เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 589 เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่น่าตกใจ!
- Home
- เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
- ตอนที่ 589 เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่น่าตกใจ!
ตอนที่ 589 เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่น่าตกใจ!
คำพูดนี้ของเย่เฉินทำให้พัคซุงวูคิดว่าเย่เฉินกำลังท้าทายเขา
เย่เฉินกล่าวอย่างขึงขัง “ไปเลยไป แกคิดว่าฉันจะชอบของแปลกแบบแกหรือไง ชอบผู้หญิงแก่หรือไง? ต่อให้เป็นแบบนั้น แกดูอายุน้าสามแกก่อนว่าหล่อนแก่ขนาดไหนแล้ว แถมยังเป็นคนป่วยออดแอดอีก ต่อให้ฉันชอบของแปลกขนาดไหนจะอยากแต๊ะอั๋งหล่อนเหรอ? วิธีการรักษาของฉันน่ะจะต้องใช้มือกดหลังหล่อน โดยที่ห้ามมีอะไรกั้นตรงกลางทั้งสิ้น!”
พัคซุงวูครุ่นคิด คุณน้าสามของตนเองไม่ได้เป็นคนสวยอะไร อีกอย่างเจ้าหล่อนอายุก็ปาไปตั้ง 61 ปีแล้ว หนำซ้ำเพราะเจ็บป่วย ทำให้ดูร่วงโรยกว่าวัยไปมาก
น้าสามของเขาผอมจนมีแค่หนังหุ้มกระดูก เจ้าหล่อนไร้ชีวิตชีวา ต่อให้เย่เฉินบ้ากาม แต่ก็ไม่มีทางจะคิดอะไรเกินเลยกับหล่อนแน่
พัคซุงวูกลับมามีสติ แล้วกล่าว “ก็ได้ งั้นฉันจะเชื่อนายสักครั้ง!”
พัคซุงวูเรียกหมอผู้หญิงมาคนหนึ่ง แล้วหาสถานที่ที่ค่อนข้างลับตาคน แล้วช่วยหล่อนเปลี่ยนเสื้อผ้า
น้าสามของพัคซุงวูสวมเสื้อเชิ้ตนั่งบนรถเข็นเข้ามาในห้อง แต่สวมเชิ้ตกลับด้านเพื่อให้เย่เฉินสะดวกในการรักษาหล่อน
เย่เฉินเองก็ไม่ได้พูดพร่ำทำเพลงอีก เขาใช้มือข้างหนึ่งกดลงบนหลังของอีกฝ่าย
ทันใดนั้นเองก็เกิดไอพวยพุ่งออกมา!
พัคซุงวูรวมไปถึงคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ตกตะลึง
“บ้าแล้ว! ไอสีขาวมาจากไหน!”
“ก็ออกมาจากมือของคนแซ่เย่นั่นไง! หรือว่าเขามีวิชาหรือเปล่านะ?”
กระทั่งพัคซุงวูยังคิดในใจไม่หยุด “นี่เป็นไปไม่ได้มือของคนเราจะมีไอแบบนี้พวยพุ่งออกมาได้ยังไงกันนะ? คนตระกูลพัคเรายังทำแบบนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป หรือว่าตระกูลเย่จะเก่งกว่าพวกเราหรือเปล่า? แล้วพวกเขาก็เก็บงำความสามารถเอาไว้นะ?”
ในความเป็นจริงแล้ว ที่มือขวาของเย่เฉินมีควันสีขาวลอยออกมาได้นั้น เป็นเพราะในตอนนั้นเทพธิดาช่วยคิดวิธีเสแสร้งแสดงความเก่งให้พ่อของเย่เฉิน
ทักษะนี้นั้นกระทั่งทั้งเจ็ดตระกูลอื่นๆ ก็ทำไม่ได้จริงๆ แต่ความสามารถนี้ไม่ได้มีมูลค่าอะไร เป็นเพียงแค่การวางท่าเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการรักษา…
แต่ว่าเย่เฉินวางท่าเท่านั้น บวกกับที่เย่เฉินเอาแต่เน้นย้ำว่าการแพทย์ของตระกูลเย่ดีกว่าตระกูลพัค ดังนั้นในตอนนี้เย่เฉินจึงเลือกจะเขย่าประสาทพวกพัคซุงวูก่อน
เย่เฉินใช้ภาษาเกาหลีคุยกับหญิงสาวที่ป่วยแล้วกล่าว “ยื่นมือขวาออกมา แล้วดูภาพวาดบนยันต์จากนั้นก็วาดตาม จนวาดภาพยันต์เสร็จ อาการป่วยของคุณก็จะหายไป!”
