เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 594 เจอกับซ่งหงเย่อีกครั้ง!
ตอนที่ 594 เจอกับซ่งหงเย่อีกครั้ง!
เย่เฉินนึกถึงคำพูดของพัคซุงวู เดี๋ยวอีกสองเดือนในงานประชุมของทั้งแปดตระกูล ตระกูลเย่ก็จะโดนตัดออกจากตระกูลทั้งแปด
ทันทีที่เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ สำหรับตระกูลเย่แล้วสามารถเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดภัยพิบัติแน่ๆ!
นี่ไม่ใช่เพียงแค่การตกต่ำของตระกูล แล้วจะไม่มีใครคบหาเท่านั้น
ตระกูลเย่ในตอนนี้ ล้วนแต่มีเทคโนโลยีที่ก้าวนำโลกไปหลายสิบปี รวมถึงเรื่องทางทหารด้วย!
เปลี่ยนคำพูดก็คือ ตระกูลเย่ รวมไปถึงประเทศแม่ของพวกเขา ทันทีที่ร่วมมือกัน โลกทั้งใบไม่ใช่แค่ล่มสลาย หรือว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะไม่เหลือ!
ตระกูลอื่นๆ ไม่มีทางปล่อยผ่านภัยคุกคามที่ตระกูลเย่ซุกซ่อนเอาไว้!
ดังนั้นทันทีที่ตระกูลเย่โดนขับออกจากหนึ่งในตระกูลลึกลับ พอจนตอนนั้นแล้วทุกคนในตระกูลเย่ก็จะไม่รอด!
ดังนั้นวิธีการกำจัดภัยคุกคามที่ดีที่สุด เป็นไปได้มากว่าจะทำให้คนทั้งตระกูลเย่ตาย!
“สองเดือนหลังจากนี้ ตระกูลเย่จะต้องโดนพวกเขาที่เหลือตัดทิ้งไม่ได้ ไม่อย่างนั้นทุกคนในตระกูลเราจะต้องตกที่นั่งลำบากแน่! แต่ว่านอกเสียจากว่าจะมีเทพธิดาคนใหม่ปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆ ไม่อย่างนั้นคนทั่วไปอย่างเราไม่ว่าพยายามอย่างไรก็ไม่มีทางทำให้เราตามพวกตระกูลทั้งเจ็ดที่เหลือได้ทันแน่นอน”
ในใจของเย่เฉินรู้สึกไม่ค่อยดีนัก ส่วนตัวเย่เฉินเองก็เหม่อลอย แล้วเครื่องบินก็มาจอดที่เมืองหลวงอย่างรวดเร็ว
เย่เฉินให้ชิงหลงส่งยากับซูหลานไปที่อังกฤษ ส่วนตัวเองนั่งรถของอี้หัว แล้วตรงดิ่งไปที่วิลล่าใหม่ในเมืองหลวงที่ซีซาน
“ภรรยาสุดที่รักทั้งสอง ผมกลับมาแล้ว!”
เย่เฉินเดินเข้าไปในเมืองหลวง แล้วถึงได้พบว่าซูมู่ชิงกับฉินหงเหยียนกำลังกินข้าวด้วยกัน จึงเดินมาดู ก็พบว่าเป็นปูตัวใหญ่ และกุ้งล็อบสเตอร์และปลาแซลมอน อกีทั้งอาหารทุกจานยังทำไดน่ารับประทานอย่างมาก แค่ดูก็รู้เลยว่าเป็นฝีมือของฉินหงเหยียน
“ดีนี่ ผมไม่อยู่ แต่พวกคุณสองคนแอบกินซีฟู้ดกันแล้วไม่ยอมเรียกผมด้วย!”
เย่เฉินแกล้วโวยวาย แค่จริงๆ แล้วเขาดีใจอย่างมากที่ภรรยาสองคนของตัวเองเข้ากันได้ดี ถึงกับลงมือทำอาหารกินด้วยกัน
ฉินหงเหยียนกล่าว “คุณยังจะพูดอีก โทรหาแล้วก็ไม่รับ ส่งวีแชทไปก็ไม่ตอบ”
ซูมู่ชิงรู้ว่าเย่เฉินไปทำเรื่องสำคัญที่เกาหลี จึงถาม “ที่รักคะ เป็นยังไงบ้างคะ เรื่องเรียบร้อยไหมคะ?”
