เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 595 ซ่งหงเย่กลับมาแต่งงานอีกรอบ!
- Home
- เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
- ตอนที่ 595 ซ่งหงเย่กลับมาแต่งงานอีกรอบ!
ตอนที่ 595 ซ่งหงเย่กลับมาแต่งงานอีกรอบ!
สำหรับเย่เฉินแล้วซ่งหงเย่เป็นคนที่ไม่ได้สำคัญอะไร
ตอนนี้ขนาดเรื่องส่วนของหวังเจียเหยา เย่เฉินเองยังคร้านจะอยากรู้ แล้วยิ่งไม่อยากจะสนใจเรื่องของซ่งหงเย่เพื่อนสนิทของหล่อน
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ตระกูลเย่กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ความสนใจทั้งหมดของเย่เฉินล้วนแต่จดจ่ออยู่ที่เรื่องจะช่วยตระกูลเย่ จะมีแก่ใจไปคิดเรื่องอื่นได้ยังไง?
แต่ว่าชีวิตส่วนตัวของซ่งหงเย่นั้นจะให้พูดกันตรงๆ ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างซ่งหงเย่กับเจิ้งปิน ซึ่งส่งผลอย่างมากกับเย่เฉิน!
เห็นเย่เฉินทำหน้าเคร่งเครียด ฉินหงเหยียนจึงเดินเข้ามาถามเย่เฉิน “ที่รัก เป็นอะไรไป?”
เมื่อปีก่อนตอนที่ซ่งหงเย่หย่ากับเจิ้งปิน เย่เฉินและฉินหงเหยียนยังนัดเจิ้งปินมากินข้าว ทำให้หญิงสาวเองก็รู้เรื่องของทั้งสองคนนั้นเป็นอย่างดี
เย่เฉินพูดกับซ่งหงเย่ว่า “คุณตามผมมา ผมมีเรื่องจะถาม!”
เย่เฉินไม่อยากจะถามเรื่องนี้ต่อหน้าพ่อแม่ของเจิ้งปิน อย่างไรเสียพ่อแม่ของฝ่ายชายบางทีอาจจะไม่รู้เรื่องที่ลูกสะใภ้คนดีแอบมีชู้ตอนที่ยังเป็นภรรยาของลูกชายพวกเชาด้วยซ้ำ
ถือได้ว่าเย่เฉินได้ไว้หน้าซ่งหงเย่
เย่เฉินลากซ่งหงเย่ไปอีกฝั่งแล้วถาม “ซ่งหงเย่ คุณบอกผมมาตามตรงเลยนะ เรื่องของคุณกับเจิ้งปินเป็นอะไรกันแน่? ทำไมคุณถึงยังพาพ่อแม่เขามาเที่ยวด้วยทั้งๆ ที่หย่ากันไปแล้ว?”
ซ่งหงเย่รู้ว่าเย่เฉินเป็นคนสูงส่ง ไม่ใช่คนที่ชาวบ้านตาดำอย่างหล่อนจะล่วงเกินเขาได้ จึงทำได้เพียงตอบอีกฝ่ายตามความเป็นจริง
“ฉันกับเจิ้งปิน… แต่งงานกันอีกรอบแล้วล่ะค่ะ…”
“แต่งงานใหม่เหรอ? พวกคุณกลับมาคบกันแล้วเหรอ?”
หลังจากที่เย่เฉินได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ
เย่เฉินถามอย่างสงสัย “ทำไมเจิ้งปินถึงได้ยอมแต่งงานกับคุณอีกรอบล่ะ! ซ่งหงเย่ผู้หญิงแพศยามีชู้อย่างคุณใช้ลูกไม้อะไรกันแน่!”
