เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 85 จะไม่ยอมรับชะตากรรมหรอก
เย่เฉินมองหลิ่วหรูซือด้วยใบหน้าตกตะลึง ไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร
หลิ่วหรูซือชันตัวขึ้น หล่อนไม่คุกเข่าอีกแล้ว ท่าทางก็เปลี่ยนไปราวเป็นวีรบุรุษที่เตรียมตัวจะพลีชีพ แววตาแน่วแน่
หลิ่วหรูซือกล่าว “คุณเย่ วันนี้ที่ฉันมาหาคุณ ฟางเสียนจู่และฟางเชา สามีและลูกชายของฉันทุกคนรู้กันหมด แล้วไหนจะยังมีคนของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปรวมไปถึงคนจำนวนมากของบริษัทต่างก็รู้กันหมด”
เย่เฉินพยักหน้า “ผมรู้แล้วยังไงต่อ?”
จู่ๆ หลิ่วหรูซือก็กล่าว “คืนนี้ฉันค้างคืนที่นี่ได้ค่ะ!”
ดูไปแล้วเย่เฉินตกตะลึง คุณน้าคนนี้เหลวไหลเกินไปแล้วมั้ง?
ในเวลานี้เย่เฉินถึงได้เข้าใจในความหมายของคำพูดหลิ่วหรูซือ
ทุกคนต่างก็รู้ว่าฟางเชานอนกับอดีตภรรยาของเย่เฉิน นี่ทำให้ประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปอย่างเขาเสียหน้า
แต่ถ้าวันนี้เย่เฉินนอนกับมารดาของฟางเชาก็จะไม่มีใครเยาะเย้ยเขาอีกแล้ว
การล้างแค้นแบบนี้โหดกว่าทำให้ฟางเชาพิการมากนักแถมยังทำให้คนนับถือเขากว่าเดิมด้วย
เย่เฉินมองหลิ่วหรูซืออย่างตื่นตระหนก คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะเสียสละได้ขนาดนี้เพื่อช่วยลูกชายตนเอง!
“คุณนายฟาง…”
เย่เฉินมองแหวนบนนิ้วนางของอีกฝ่าย อย่างกระอักกระอ่วนใจเมื่อมองหน้าผู้หญิงที่อายุมากกว่าตนเองถึงยี่สิบปี
หลิ่วหรูซือยิ้มน้อยๆ “แน่นอนฉันก็รู้ว่าฉันอาจจะสู้หวังเจียเหยา ฉินเหงเหยียนไม่ได้ เป็นแค่หญิงแก่ที่กำลังร่วงโรย จะเข้าตาคุณเย่ได้ยังไง คุณไม่ชอบฉัน ฉันเข้าใจและยอมรับได้”
เย่เฉินยิ่งทำอะไรไม่ถูกกว่าเดิม สำหรับเขาแล้วอีกฝ่ายออกจะแก่เกินไปจริงๆ
แต่สำหรับผู้หญิงวัยกลางคนแบบนี้นับว่าหล่อนดูแลตัวเองได้ดีพอควร ไม่ด้อยไปกว่าดาราผู้หญิงที่อายุเท่าๆ กันแม้แต่น้อย
เย่เฉินกล่าว “คุณนายฟาง คุณสวยมากครับ ถึงแม้อายุอานามจะมากไปสักหน่อยแต่ก็ดูมีความเป็นผู้ใหญ่แบบที่ผู้หญิงในวัยยี่สิบไม่มี”
พอถูกเย่เฉินชมแบบนี้ใบหน้าเก้อเขินของหลิ่วหรูซือก็ดีขึ้นไม่น้อย
แต่ใครจะรู้เย่เฉินกล่าวต่อไปว่า “แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ผมก็ไม่ได้คิดอะไรกับคุณอยู่ดี”
หลิ่วหรูซือก้มหน้าลง ความคิดที่จะชดใช้ความผิดแทนลูกชายเป็นหมันไปเสียแล้ว
“แต่ว่า…”
ใครจะรู้ว่าเย่เฉินจะหักมุม “ได้ยินมาว่าคุณร้องเพลงใช้ได้เลย ถ้าคุณยินดีจะร้องเพลงอยู่ที่นี่ ผมก็ยินดีจะฟังนะ”
ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นคลิปหลิ่วหรูซือร้องเพลงในโมเม้นท์วีแชทของฉินหงเหยียนซึ่งเขาชอบมากทีเดียว
หลิ่วหรูซือมีกลิ่นอายของนักร้องคาเฟ่ในเซี่ยงไฮ้ยุคปี 30-40 เย่เฉินอยากจะลองสัมผัสบรรยากาศเช่นนั้นสักคร้ัง
