เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 600 ประเทศของเรา
ตอนที่ 600 ประเทศของเรา
เย่เฉินงุนงง “อ้าว? คุณหมายความว่ายังไงเหรอเนี่ย?”
หลี่เหว่ยตอบช้าๆ “ถึงแม้ว่าคุณเย่ฉงไห่คุณปู่ของคุณชายจะย้ายไปอังกฤษหลายปีแล้ว แต่ความจริงแล้วท่านเป็นคนจีน และทำเพื่อประเทศอยู่ตลอด ที่จริงหลายปีมานี้คุณปู่ของคุณก็มักจะให้ความช่วยเหลือในท้านเทคโนโลยีต่างๆ กับทางกำลังทหาร เขาเป็นผู้มีพระคุณของชาติเรา!”
เย่เฉินชะงัก แล้วค่อยๆ ครุ่นคิดตามอย่างละเอียด
ในตอนนั้นเทพธิดาช่วยเหลือตระกูลเย่ในทุกเรื่อง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ร่วมไปถึงเรื่องทางทหารด้วย
แต่ว่าตระกูลเย่ก็ไม่ได้มีกองกำลังทหาร ไม่ได้มีอาวุธสงครามอะไร อีกอย่างเรื่องทางทหารต้องใช้การทดสอบจำนวนมาก ต้องการสถานที่และคนที่ค่อนข้างเป็นมืออาชีพ
ถ้าหากว่าเย่เฉินอยากจะพัฒนาในด้านนี้จำต้องมีความร่วมมือกับประเทศต่างๆ
ในฐานะที่ตระกูลเย่เป็นชาวจีน พวกเขาย่อมต้องร่วมมือกับประเทศตัวเอง
และเช่นเดียวกันกับที่ตระกูลพัคจะต้องช่วยเหลือประเทศตัวเองในเรื่องทหารแน่ๆ ส่วนโคโมโตะเองก็น่าจะทำเหมือนกัน
หลี่เหว่ยกล่าว “คุณเย่ครับที่จริงตอนที่คุณเหยียบเท้าเข้าในเมืองหลวง เราก็เจอกันมาแล้ว วันนี้ผมเลยตั้งใจมาบอกคุณก่อน เพื่อห้ามไม่ให้คุณเข้าไปในบ้านบลูเฮ้าส์ อีกอย่างคือมีอะไรจะถามความเห็นของคุณหน่อย”
“ความเห็นอะไรเหรอครับ?” เย่เฉินถามอย่างระแวดระวัง
คิดไม่ถึงว่าหลี่เหว่ยคนนี้จะลอบสังเกตตนเองมานานแล้วแต่เขากลับไม่รู้สึกตัว
สมาคมมังกรหมอบจากประเทศจีนนี้จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด!
หลี่เหว่ยถาม “ถ้าหากว่าในอนาคตที่คุณรับหน้าที่ดูแลตระกูลเย่แล้ว คุณจะช่วยเหลือประเทศเราทางทหารต่ออยู่ไหม?”