ซ่งหงเย่ทำท่าทีตกใจราวเจ้าหล่อนบริสุทธิ์ “คุณเย่คะ ฉันเปล่านะนะ เราแต่งงานกันมาสามปี อยู่ด้วยกันมาตั้งสามปีเลยนะคะ ระหว่างเรามันก็มความผูกพันอยู่นะคะ นอกจากครั้งที่เขาจับชู้ได้วันนั้น ช่วงเวลาอื่นๆ ในการแต่งงานของเรา เรามีความสุขกันมากนะคะ ไม่เคยทะเลาะกันเลยด้วยซ้ำ”
เย่เฉินแค่นเสียง “นั่นเพราะคุณแสดงเกง! คุณมีชู้ คุณทำผิดต่อสามีตัวเอง คุณก็ละอายใจอยู่แล้ว จะไปกล้าทะเลาะกับเขาได้ยังไง! วันๆ คุณก็ปั่นหัวเขา ต่อให้เขามีความสุขก็เถอะ คุณคิดว่าเป็นเพราะคุณหวังดีกับเขาหรือยังไงฒ”
จำต้องยอมรับว่าซ่งหงเย่เป็นผู้หญิงที่ฉลาดหลักแหลมมากทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องการแต่งงานเจ้าหล่อนเก่งกว่าหวังเจียเหยามากนัก
หวังเจียเหยาสวยเกินไป มีคนมาเอาอกเอาใจหล่อนมาก เลยเย่อหยิ่งใส่ทุกคน
แต่ซ่งหงเย่หน้าตาสวยสู้เจ้าหล่อนไม่ได้ ทำให้เอาอกเอาใจคนอื่นเก่งกว่าอีกฝ่าย รู้ว่าจะต้องเอาอกเอาใจผู้ชายอย่างไร และยินดีที่จะทำในสิ่งที่ผู้หญิงเย่อหยิ่งพวกนั้นไม่อยากทำ
ซ่งหงเย่กล่าวต่ออย่างเก้ออเขิน “คุณเย่ ฉันรักเขาจริงๆ นะคะ ช่วงที่เราแยกกันอยู่ ฉันก็พบว่าเราอยู่ไม่ได้หรอกค่ะถ้าไม่มีอีกคน คุณเย่คะ ช่วยเห็นแก่ที่เราเองก็ถือว่ารู้จักกันปล่อยให้เรามีความสุขกันเถอะนะคะ คนโบราณว่าเอาไว้รื้อวัดสิบแห่งยังดีกว่าทำลายชีวิตแต่งงานคนอื่น…”
เย่เฉินโบกมือเป็นพัลวัน “พอเถอะ ผมไม่อยากฟังคุณพูดเรื่องพวกนี้”
เย่เฉินพูดพลางหยิบมือถือออกมา เขาเคยบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของเจิ้งปินเอาไว้ หลังจากหาเจอเขาก็กดโทรอกไปทันที
เขาต้องถามด้วยตัวเองว่าเจิ้งปินจะพูดยังไงกันแน่
“ฮัลโหล เจิ้งปินหรือเปล่า? ผมเย่เฉินนะ”
เจิ้งปินที่อยู่ปลายสายได้ยินเสียงเย่เฉิน ก็ดีใจอย่างมาก
“อ้าวคุณเย่! คิดไม่ถึงว่าคุณจะโทรหาผมนะครับเนี่ย! คุณเย่มีอะไรหรือเปล่า?”
เย่เฉินกล่าว “ผมขอถามคุณหน่อยสิ คุณกลับมาแต่งงานกับซ่งหงเย่แล้วเหรอ?”
เจิ้งปินอุทานออกมาอย่างตกใจ “อืม เราเพิ่งจะจดทะเบียนกันเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง คุณเย่รู้ได้ยังไงครับเนี่ย?”