เย่เฉินพยักหน้ารับ เขาจุมพิตซูมู่ชิงหนึ่งฟอด “ครับ เรียบร้อยแล้ว”
ฉินหงเหยียนเม้มปาก หล่อนโกรธนิดหน่อยแล้วกล่าว “เราสองคนเป็นภรรรยาของคุณนะ ทำไมหอมแค่คนเดียวล่ะ”
เย่เฉินกล่าวพลางระบายยิ้ม “ฮ่าๆ ผมไม่มีทางปล่อยคุณไปหรอก! ไม่ได้เจอคุณตั้งนาน ผมล่ะคิดถึงคุณจะตายแล้ว”
เย่เฉินเองก็ชดเชยให้ฉินหงเหยียน
หลังจากนั้นเย่เฉินก็ทรุดตัวนั่งลง ซูมู่ชิงและฉินหงเหยียนต่างก็แกะเปลือกกุ้งให้เย่เฉินและคีบอาหารให้เขา เย่เฉินก็นั่งกินนิ่งๆ โดยไม่ต้องทำอะไร
“สวรรค์ ผมมีความสุขเกินไปแล้ว”
เย่เฉินพอใจอย่างมาก
ซูมู่ชิงกล่าวพลางระบายยิ้ม “รู้ก็ดี จริงสิ ที่รัก ฉันเพิ่งคุยกับพี่หงเหยียนเมื่อกี้นี้ แล้วก็พบว่ามีอีกหลายที่เลยในเมืองหลวงที่พี่เขาไม่เคยไป ฉันอยากจะพาหล่อนเที่ยวให้ทั่วเมืองหลวง คุณไปเป็นเพื่อนพวกเราดีไหม?”
เย่เฉินกล่าวพลางระบายยิ้ม “สามคนเหรอ ได้สิ ไปกันพรุ่งนี้เช้าเลย ไปไหนดี?”
ฉินหงเหยียนกล่าว “กำแพงเมืองจีน!”
……
วันต่อมา เย่เฉิน ซูมู่ชิงและฉินหงเหยียน ก็ขับรถไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนแต่เช้า
เย่เฉินเองก็ไม่คิดไม่ถึงว่าฉินหงเหยียนที่เคยมาเมืองหลวงหลายครั้ง แต่กลับไม่เคยมาเที่ยวกำแพงเมืองจีนเลย
ความจริงแล้วอย่าว่าแต่ฉินหงเหยียนที่เป็นคนทางใต้ไม่เคยไปเลย คนในเมืองหลวงก็อาจจะไม่เคยไปก็ได้
เหมือนอย่างที่คนมองโกลที่ไม่เคยไปเที่ยวในทะเลทราย ไม่ใช่ว่าคนที่อยู่ใกล้ๆ จะต้องเคยไปเสียหมดทุกที่
“ที่รัก คุณรีบถ่ายรูปให้พวกเราเร็ว!”
ฉินหงเหยียนยัดกล้องใส่มือเย่ฉิน
มาถ่ายรูปที่กำแพงเมืองจีน สิ่งที่เป็นส่วนสำคัญที่สุดก็คือกำแพงเมือง ทำให้อยากจะถ่ายภากำแพงเมืองและท้องฟ้า รวมไปถึงทิวทัศน์เอาไว้ให้หมด
เย่เฉินกดถ่ายภาพอีกหลายใบ แต่ซูมู่ชิงและฉินหงเหยียนเองก็ไม่พอใจกับผลงานการถ่ายภาพนัก…
ในตอนที่เย่เฉินตัดสินใจว่าจะต้องถ่ายภาพที่ภรรยาสองคนของเขาจะต้องพอใจให้ได้นั้น เขาก็เหลือบไปเห็นคนผู้หนึ่ง
“พ่อคะ แม่คะ ทุกคนยืนตรงนี้สิ หนูจะถ่ายรูปให้พ่อกับแม่เอง!”
น้ำเสียงที่คุ้นเคย และแผ่นหลังที่แสนจะคุ้นตา
เย่เฉินอดเดินไปดูไม่ได้ แล้วถึงได้พบว่าเป็นคนเคยๆ !
หล่อนก็คือซ่งหงเย่เพื่อนสนิทของหวังเจียเหยา ที่คอยวางแผนอะไรล้านแปดให้หล่อน!
ซ่งหงเย่เองก็หยิบกล้องออกมา แล้วหันไปถ่ายรูปสามีภรรยาที่แก่ชราคู่หนึ่ง
คนชราคู่นี้ดูจากอายุแล้วดูเหมือนว่าจะเป็นช่วงอายุของพ่อแม่ของซ่งหงเย่พอดี
แต่ว่าจากร่างกายและหน้าตาแล้ว พวกเขาสองคนหน้าตาไม่เหมือนกับซ่งหงเย่เลยสักนิด
ซ่งหงเย่ตัวเล็กจิ๋ว สูงแต่ 161 ซม. เท่านั้น อีกทั้งยังผอมบาง น้ำหนักน่าจะไม่ถึง 50 กก.ด้วยซ้ำไป
คนแก่คู่นี้ ฝ่ายชายสูง 180 ซม. ฝ่ายผู้หญิงเองก็น่าจะสูง 170 ซม. อีกทั้งยังตัวอ้วนฉุ!
แชะ!
