทัย ยอมตายแต่ไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครพวกเขาเห็นแก่ภาพลักษณ์หน้าตา แค่ขู่ว่าจะฟันหน้าพวกเขาจนมีรอยบาก พวกเขาก็ตกใจจนยอมสารภาพทุกอย่างแล้ว
ฝ่ายตรงข้ามถอยกรูด เขารู้ดีแก่ใจว่าต่อให้ตนเองมีบอดี้การ์ดมาด้วยเยอะแยะขนาดไหนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฉิน
ดังนั้นจู่ๆ เขาจึงหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วกลืนลงท้องไป
หัวจื่อตกตะลึงตะโกนกร้าว “บ้าชิบ พี่เย่เฉิน หรือว่าคนเกาหลีคนนี้จะกลัวพี่ทำร้ายเขารุนแรง แล้วจะชิงกินยาฆ่าตัวตายไปก่อนน่ะ? ปวดหัวเลยนะ อย่าเพิ่งตายก่อนล่ะ ตายแล้วเดี๋ยวจะยุ่ง เดี๋ยวฉันจะโดนพ่อฉันกักบริเวณอีก!”
ต่อให้มีคนตาย ด้วยพื้นฐานครอบครัวของหัวจื่อและเย่เฉิน ด้วยอิทธิพลในเมืองหลวงที่พวกเขามี ก็ง่ายดายนิดเดียว
แต่ว่าครอบครัวในเมืองหลวงตอนนี้ต่างก็ระมัดระวังตัวอย่างมาก ทันทีที่ลูกหลานก่อเรื่อง พวกขเจะต้องจัดการอย่างเข้มงวดทันที
บางครั้งการลงโทศของครอบครัวยังแย่กว่าให้กฏหมายจัดการมาก
เย่เฉินขมวดคิ้ว ด้วยความสามารถในการดูคนของเย่เฉิน เขารู้สึกว่าคนเกาหลีคนนี้น่าจะเป็นพวกปอดแหก
เป็นคนกลัวตายคนหนึ่ง
หรือว่าเย่เฉินเดาผิดไปเหรอ?
หลังจากที่ฝ่ายตรงข้ามกินยาเข้าไปแล้ว ก็ไม่ได้มีท่าทีประหลาดอะไร แต่กลับหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ ตอนนี้ฉันกินยาที่ทำให้ไร้ความรู้สึกของตระกูลพัคเข้าไป ไม่ว่าตอนนี้แกจะทำอะไรฉันก็ไม่พูดหรอก! หนูน้อยฉันไม่เชื่อว่าแกจะมีปัญญาฆ่าฉัน!”
หา?
เย่เฉินตกใจไปเล็กน้อย ที่แท้คนเกาหลีคนนี้ก็กินยาที่ทำให้ทนต่อการทรมานได้นี่เอง
มีบางคนทนความทรมานทางร่างกายไม่ได้ หลังจากที่กินยาไปแล้ว ไม่ว่าร่างกายจะโดรทรมานยังไงก็จะร้ความรู้สึก
เย่เฉินหันมาสั่งหัวจื่อ “หัวจื่อ ไปหาเชือกมามัดตัวเขาเอาไว้”
หัวจื่อชะงักไม่ไหวติง “หา?”
เขาที่แค่อยากหาเงินง่ายๆ เท่านั้น ไม่คิดมาก่อนว่าตนเองจะต้องมาทำเรื่องแบบนี้
เย่เฉินกล่าวว่า “นายมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ไปแล้ว อย่าลอยตัวเหนือปัญหาเลย ทำตามที่ฉันสั่ง ไม่อย่างนั้นฉันจะต่อยนายให้สลบ นายเลือกเอาเอง”
หัวจื่อไหนเลยจะทนรับความทรมานทางร่ากายได้ เขาจึงรีบกล่าว “ผมมัดเองครับ ผมมัดเอง!”
เขารีบไปหาเชือกเส้นหนึ่งมาอย่างรวดเร็วแล้ว แล้วฝืนกดร่างชาวเกาหลีคนนั้นเอาไว้ ออกแรงไปมากกว่าจะมัดเขาไว้กับเก้าอี้ได้
“บ้าชิบ ไอ้สารเลวนี้เตะผมตั้งหลายที แต่พอตะคืนมันไม่ร้องสักแอะเลย! พี่เย่เฉิน ดูแล้วเขาน่าจะพูดจริง หลังจากที่เขากินยาเข้าไปแล้ว ก็เหมือนจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอะไรเลย ทำยังไงดีครับ จะทรมานให้เขาสารภาพคงไม่มีประโยชน์อะไร”
หัวจื่อกังวลแทนเย่เฉินเล็กน้อย กลัวว่าเย่เฉินจะไม่ได้คำตอบในสิ่งที่เขาอยากรู้
ถึงแม้ว่าชาวเกาหลีจะโดนจับมัดบนเก้าอี้ แต่กลับโวยวาย “ไอ้พวกคนชั้นต่ำ! พวกแกไม่ได้รู้เลยว่าแกกำลังเผชิญหน้ากับพลังและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าขนาดไหน! พวกแกคิดว่ามัดฉันเอาไว้แล้วจะได้คำตอบทที่พวกแกอยากจะรู้อย่างนั้นเหรอ? ฝันลมๆ แล้งๆ ชัดๆ! ต่อให้พวกแกตัดมือฉันทิ้ง ฉันก็ไม่ร้องด้วยซ้ำ! แต่ฉัขอเตือนพวกแกเอาไว้เลยนะ ว่ถ้าทำร้ายฉันล่ะก็ ตระกูลพัคจะต้องให้พวกแกชดใช้หนี้เลือดครั้งนี้ด้วยเลือดเหมือนกัน!”
ยิ่งเย่เฉินมองเห็นท่าทางคุยโวโอ้อวดของคนตรงหน้ามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งขัดหูขัดตามากเท่านั้น
เขาก็ค่าศัยว่าตระกูลพัคมียาที่ก้าวหน้าไปกว่าโลกหลายสิบปีเท่านั้น ดังนั้นก็เลยไม่เห็นหัวใครอย่างนั้นเหรอ?
เหอะๆ เหมือนหยั่งกับว่าเย่เฉินไม่มียาพวกนี้อย่างนั้น!
แล้วจึงเห็นเย่เฉินหยิบตลับยากล่องหนึ่งออกมาจากกระเป๋า!