เย่เฉินกล่าวอย่าไม่พอใจ “ทำไมคุณยังจะไปคบหากับคนแบบนั้นอีกครั้บเนี่ย! ตอนนั้นคุณกลับไปถึงบ้านก็เห็นเองกับตาแล้วนี่ว่าหล่อนมีชู้น่ะ! ในระหว่างที่แต่งงานกับคุณไม่รู้ว่าหล่อนนอนกับผู้ชายไปกี่คนแล้ว ทำไมคุณถึงยอมรับผู้หญิงแบบนี้ได้ล่ะ? ไม่คิดว่าหล่อนสกปรกเหรอ?!”
เจิ้งปินเองก็มีท่าทีลำบากใจ “ตอนนั้นผมโกรธมากจริงๆ นั่นแหละ แล้วก็เสียใจมากด้วย หลังจากที่หย่ากันแล้ว ผมก็เสียใจอยู่หลายเดือน ผมเอารถไปชนบนทางด่วนเพราะเมาแล้วขับรถจนเกือบตาย แต่หลังจากที่หย่ากันไป หงเย่ก็ส่งวีแชทมาขอโทษผม ขอร้องให้ผมให้อภัยอยู่ทุกวัน ผมก็ค่อยๆ ใจอ่อน ก็เลยให้อภัยหล่อนไป…”
เย่เฉินพูดไม่ออก ตอนนั้นที่เขากลับไปแต่งงานกับหวังเจียเหยาใหม่นั้นเพราะจำใจ เป็นเพราะก่อนจะตายคุณย่าน้อยของหล่อนบังคับให้เขาให้สัญญา เย่เฉินไม่อยากให้คนแก่ คนแก่ที่เคยมีบุญคุณกับเขาต้องจากไปโดยยังมีเรื่องค้างคาในใจ
ดังนั้นเขาถึงได้ยอมรับปาก ไม่หย่ากับหวังเจียเหยา
อีกทั้งตอนนั้นเย่เฉินก็ไม่มีหลักฐานว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้างระหว่างหวังเจียเหยากับฟางเชา
แต่ว่าเรื่องของเจิ้งปินมันไม่เหมือนกับเขา เขาเห็นเองกับตาว่าซ่งหงเย่นอกใจเขา!
แล้วทำไมเขาถึงได้ให้อภัยซ่งหงเย่ได้นะ?
เย่เฉินกล่าว “นอกใจมีชู้น่ะมันมีแค่ครั้งเดียวกับนับครั้งไม่ถ้วน วันนี้คุณให้อภัยหล่อน หรือคุณไม่กลัวเหรอว่าต่อไปในอนาคตหล่อนจะสวมเขาให้คุณอีกน่ะ?”
ซ่งหงเย่ที่อยู่ข้างๆ หล่อนก็รีบเขย่าแขนเย่เฉินแล้วอ้อนวอนเขา “คุณเย่ พี่เย่เฉิน คุณชายเย่ ฉันขอรับปากกับคุณเลยนะคะว่าฉันจะไม่มีทางสวมเขาให้เจิ้งปินเด็ดขาด!”
เย่เฉินสะบัดแขนซ่งหงเย่แล้วเดินหนี จะสวมเขาให้สามีคุณหรือไม่มารับรองอะไรกับผม!
เจิ้งปินที่อยู่ปลายสายกล่าว “แต่ว่าถ้าให้ผมต้องแต่งงานกับสาวน้อยหน้าตาสะสวย ก็แน่ใจไม่ได้อยู่ดีว่าหล่อนจะไม่นอกใจผมนี่จริงไหม? คุณเย่ครับ ผมไม่เหมือนคุณนะที่ทั้งรวยทั้งหล่อ ผมน่ะมันทั้งอ้วนทั้งอัปลักษณ์ ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบผมจากใจจริงหรอก หลายปีมานี้ที่จริงแล้วหงเย่เองก็ดีกับผมมาก อีกทั้งหล่อนก็รับปากผมแล้วด้วยว่าต่อไปจะไม่ไปเจอกับผู้ชายแปลกหน้า แถมยังรับปากผมว่าจะมาทำงานที่บริษัทของผม ต่อไปก็จะไปทำงานต่างจังหวัดด้วยกัน”
เย่เฉินอยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็อ้ำอึ้ง “ผมไม่มีอะไรจะพูด!”