ได้ยินคำถามแบบนี้จากหลี่เหว่ย เย่เฉินก็พอจะฟังออกว่าหลี่เหว่ยคนนี้น่าจะรู้เรื่องความลับและศักยภาพของตระกูลเย่มากทีเดียว
อย่างน้อยๆ เขาก็น่าจะรู้ว่าตระกูลเย่มีเทคโนโลยีทางทหารที่ล้ำหน้ากว่าในโลกใบนี้หลายปี
ถึงแม้ว่าเทพธิดาจะตายไป 20 ปีแล้ว แต่ตระกูลเย่ก็ไม่ได้ส่งมอบเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่าโลกทั้งหมดที่ได้มาจากเทพธิดาให้กับประเทศ
ไม่อย่างนั้นตระกูลเย่ในตอนนี้ก็คงจะไม่มีค่าอะไร
แล้วทั้งแปดตระกูลก็จะไม่ได้ควบคุมสถานการณ์ต่างๆ บนโลกใบนี้อีกต่อไป
เย่เฉินเองก็ระมัดระวังอย่างยิ่ง เขาไม่ได้ตอบในทันที เขากล่าวพลางระบายยิ้ม “ทำไมถึงได้ถามเรื่องนี้กับผมล่ะครับ? คุณควรจะไปถามพี่ใหญ่ผมถึงจะถูก ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาคนที่จะสืบทอดกิจการของตระกูลจะเป็นลูกชายคนโตไม่ใช่หรือไง เรื่องในอนาคตของตระกูลเราต้องให้เย่เทียนเป็นคนตัดสินใจต่างหาก”
หลี่เหว่ยยังคงกล่าวด้วยท่าทีตึงเครียด “ก็ที่จริงแล้วเราเคยถามคุณชายเย่เทียนแล้ว แถมไม่ได้ถามเพียงครั้งเดียวด้วย”
“เหรอ? แล้วเขาพูดว่ายังไงล่ะครับ?” เย่เฉินเองก็ประหลาดใจเช่นกัน
หลี่เหว่ยส่ายหน้า “เหมือนว่าคุณเย่เทียนเองไม่ได้ผูกพันกับแผ่นดินแม่มากมายนักหนา เขาไม่ยอมให้คำตอบที่ชัดเจนกับเราสักที เราเลยกังวลว่าถ้าท่านเย่เกิดเป็นอะไรขึ้นมา แล้วคุณเย่เทียนเป็นผู้สืบทอดตระกูลขึ้นมา ประเทศเราจะไม่มีสิทธิ์ได้รับการสนับสนุนทางเทคโนโลยีทางทหารจากตระกูลเย่อีก ซึ่งจุดนี้เราย่อมเสียดายมาก แต่มากไปกว่านั้นคือเรากังวลใจทกังวลว่าตระกูลเย่จะให้ความช่วยเหลือประเทศอื่น ดังนั้นเราจึงอยากให้คุณเป็นหัวหน้าตระกูลมากกว่าเย่เทียน!”
เย่เฉินคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะไม่ยอมรับปากหลี่เหว่ย ก็ไม่รู้ว่าเย่เทียนคิดอะไรอยู่
เย่เฉินหัวเราะแล้วกล่าว “คุณรู้ได้ยังไงครับว่าถ้าหลังจากที่ผมรับช่วงดูแลตระกูลเย่แล้วจะช่วยพวกคุณเหรอ?”
หลี่เหว่ยกล่าว “คุณเป็นถึงหลานเขยของท่านซู ท่านซูเคยพูดเอาไว้ว่าคุณเป็นผู้ชายที่ทั้งซื่อตรงและซื่อสัตย์ แถมยังรักและผูกพันกับประเทศเราอย่างมาก คุณจะต้องยืนอยู่เคียงข้างพวกเราแน่!”
ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็ย้อนนึกถึงเมื่อไม่กี่วันก่อนที่เขาเคยคุยเรื่องพวกนี้กับ ที่แท้อีกฝ่ายก็หลอกถามเขานี่เอง
เย่เฉินพูดอย่างระมัดระวัง “ผมต้องโทรหาคุณปู่ผมก่อน”
เย่เฉินไม่สามารถจะเชื่อคำพูดของคนที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร เรื่องนี้คุณปู่เองก็ไม่เคยบอกเขามาก่อน เขาต้องถามคุณปู่ด้วยตัวเองเท่านั้น
“ฮัลโหล คุณปู่”
“เฉินเอ๋อร์ มีอะไรเหรอ?”
“ผมเจอคนจากสมาคมมังกรหมอบครับ เขาบอกว่าเราคอยให้ความช่วยเหลือประเทศของเราเองอย่างลับๆ เหรอครับ?”
เย่ฉงไห่กล่าวเสียงเนิบๆ “ใช่แล้วล่ะหลานรัก ด้วยโลกตอนนี้เราไม่สามารถพัฒนาแค่เทคโนโลยีและอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ต้องมีกองกำลังทางทหารที่แข็งแกร่งถึงจะมีปากมีเสียงในโลก ดังนั้นเราจำเป็นต้องร่วมมือกับกองทัพของประเทศเรา ตระกูลอื่นๆ ก็เหมือนกัน พวกเขาเองก็ช่วยเหบือประเทศตัวเองทั้งนั้น ความสามารถของกองทัพอเมริกาเนี่ยได้ความช่วยเหลือจากตระกูลลึกลับอย่างจอร์จและรอสช์ไชด์ถึงสองตระกูลเลยนะ! แต่ว่านะหลายปีมานี้ยิ่งประเทศเรามีปากมีเสียงในสมคมโลกเท่าไร เจ็ดตระกูลที่เหลือก็โทษพวกเรา โดยเฉพาะพวกตระพูลพัค แล้วก็ตระกูลจากญี่ปุ่น อเมริกา”
เย่เฉินพอจะฟังออกว่าคนเป็นปู่ไม่ค่อยจะพอใจกับเรื่องนี้มากนักเลยถาม “ดังนั้นที่เราต้องออกจากแผ่นดินเกิดก็เพราะโดนเจ็ดตระกูลอื่นบังคับเหรอครับเนี่ย?”
