เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 8 ไม่กล้ายอมรับ
เย่เฉินมองเสี้ยวหน้าที่งดงามของหวังเจียเหยาแต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าวงหน้างามนี้แสนอัปลักษณ์เหลือเกิน!
“ฮ่าๆ คุณเป็นคนนอกใจผมก่อน แล้วมาใส่ความผม แถมไม่พอตอนนี้จะตบตีผมเนี่ยนะ? ช่างเป็นเมียที่แสนดี ผมแต่งกับเมียที่ดีที่สุดในรอบร้อยปีเลยจริงๆ”
โทสะของเย่เฉินทะลุไปถึงขีดสูงสุดแล้ว!
ใครจะรู้ ในเวลานี้เองหวังซ่าวเจี๋ยแย่งไม้วินัยมังกรมาแล้วพุ่งไปหาเย่เฉิน
“ไอ้ลูกหมา กล้าซ้อมฉันเรอะ เดี๋ยวพ่อจะตบให้หน้าแหกเลย!”
หวังซ่าวเจี๋ยพูดพลางฟาดไม้วินัยมังกรลงบนหน้าเย่เฉิน!
เย่เฉินยืนตรงที่เดิมไม่หลบ มือซ้ายคว้าข้อมือของหวังซ่าวเจี๋ยแล้วบิดแขนอีกฝ่าย จนกลายเป็นว่าเขาใช้ไม้วินัยมังกรตบหน้าตัวเอง
เพี้ยะ!
หวังซ่าวเจี๋ยโดนไม้วินัยมังกรในมือตนเองตบเข้าที่หน้าอย่างแรง
ใบหน้าที่เดิมทีแย่จนดูไม่ได้ ตอนนี้บวมหนักกว่าเก่า
ทุกคนที่นั่นต่างตกตะลึง!
เขยที่แต่งเข้ากลับกล้าตบหน้าว่าที่ผู้สืบทอดที่เป็นหลานคนโตหรือนี่?
คุณนายหวังผุดลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธเกรี้ยว “สารเลว! แกยังกล้าแสดงท่าทีไร้มารยาทอีก! รู้ไหมว่าในที่แห่งนี้มีท่านผู้การกี่คน! พวกเขาจับแกแล้วลากแกเข้าคุกได้ตอนนี้เลย!”
เย่เฉินเชื่อว่าคุณนายหวังไม่ได้พูดเกินจริง คนที่คบค้าสมาคมไปมาหาสู่กับตระกูลหวังนั้นไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ล้วนแต่เป็นคนที่มีอำนาจและอิทธิพล
ทว่าเย่เฉินกลับกวาดสายตามองแขกแล้วกล่าว “ผมว่าทุกท่านคงจะเห็นกันแล้วว่าหวังซ่าวเจี๋ยเป็นคนถืออาวุธจะทำร้ายผมก่อน ส่วนผมน่ะก็แค่ป้องกันตัวเท่านั้น”
แขกที่มาร่วมงานต่างใส่ชุดธรรมดา ไม่มีใครใส่เครื่องแบบแต่จู่ๆ ชายสวมแว่นรูปร่างสูงใหญ่ซึ่งเป็นหนึ่งในแขกก็เอ่ยขึ้น
“แต่เมื่อกี้นายเพิ่งบอกเองว่ายอมรับกฎประจำตระกูลหวัง พอตอนจะโดนลงโทษกลับเปลี่ยนใจ นายคิดว่าการไม่รักษาคำพูดกลับกลอกแบบนี้เป็นการกระทำของลูกผู้ชายเหรอ?”
พอคนผู้นี้กล่าวจบ คนอื่นๆ ก็เออออเห็นด้วย พอจะมองออกว่าเขาคงไม่ธรรมดา
พอได้ยินเสียงสนับสนุนของแขกในงาน ใบหน้าคุณนายหวังปรากฏรอยยิ้มขึ้น
เย่เฉินกล่าวว่า “ผมยินดีปฏิบัติตามกฎประจำตระกูลหวังแต่ผมต้องทำผิดก่อน”
คุณนายหวังกล่าวด้วยโทสะทันที “แกแอบไปมีผู้หญิงคนอื่นลับหลังเจียเหยาแถมซ้อมหลานชายฉัน นี่ยังไม่พออีกหรือไง!”
เย่เฉินแค่นเสียง “สามปีมานี้ ผมซื่อสัตย์ต่อหวังเจียเหยาไม่เคยเป็นอื่น! คนที่นอกใจก่อนคือหลานสาวของคุณ! เมื่อวานเธอกับฟางเชาไปเปิดห้องด้วยกันที่โรงแรมเจียหัว พวกคุณไปลองตรวจกล้องวงจรปิดดูก็ได้!”
พอเขาเอ่ยออกมาก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาทันที เหล่าแขกที่มาร่วมงานต่างกระซิบกระซาบกัน
“ฟางเชาเหรอ? ใช่คุณชายรองตระกูลฟาง ฟางเชาคนนั้นหรือเปล่านะ?”
“ได้ยินมานานแล้วว่าตระกูลหวังน่ะอยากได้คุณชายฟางเป็นลูกเขย ดูแล้วจะเป็นเรื่องจริง”
“ตระกูลหวังกับตระกูลฟางน่ะสมกันก็จริงแต่หวังเจียเหยาก็น่าจะหย่าก่อนแล้วค่อยแต่งใหม่ แอบมีชู้ทั้งที่มีสามีแบบนี้ไม่หมาะสมล่ะมั้ง?”