เย่เฉินกดตัดสายไปอย่างไม่พอใจ ในเมื่อเจิ้งปินที่เป็นสามีของหล่อนยังพูดแบบนี้ เขาที่เป็นคนนอกพูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
พูดมากไปก็กลัวจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดคิดว่าเย่เฉินคิดจะแย่งภรรยาเขาไปอีก
ในตอนนี้ หงเย่ทรุดตัวคุกเข่าลงตรงหน้าเย่เฉิน หัวเข่าขาวนวลเนียนนี้สัมผัสอยู่บนบันไดหินที่ขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ อย่างไม่กลัวจะบาดเจ็บสักนิด
ซ่งหงเย่กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้น
“พี่เย่เฉิน ฉันขอร้องพี่ล่ะนคะ ได้โปรดอย่าแยกฉันกับสามีของฉันเลย เรารักกันจริงๆ ฉันสาบานเลยว่าต่อไปฉันจะไม่ทำผิดต่อเขาอีกแล้ว ได้โปรดเถอะค่ะ…”
ซ่งหงเย่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ในตอนที่เย่เฉินช่วยเจิ้งปินหย่ากับซ่งหงเย่ เขาเคยบอกเอาไว้ว่าหลังจากที่พวกเขาหย่ากันแล้วเจิ้งปินสามารถไปหาผู้หญิงอายุน้อยๆ หน้าตาสวยๆ ได้ทุกเมื่อ แต่ซ่งหงเย่คิดจะไปหาผู้ชายที่ร่ำรวยอย่างเจิ้งปินแล้วล่ะก็คงจะเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นซ่งหงเย่เป็นคนต้องการชีวิตสมรสนี้มากกว่าเจิ้งปิน!ตอนที่ 596 ผมคือท่านเทพงั้นเหรอ?
และในเวลานี้เอง ฉินหงเหยียนเองก็เดินตามมา เมื่อเห็นซ่งหงเย่ร้องไห้จนน้ำตาไหลอาบน้ำก็ถามเย่เฉิน
“ที่รัก คุณยังโกรธซ่งหงเย่อยู่เหรอ? ทำไมคุณต้องโกรธที่ซ่งหงเย่คืนดีกับเจิ้งปินด้วยล่ะ?”
เย่เฉินจับมือฉินหงเหยียนแล้วกล่าว “คุณไม่เข้าใจ…”
ในตอนนี้เอง เย่เฉินและซ่งหงเย่ตกเป็นเป้าสายตาของคนไม่น้อยแล้ว เขาไม่อยากให้คนถ่ายภาพเขาเอาไว้เลยกล่าวกับซ่งหงเย่
“คุณไปเถอะ ในเมื่อเจิ้งปินเลือกที่จะเชื่อใจคุณ ให้อภัยคุณแล้ว คนนอกอย่างผมพูดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
ซ่งหงเย่รีบร้อนลุกขึ้นมาปาดน้ำตาแล้วกล่าว “ขอบคุณค่ะ เย่เฉิน ขอบคุณที่คุณเป็นห่วงฉันกับเจิ้งปินขนาดนี้ ฉันรู้ว่าคุณยังเห็นเราเป็นเพื่อนอยู่ ต่อไปฉันจะเป็นคนดี หวังว่าในอนาคตเราจะมีโอกาสได้ดื่มด้วยกันบ้างนะ”
ซ่งหงเย่รีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นภาพซ่งหงเย่ยืนอยู่กับพ่อแม่ของเจิ้งปินอย่างมีความสุข เย่เฉินก็ถอนหายใจ
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้”
สำหรับเขาแล้วซ่งหงเย่ไม่ใช่คนสำคัญอะไรเลย ที่เขากังวลในความสัมพันธ์ของหล่อนกับเจิ้งปินนั่นเพราะว่าเมื่อปีก่อนเขาฝันถึงเรื่องบางอย่างซ้ำไปซ้ำมา!