ในตอนนี้ น้าสามของพัคซุงวูก็เริ่มจินตการตาม ย่อมทำตามท่าทางที่เย่เฉินชี้แนะ
แล้วตรงบริเวณด้านหน้าของน้าสามของพัคซุงวูก็ปรากฏภาพที่อบอุ่นใจ…
“แม่หนูน้อย โอ้ย เด็กน้อยที่น่ารัก ให้คุณย่ากอดหน่อย”
“ย่าจะสอนหลานปั่นจักรยาน ย่าสอนหลานว่ายน้ำดีไหม?”
ในภาพจินตนาการนั้น น้าสามของพัคซุงวูนั้นไม่ได้นั่งรถเข็น แต่ยืนบนพื้นหญ้า วิ่งบนพื้นหญ้าอย่างร่าเริง ว่ายน้ำอยู่ในแม่น้ำสีเขียวมรกต ข้างกายของหล่อนก็มีเด็กหญิงหน้าตาน่ารัก
จู้โหยวซู่ทำให้คนป่วยเกิดภาพหลอน ส่วนในภาพหลอนที่เกิดขึ้นในจินตนาการ เป็นภาพที่ผู้ป่วยอยากเห็นที่สุดในส่วนที่ลึกที่สุดของใจ
น้าสามของพัคซุงวูปวดหัวบ่อยๆ ไม่มีสติ นั่งบนรถเข็น ไม่มีแรงจะอยู่เป็นเพื่อนหลานสาวตนเอง
ในใจของหล่อนเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังว่าตนเองจะแข็งแรง แล้วสามารถเล่นเกมและออกกำลังกายนอกบ้านได้กับหลานสาวได้มากขึ้น
แล้วใบหน้าของน้าสามของพัคซุงวูระบายยิ้ม!
“น้าสามยิ้มแล้ว! คิดไม่ถึงว่าหล่อนจะยิ้มแล้ว!”
พัคซุงวูมองใบหน้าของน้าสามด้วยใบหน้าตกใจ
เขายังจำตอนที่น้าสามสาวๆ ได้ ผู้เป็นน้ารักเขาอย่างมาก แต่ตั้งแต่เมื่อหกปีก่อนหลังจากที่น้าสาวของเขาป่วย เขาก็ยังไม่เคยเห็นน้ายิ้มมาก่อน
ในวินาทีนี้พัคซุงวูก็ตื่นเต้นอย่างมาก!
“ระดับทางการแพทย์ของตระกูลเย่ร้ายกาจอย่างมากจริงๆ!”
และในเวลานี้เองเพราะ ‘พลังภายใน’ ของเย่เฉิน ทำให้ภายในห้องลอยคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายเทพ
เย่เฉินกล่าวเตือน “วาดยันต์ต่อ วาดจบแล้ว อาการป่วยของคุณจะหายเอง!”
น้าสามของพัคซุงวูทำตามที่เย่เฉินพูด แล้วไม่หยุดวาดรูปยันต์กลางอากาศ หล่อนก็เห็นภาพวาดที่เป็นรูปเป็นร่างและมีสีสันกลางอากาศ ก็ตกตะลึงอย่างมาก รู้สึกว่าตนเองได้หมอเทวดามาช่วยเหลือ!
“อาการป่วยของฉันจะหายแล้ว!”
ผู้หญิงคนนั้นวาดรูปยันต์เสร็จอย่างรวดเร็ว รูปวาดกลางอากาศก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวของกระดาษยันต์สีเหลือง หลังจากนั้นเพียงวินาทีเดียวไฟลุกพรึ่บ ทุกอย่างสลายหายไปทั้งหมด
และในเวลานี้เอง เย่เฉินก็ชักมือขวากลับ
“โอ้ย!”
น้าสามของพัคซุงวูกรีดร้องเสียงดัง แล้วเจ้าหล่อนก็ลุกขึ้นจากรถเข็น!
“น้าสาม คุณน้าเป็นอะไรไปครับ!”
พัคซุงวูรีบร้อนเดินไปแระคองแขนน้าสาม เพราะกลัวว่าเจ้าหล่อนจะล้มลง
ทว่าน้าสามของพัคซุงวูกลับดูมีชีวิตชีวา “ซุงวู น้าหายแล้ว! น้าได้หมอที่หลานจ้างมารักษา! น้ารู้สึกว่าน้ามีเรี่ยวแรง น้ารู้สึกว่าน้าจะบินได้แล้ว!”