เย่ฉงไห่ตอบ “ถูกต้อง ในงานประชุมแปดตระกูล พวกเขาตำหนิปู่แบบนี้ ปู่เลยจำใจ จำใจย้ายออกจากแผ่นดินแม่ไปที่อื่น แถมยังต้องตัดขาดกับประเทศตัวเองไปพักใหญ่ๆ เลย บรรดาเหล่าผู้มีอำนาจในประเทศเรานอกจากท่านผู้นั้นแล้วล้วนแต่คิดว่าปู่กอบโกยเงินจากประเทศตัวเองมามากสะใจแล้วก็เลยหอบผ้าผ่อนหนีไป แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเงินที่ปู่ได้มาจากการทำอสังหาพวกนั้น ไม่ได้เศษเสี้ยวของทรัพย์สินที่ตระกูลเย่เรามีด้วยซ้ำไป เงินแค่นั้นไม่อยู่ในสายตาปู่ด้วยซ้ำ”
เย่เฉินถึงได้เข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าทำไมพวกเขาต้องอพยพย้ายถิ่นฐานไปอังกฤษ ทำไมตระกูลเย่ที่ร่ำรวยระดับต้นๆ ของประเทศถึงได้โดนดูถูกและว่าร้าย
ที่จริงแล้วคนพวกนี้ไม่ได้รู้เลยด้วยซ้ำว่าตระกูลของเขาทำอะไรเพื่อประเทศนี้ไปบ้าง!
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องลับสุดยอด พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์จะได้รับรู้!
เย่เฉินกล่าว “คุณปู่ครับ คนจากสมาคมมังกรหมอบถามว่าต่อไปในอนาคตผมจะให้ความช่วยเหลือพวกเขาต่อไหม ผมควรตอบยังไงครับ?”
เย่ฉงไห่กล่าว “หลานก็โตแล้ว อนาคตถ้าหากว่าหลานได้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าตระกูลเย่จริงๆ สิทธิ์ในการตัดสินใจทุกอย่างก็อยู่ที่หลาน ปู่ให้คำแนะนำอะไรไม่ได้หรอกนะ ไม่ว่าจะช่วยหรือไม่ปู่ก็จะเคารพในการตัดสินใจของหลานและของพี่ชายหลานเหมือนกัน”
เย่เฉินนิ่งไปแล้วกล่าว “ครับ ผมรู้แล้วครับ คุณปู่ผมวางก่อนนะครับ”
หลังจากวางสายไปแล้ว เย่เฉินก็ประจันหน้ากับหลี่เหว่ยแล้วกล่าว “หัวหน้าหลี่ ถึงแม้ว่าผมจะเติบโตมาที่เมืองนอกแต่ผมก็ผูกพันกับแผ่นดินเกิด ภรรยาผมสองคนก็เป็นคนจีน ดังนั้นวันนี้ผมบอกคุณได้เลยว่าถ้าหากว่าในอนาคตผมได้ดูแลตระกูลเย่ ผมจะให้ความช่วยเหลือในเรื่องเทคโนโลยีทางทหารให้กับประเทศเราเหมือนทวดและปู่ของผม!”
หลี่เหว่ยได้ยินแล้ว ใบหน้าที่ตึงเครียดก็ปรากฏน้ำตาเอ่อล้นในดวงตาแทน
ด้านหลังของหลี่เหว่ยก็มีชายในชุดลายพรางหลายคนปรากฏตัวขึ้น
“หลี่เหว่ยขอขอบคุณคุณชายแทนคนทั้งประเทศ!”
เย่เฉินชะงักไป “คุณเรียกผมว่าอะไรนะ?”