ในฝันของเขานั้นซ่งหงเย่กลับมาคืนดีกับเจิ้งปิน!
“ตอนแรกหวังหยวนหยวนก็ศัลยกรรม ตอนนี้ก็เป็นซ่งหงเย่คืนดีกับเจิ้งปิน คิดไม่ถึงว่าฝันของเราจะเป็นจริง!”
ในตอนที่เย่เฉินฝันนั้น หวังหยวนหยวนยังไม่ได้ทำศัลยกรรม แต่หน้าตาหลังศัลยกรรมของหวังหยวนหยวนเหมือนกับดาราสาวผู้โด่งดังในตอนนี้อย่างหวังเจินอวี่ไม่มีผิดเพี้ยน!
เย่เฉินคิดว่านี่น่าจะเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น
แต่ตอนนี้ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฝันกลับเป็นจริงอีกเรื่องแล้ว!
ซ่งหงเย่กลับมาแต่งงานกับเจิ้งปิน!
ถ้าหากว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในฝันเป็นเรื่องจริงล่ะก็…
“ในฝันเรากับหวังเจียเหยาแต่งงานกัน…”
ในความฝันนั้น เย่เฉินอยู่ในชุดสูท ส่วนหวังเจียเหยาสวมชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ ทั้งสองคนกำลังจัดงานแต่งงานที่ริมทะเลอย่างโรแมนติก!
โดยมีหวังหยวนหยวนที่ศัลยกรรมแล้ว แล้วซ่งหงเย่กับเจิ้งปินที่คืนดีกันแล้วมาร่วมงานแต่งของเขาด้วย
แล้วถ้าฝันนี้เป็นจริงล่ะก็ นั่นจะแปลว่าเขาอาจจะต้องแต่งงานกับหวังเจียเหยาอีกครั้ง!
“เป็นไปไม่ได้! เราไม่มีทางจะแต่งงานกับผู้หญิงแพศยาคนนั้นอีกรอบแน่ๆ!?
เย่เฉินคิดถึงตรงนี้แล้วก็รีบปฏิเสธทันที
“ตอนนี้เรามีภรรยาที่แสนดีอย่างหงเหยียนกับมู่ชิง ต่อให้เราจะละโมบ เจ้าชู้ อยากจะหาเมียอีกคน ฉันก็ยังมีคุณผู้หญิง หล่อนน่าสนใจกว่าหวังเจียเหยาอีก! แล้วถึงจะต้องมีเมียใหม่ ไปหาผู้หญิงคนอื่นก็ไม่มีทางเลือกหวังเจียเหยาแน่ๆ!”
เย่เฉินรู้ดีแก่ใจว่าเขาไม่มีความรู้สึกอะไรหลงเหลือให้หวังเจียเหยาอีกแล้ว!
“แต่ว่า… ถ้าหากว่ามีวันไหนเรื่องนี้เป็นจริงขึ้นมา นั่นจะแปลว่าเรามีความสามารถในการทำนายอนาคตหรือเปล่านะ? เรื่องฝันเห็นอนาคตนี่มันเป็นพลังของเทพหรือเปล่านะ?”
ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็หวนนึกถึงเรื่องระหว่างเทพธิดาและแปดตระกูลที่คุณปู่เชาเคยเล่า
ในตอนนั้นเป็นเพราะเรื่องที่เทพธิดาคนนั้นเห็นในฝันกลายเป็นเรื่องจริง ทำให้ทั้งแปดตระกูลได้รู้ถึงความเก่งกาจของหล่อน ดังนั้นจึงตัดสินใจใช้พลังของหล่อนควบคุมโลกใบนี้
“หรือว่าเราจะเป็น…เทพองค์ใหม่หรือเปล่านะ?”
เย่เฉินตื่นเต้นทันที!