ซ่งหงเย่ถ่ายรูปให้คนแก่สองคน แล้วยังคล้องแขนพวกเขาสองคนแล้วเดินต่อไปข้างหน้า
หลังจากนั้นซ่งหงเย่ก็ชนเข้ากับเย่เฉินอย่างจัง
“เย่…เย่เฉินเหรอ?”
ซ่งหงเย่เองก็คาดไม่ถึงว่าจะมาเจอเย่เฉินที่นี่
“คุณฉิน คุณหนูซู”
ซ่งหงเย่เห็นฉินหงเหยียนและซูมู่ชิงเองก็ทักทายพวกหล่อนอย่างเคารพนับถือ
เดิมที่เย่เฉินเองไม่อยากจะสนใจผู้หญิงคนนี้ เพราะว่าเย่เฉินเอาแต่รู้สึกว่าที่หวังเจียเหยากลายเป็นคนไม่ดี เป็นเพราะฝีมือของหล่อน
ถ้าไม่ใช่เพราะต้นแบบอย่างหล่อน ที่เอาแต่มีชู้ในระหว่างที่แต่งงาน หลังจากนั้นก็แสดงละครเป็นคนรักสามีที่สมบูรณ์แบบให้อีกฝ่ายเห็น
หวังเจียเหยาอาจจะไม่ไปเปิดห้องกับฟางเชา
แต่ว่าเย่เฉินสงสัยเรื่องซ่งหงเย่แล้วกล่าวถาม “ซ่งหงเย่ คุณ…มาเที่ยวเหรอ?”
จากที่เย่เฉินรู้จักซ่งหงเย่มา หล่อนน่าจะเคยเที่ยวตามสถานที่ในประเทศพวกนี้มาหมดแล้ว
กำแพงเมืองจีนมีอะไรน่าสนุกอย่างนั้นเหรอ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งแล้วก็ไม่น่าจะน่าสนใจนักหรอก
นอกเสียจากว่าพาพ่อพาแม่ตัวเองมา
ซ่งหงเย่พยักหน้ารับ “ค่ะ”
เย่เฉินหันมองคนแก่สองคนข้างๆ หล่อนอีกครั้งแล้วถาม “พวกเขาคือ…พ่อแม่ของคุณเหรอ?”
ถึงแม้ว่าจะรู้จักกันมาสามปีกว่า เย่เฉินก็ยังไม่เคยเห็นพ่อแม่ของซ่งหงเย่สักที
ใบหน้าซ่งหงเย่ฉายแววลังเล หลังจากนั้นก็กล่าว “ใช่แล้วค่ะ พวกเขาคือพ่อแม่ของฉันเอง”
คนแก่คู่นั้นเองก็ระบายยิ้มเต็มใบหน้า ไม่ได้ปฏิเสธอะไร
“เอ่อ… คุณเย่ เวลาของคุณล้ำค่า ฉันไม่รบกวนพวกคุณดีกว่า ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
ซ่งหงเย่เหมือนตั้งใจจะเลี่ยงเย่เฉิน ไม่กล้าคุยกับเขาต่อ
“รอก่อน!”
ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็เรียกซ่งหงเย่เอาไว้แล้วกล่าว “ขอโทษด้วยนะ ขอโทษที่ผมสงสัยนะ ผมแปลกใจนิดหน่อย พ่อแม่ของคุณตัวใหญ่ขนาดนี้ ทำไมคุณตัวเล็กนิดเดียวล่ะ? พวกเขาดูแล้วไม่เหมือนพ่อแม่ของคุณเลยนะ แต่กลับเหมือนพ่อแม่ของอดีตสามีคุณต่างหาก!”
เจิ้งปินอดีตสามีของซ่งหงเย่เป็นคนที่ทั้งสูงทั้งอ้วนพอดี ดูเหมือนจะเป็นทายาทของสองสามีภรรยาชราคู่นั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบพอดี
คนแก่ทั้งสองคนต่างก็ระบายยิ้มออกมา “ฮ่าๆ ใช่แล้ว เราก็คือพ่อแม่ของเจิ้งปิน หงเย่เป็นภรรยาของลูกชายเรา ต้องเรียกพ่อแม่อยู่แล้วใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆ”
เย่เฉินชะงักไปทันที “คบหากันเหรอ? พวกคุณหย่ากันแล้วไม่ใชเหรอ? หรือว่าไม่ได้บอกพ่อแม่เขาเลยเหรอ?”
ซ่งหงเย่ระบายยิ้มแล้วกล่าว “เอ่อ คุณเย่ คุณคงยุ่งมากนัก ทุกๆ วันมีเรื่องมากมายให้คุณต้องกังวลใจ อย่าสนใจชีวิตคนธรรมดาๆ อย่างเราๆ ได้ไหมล่ะ?”
เย่เฉินกล่าว “ไม่ วันนี้ผมจะต้องรู้เรื่องจริงให้ได้!”