“ดูแล้วสาวสวยเบอร์หนึ่งของอวิ๋นโจวเนี่ยก็ไม่ได้ใสซื่ออย่างที่เขาเล่าลือกัน ฮ่าๆ”
“…”
สีหน้าหวังเจียเหยาแดงก่ำด้วยความอับอายทันทีเมื่อได้ยินคำซุบซิบของผู้คน
“คุณย่าคะ ทุกคนคะ อย่าฟังคำพูดเหลวไหลของเขานะคะ เมื่อวานฉันไปเจอคุณฟางเชาเพื่อคุยเรื่องธุรกิจ ทุกคนก็น่าจะรู้ว่าระยะนี้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ติ่งเฉิงกำลังหาคนร่วมลงทุน ฉันไปพบคุณฟางเชาเพื่อคุยเรื่องนี้แหละค่ะ”
เย่เฉินยิ้มแล้วพูดต่อ “คุยเรื่องธุรกิจต้องเปิดห้องคุยกันเลยเหรอ? แล้วต้องใส่ชุดคลุมอาบน้ำเลย? คุณคิดว่าทุกคนที่นี่เป็นคนโง่หรือไง!”
และในเวลานี้ก็มีใบหน้าที่คุ้นเคยก็เดินเข้ามาในล็อบบี้พอดี
พูดถึงก็มาพอดีนั่นก็คือชู้รักของหวังเจียเหยา ฟางเชา!
“อ้าวทุกคนมาถึงแล้วเหรอเนี่ย”
ฟางเชาทำทรงผมสะดุดตา สวมชุดแบรนด์เนมราคาแพงแถมในมือยังถือของขวัญวันเกิดเอาไว้แต่เมื่อเห็นสถานการณ์ในล็อบบี้ก็ตกใจเล็กน้อย
พอหวังเจียเหยาเห็นฟางเชาก็รีบลากเขามาทันที
“คุณชายเชา เขยตระกูลหวังคนนี้น่ะ ดึงดันจะยัดเยียดให้ฉันกับคุณเป็นชู้กันให้ได้เลย คุณรีบบอกทุกคนสิว่าเมื่อวานฉันไปหาคุณเพื่อคุยเรื่องธุรกิจเท่านั้นเอง”
ฟางเชาชะงักไปน้อยๆ แต่ในที่สุดก็เป็นอันเข้าใจว่าทำไมสายตาที่ทุกคนมองตนถึงได้แปลกพิกลแบบนี้
ฟางเชาถลึงตามองเย่เฉินแล้วแอบคิดในใจ “คิดไม่ถึงว่าคนหน้าตัวเมียที่เกาะผู้หญิงกินคนนี้ คิดจะแฉฉันกับหวังเจียเหยาต่อหน้าธารกำนัลแบบนี้!”
ถึงคนในวงสังคมชั้นสูงจะชอบทำเรื่องแย่ๆ แต่จุดที่แตกต่างระหว่างพวกเขากับพวกอันธพาลนั้นก็คือไม่ว่าจะทำเรื่องแย่ขนาดไหนก็มักจะเสแสร้งเป็นคนดีเสมอ
ฟางเชากล่าว “ทุกท่านครับ ทุกคนอย่าเชื่อคำพูดของคนไร้ประโยชน์คนนี้เด็ดขาด ผมกับเจียเหยาไม่มีอะไรกัน เมื่อวานเธอมาหาผมเพียงเพื่อส่งเอกสารเท่านั้น เย่เฉินนายบอกว่าฉันกับเจียเหยาเป็นชู้กัน มีคลิปหรือรูปไหมล่ะ?”
ฟางเชาย้อนถามเย่เฉิน
ฟางเชารู้ว่าเมื่อวานที่โรงแรมเย่เฉินไม่ได้เอามือถือออกมาถ่ายภาพหรืออัดคลิปเอาไว้
แล้วคลิปที่พอจะเป็นหลักฐานบอกระยะเวลาที่หวังเจียเหยาอยู่ที่โรงแรมก็ถูกฟางเชาใช้เส้นสายลบทิ้งไปแล้ว
ตอนนี้ขอแค่ฟางเชาไม่ยอมรับก็เป็นอันใช้ได้
เมื่อเห็นเย่เฉินไม่มีหลักฐานเขาก็เอ่ยพร้อมยิ้ม
“ทุกท่านครับ ที่เย่เฉินใส่ความผมนั้น ที่จริงมีสาเหตุมาจากเรื่องอื่น ทุกท่านอาจจะยังไม่รู้ว่าเขยที่แต่งเข้าของตระกูลหวังคนนี้ทำงานพาร์ทไทม์ส่งอาหารเดลิเวอรี่ เมื่อวานผมสั่งอาหารแล้วเขาเป็นคนส่งอาหารพอดี ใครจะรู้เขากลับถือว่าตัวเขามีคนหนุนหลังเป็นตระกูลหวังเลยทำตัวยโสโอหังแถมยังโยนอาหารที่ผมสั่งลงพื้น ดังนั้นผมเลยประเมินให้เขาไปหนึ่งดาว
เถ้าแก่หม่าตัวแทนของบริษัทเดลิเวอรี่ถวนถวนอยู่ด้วยพอดี เถ้าแก่ครับคุณสามารถตรวจสอบคำสั่งซื้อเมื่อวานได้เลย!”