พัคซุงวูพูดไม่ออกแล้วกล่าว “น้าสาม น้าไม่รู้สึกปวดหัวเลยเหรอครับ? อาการปวดหัวหายไปเป็นปลิดทิ้งไปเลยใช่ไหม?”
น้าสามของพัคซุงวูพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว หลานรัก น้าหายปวดหัวแล้ว ไม่ปวดเลยสักนิดเดียว! ตอนนี้น้ากกำลังเล่นกับจิ่วจิ่ว พาหล่อนขับรถจักรยาน น้าจะไปเล่นเกมกับหลานรักของน้า!”
พัคซุงวูมองเห็นใบหน้าดีใจของน้าสาม เขาก็ดีใจแทนหล่อนแล้วหันไปสั่ง “รีบไปส่งน้าสมฉันกลับบ้านเร็วๆ!”
พัคซุงวูหันมองเย่เฉินอย่างตื่นตกใจ “ทักษะการแพทย์ของตระกูลเย่นี่สุดยอดจริงๆ! ตระกูลพัคเรายังไม่สามารถรักษาอาการปวดหัวได้เลย คิดไม่ถึงว่าในระยะเวลาสั้นๆ แบบนี้จะรักษาอาการป่วยของน้าสามได้จนหาย! เมื่อกี้นายใช้วิธีทำอะไรไป?”
เย่เฉินกล่าว “แพทย์แผนจีน”
พัคซุงวูกล่าว “พ่อของฉันเดาถูกแล้วว่าหลายสิบปีมานี้ของพวกนายสนใจวิจัยในการแพทย์แผนจีน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าแพทย์แผนจีนของพวกนายจะมีวิวัฒนาการที่สุดยอดขนาดนี้!”
เย่เฉินรู้สึกสบายใจไม่น้อยเมื่อได้ยินคำชมมของพัคซุงวู
ไอ้คนบ้า ในที่สุดแกก็ไม่ดูถุกตระกูลเย่แล้ว!
เย่เฉินกล่าว “พูดไร้สาระให้มันน้อยๆ หน่อย ในเมื่อฉันพนันชนะนายแล้ว รักษาอาการป่วยของน้าสามของนายจนหายแล้ว ยอมรับความพ่ายแพ้เถอะ เข้าเกมเลย!”
สีหน้าพัคซุงวูไม่สู้ดีนัก ลอบด่าในใจ “คนแซ่เย่คนนี้ นี่เจ้าคิดเจ้าแค้นจริงๆ ถ้ารู้ว่าเขาไม่ได้รังแกง่ายๆ แบบพี่ชายคนโตของเขาล่ะก็ วันนั้นฉันคงไม่ชนเขาแล้ว!”
เห็นพัคซุงวูยืนนิ่ง เย่เฉินจึงถาม “ว่าไง? คุณชายสามของตระกูลพัคนี่คงจะไม่ผิดคำพูดหรอกมั้ง”
พัคซุงวูรีบกล่าว “เหลวไหล! คนตระกูลพัคเรารักษาคำพูด! ได้ ฉันจะเข้าเกมเป็นเพื่อนแก!”
พัคซุงวูเรียกคนส่งแว่นตา VR ให้ เย่เฉินเองก็ให้โดรนที่อยู่ด้านนอกส่งแว่นตา VR ของตนเองมาให้เขาเช่นกัน
แล้วทั้งสองคนก็สวมแว่นตา VR เข้าเกมไปพร้อมกันอย่างรวดเร็ว
เย่เฉินอยากจะล้างอายก่อนนี้อย่างมาก “ที่นี่มีรถสองคัน รีบขึ้นรถเถอะ!”
พัคซุงวูกับพูด “ไม่ได้!”
เย่เฉิน “จะเบี้ยวเหรอ?”
พัคซุงวูตอบ “ฉันไม่ได้จะเบี้ยว แต่ฉันมีเงื่อนไขหนึ่งข้อ ถ้าเกิดว่าเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลสมิตซ์ของสวิสเซอร์แลนด์อยู่ในเกมล่ะก็ ฉันจะไม่ยอมให้นายชนฉัน! ก่อนจะโดนชนขอฉันตรวจสอบก่อนว่าเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ของฉันอยู่ในเกมไหม”