ตอนนี้ตระกูลเย่กำลังตกที่นั่งลำบาก ตระกูลอื่นๆ ที่เหลือก็ดูถูกเหยียดหยามพวกเขา ถ้าหากว่าเย่เฉินเป็นเทพสามารถทำนายอนาคตได้ล่ะก็ จะสามารถช่วยตระกูลได้ และถึงขนาดอยู่เหนือตระกูลอื่นๆ ด้วยซ้ำไป!
จะมีเพียงตระกูลเย่เท่านั้นที่สูงศักดิ์เหนือใครในโลกใบนี้!
แล้วเย่เฉินก็ตกอยู่ในปัญหาทันที!
ขอแค่ฝันของเขากลายเป็นจริงถึงจะมีโอกาสพิสูจน์ว่าเขาเป็นเทพ มีความสามารถพิเศษนี้
แต่ว่าถ้าฝันกลายเป็นจริง ก็จะเท่ากับว่าเขาจะต้องแต่งงานกับหวังเจียเหยาใหม่อีกครั้ง!
นี่ไม่ใช่จุดที่อนาถที่สุด สิ่งที่ทำให้คนเจ็บปวดใจมากที่สุดก็คือเย่เฉินมีอีกความฝันที่ฝันซ้ำไปซ้ำมา!
ในฝันนั้นฉินหงเหยียนโดนยิงเลือดไหลไม่หยุด!
ถ้าหากว่าเย่เฉินมีความสามารถในการล่วงรู้อนาคตก่อนจริงๆ นั่นแปลว่าในอนาคตฉินหงเหยียนอาจจะตาย!!
“ที่รัก เป็นอะไรไปคะ?”
ฉินหงเหยียนเห็นเย่เฉินเหม่อลอยก็เป็นห่วงเขาขึ้นมา
เย่เฉินมองฉินหงเหยียนที่ผอมบางไปกว่าก่อน ก็รั้งหญิงสาวเขาในอ้อมแขนแล้วกอดหล่อนอย่างแนบแน่น
รอบๆ บริเวณมีแต่นักท่องเที่ยวฉินหงเหยียนก็เขินอาย “คุณทำอะไรคะเนี่ย…กลางวันแสกๆ อย่าทำแบบนี้สิ…”
ในใจเย่เฉินเกิดความสับสนอย่างมาก
เขาทั้งไม่อยากจะแต่งงานกับหวังเจียเหยา แล้วก็ไม่อยากให้ฉินหงเหยียนเกิดเรื่อง
“บางทีเราอาจจะคิดมากไปเอง เราจะเป็นเทพได้ไง? เราฝันเห็นหวังหยวนหยวนทำศัลยกรรม นั่นเพราะเรารู้ว่าหล่อนเป็นผู้หญิงที่รักสวยรักงามเป็นเพราะเราวัดเอาจากนิสัยของหล่อน ส่วนเรื่องที่ฝันเห็นสองคนนั้นคืนดีกันก็ด้วยเป็นเพราะเราตัดสินจากนิสัยสองคนนั้น เรามันตัดสินนี่นั่นแม่นอยู่แล้ว”
เป็นเพราะเย่เฉินเก่งเรื่องจิตวิทยาและโจวอี้ เขาเลยคาดเดาอนาคได้อย่างแม่นยำ
นี่อาจไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเป็นเทพไม่เป็นเทพด้วยซ้ำ
นอกเสียจากว่ามีวันหนึ่งที่เย่เฉินคืนดีกับหวังเจียเหยาอีกรอบจริงๆ ไม่อย่างนั้นเย่เฉินไม่มีทางเชื่อว่าตัวเองจะเป็นเทพคนใหม่
“เป็นอะไรไปคะ ที่รัก?”
ซูมู่ชิงก็เดินมาหาเขาแล้วถามอย่างห่วงใย
เย่เฉินระบายยิ้ม ไม่ได้บอกเล่าความกังวลที่เกิดขึ้นในใจของตนเองให้ภรรยาสองคนฟังแต่อย่างใด เพื่อไม่ให้พวกหล่อนต้องฟุ้งซ่าน
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ผมกำลังคิดว่าในเมื่อเราสามคนออกมาเที่ยวด้วยกันแล้ว งั้นเราออกไปเดินดูที่เที่ยวที่อื่นๆ ด้วยดีกว่า เดี๋ยวเดินเที่ยวกำแพงเมืองจีนเสร็จ เราไปแกรนด์แคนยอนกันต่อดีกว่า”
ซูมู่ชิงพยักหน้ารับอย่างดีใจ “ดีค่ะ นานๆ ทีจะได้ออกมาเที่ยว ก็เที่ยวให้เต็มที่ไปเลย แต่จะให้ซือซือรู้ไม่ได้นะว่าเราออกมาเที่ยวกัน ไม่อย่างนั้นถ้าลูกรู้ว่าไม่พาแกมาได้ ลูกโกรธแย่เลย”
“ฮ่าๆ”
……
เช้าวันต่อมา
เย่เฉิน ซูมู่ชิงและฉินหงเหยียนยังคงเที่ยวเตร่กันในแถบชนบทของเมืองหลวง
ทันใดนั้นเองซูมู่ชิงก็ได้รับสายจากซูหมิงเจ๋อพ่อของหล่อน
“มู่ชิง ลูกอยู่ไหน? เป็นอะไรหรือเปล่า?”
ในน้ำเสียงซูหมิงเจ๋อร้อนรนและกระวนกระวายอย่างมาก
ซูมู่ชิงกล่าว “หนูกับเย่เฉินแล้วก็พี่หงเหยียนเที่ยวเล่นกันอยู่ที่แถวชานเมมืองค่ะ หนูไม่เป็นอะไรนะคะ ทำไมถามแบบนี้ล่ะคะ? มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”
ซูหมิงเจ๋อกล่าว “ก็แม่ของลูกน่ะสิเมื่อเช้าโดนคนจับตัวไปแล้ว!”
ซูมู่ชิง “อะไรนะคะ?”
พอรู้ว่าจางเชี่ยนจือโดนจับตัวไป เย่เฉินก็รีบพาภรรยาสองคนของเขากลับบ้าน
เย่เฉินและซูมู่ชิงก็มาถึงบ้านของปู่ซูมู่ชิง
คนตระกูลซูอยู่ที่นี่กันเกือบหมด
ซูมู่ชิงเดินเข้าไปด้านในแล้วถามด้วยใบหน้าร้อนรน “พ่อคะ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมแม่โดนคนจับตัวไปล่ะคะ? แล้วใครจับแม่ไปคะ?”
ซูหมิงเจ๋อส่ายหน้า “เราเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร บอดี้การ์ดที่มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของแม่โดนทุบจนหมดสติไป เขาเห็นแค่ผู้ชายในชุดสูทคนหนึ่งเท่านั้นเอง”
เย่เฉินสาวเท้าเดินไปข้างหน้าแล้วถาม “โดนจับตัวไปที่ไหน? ได้ตรวจกล้องวงจรแล้วหรือยังครับ?”
ด้วยอิทธิพลของตระกูลซูในเมืองหลวง ถึงจางเชี่ยนจือจะโดนจับตัวไปแล้ว ตระกูลซูเองก็น่าจะเจอตำแหน่งของผู้ต้องสงสัยแล้วจับตัวเขาได้แล้ว ไม่น่าจะทำอะไรไม่ได้แบบนี้
ทว่าซูหมิงเจ๋อกลับกล่าวว่า “เช็คกล้องวงจรปิดแล้ว แต่คนพวกนั้นกับเชี่ยนจือกลับหายตัวอย่างประหลาด ตอนนี้อาจจะออกจากเมืองหลวงไปแล้ว!”