หลิ่วหรูซือระบายยิ้มเต็มไปหน้า “คุณเย่ ฉันยินดีร้องเพลงให้คุณฟังทั้งคืน ไม่ทราบว่าคุณเย่ชอบฟังเพลงแนวไหนคะ? ถ้าเป็นเพลงฮิตในช่วงนี้ฉันเกรงว่าน่าจะไม่ได้เพราะไม่เคยฟังเลย”
เย่เฉินกล่าวว่า “คุณนายฟางต้องขอโทษที่ผมละลาบละล้วง ตอนที่ผมเห็นรูปภาพคุณครั้งแรกก็รู้สึกว่าคุณเหมือนนักร้องคาเฟ่ในเทียนไห่ยุคปี 30-40 บังเอิญที่คุณเป็นคนเทียนไห่พอดี ตอนเด็กๆ มักจะได้ยินคุณปู่เล่าเรื่องเทียนไห่ในสมัยก่อนให้ฟังบ่อยๆ เขาบอกว่ายุคนั้นเป็นช่วงเวลาที่ควรค่าให้ระลึกถึงที่สุดแล้ว เทียนไห่ในยุคนั้นเป็นตัวแทนของความโรแมนติก หรูหรา โมเดิร์นและคลาสสิคในเวลาเดียวกัน คุณปู่มักจะบรรยายว่ายุคนั้นผู้หญิงมักจะสวมชุดกี่เพ้า อ่อนหวานเย้ายวน ถือพัดขนไก่สีขาวร้องเพลงเต้นรำอยู่ในคาเฟ่ ดังนั้นผมหวังว่าคุณจะร้องเพลงเก่าๆ ให้ผมฟังบ้าง”
หลิ่วหรูซือตกตะลึงเล็กน้อย “ที่แท้คุณเย่อยากจะสัมผัสบรรยากาศเก่าๆ ของเทียนไห่ ที่จริงแล้วสำหรับฉันเพลงพวกนั้นก็ออกจะเก่าเกินไปเหมือนกัน ฉันตอนนั้นเริ่มฟังหวังเฟยแล้วค่ะ แต่แม่ฉันมักจะร้องเพลงเก่าๆ ดังนั้นฉันก็เลยพอร้องได้บ้าง คุณเย่รอประเดี๋ยว ฉันจะให้คนเอากี่เพ้ากับไมโครโฟนมาส่ง”
เดิมทีเย่เฉินตั้งใจจะบอกว่าเดี๋ยวเขาจะเป็นคนตระเตรียมของเหล่านี้เอง
ทว่าพอมาคิดดูโดยละเอียดแล้ว เขาเองก็ไม่รู้สัดส่วนของหลิ่วหรูซือ ของอย่างกี่เพ้าเป็นชุดที่ต้องสั่งตัดเท่านั้น
สามนาทีต่อมาหลิ่วหรูซือก็สั่งให้คนเอากี่เพ้ายี่สิบตัวมาส่ง!
ดูแล้วหลิ่วหรูซือน่าจะชอบใส่กี่เพ้ามากทีเดียว
“คุณเย่ คุณช่วยฉันเลือกหน่อยสิ”
หลิ่วหรูซือจัดเรียงชุดกี่เพ้าพวกนี้ให้เขาดู
เย่เฉินเองก็หยิบชุดของหลิ่วหรูซือมาดูทีละชุดอย่างไร้ซึ่งความเกรงใจใดๆ
สุดท้ายเขาเลือกชุดกระโปรงยาวสีเหลืองส่งให้อีกฝ่าย “ใส่ชุดนี้แล้วกัน”
หลิ่วหรูซือรับกี่เพ้ามาแล้วกล่าวอย่างเคารพนับถือ “ค่ะ คุณเย่รอฉันสักครู่นะคะ ฉันเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วจะร้องเพลง ‘Tianyagenu[1]’ ให้คุณฟัง”
……
ณ วิลล่าเจียงหนานในเวลาตีสอง
ฟางเสียนจู่กำลังสูบบุหรี่อยู่ในห้องรับแขกชั้นหนึ่ง ผงบุหรี่เต็มที่เขี่ยบุหรี่ไปหมดแล้ว
ฟางเชาเดินเอื่อยๆ ลงมาจากชั้นบนเห็นฟางเสียนจู่ที่มีใบหน้าตึงเครียดจึงเอ่ยถาม “พ่อครับ เป็นอะไรไป?”
ฟางเสียนจู่ดับบุหรี่แล้วกล่าว “แม่ลูกไปหาเย่เฉิน จนตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย”
“อะไรนะ?”
ฟางเชาเหลือบดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาตีสองครึ่งแล้ว ดึกขนาดยี้ยังไม่กลับบ้านอีก แม่จะไปทำอะไรที่บ้านหมอนั่นกันแน่!
“โทรเร่งแม่หรือยัง?” ฟางเชาถาม
ฟางเสียนจู่ตอบบุตรชาย “โทรแล้วปิดเครื่อง”
“ปิดเครื่อง…ทำไมแม่ต้องปิดมือถือด้วย? แม่จะไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ? พ่อครับพวกเราพาคนไปหาแม่กัน!”
ฟางเชาพูดพลางเปลี่ยนรองเท้า
ฟางเสียนจู่ห้าม “ก่อนแม่แกจะปิดเครื่องส่งวีแชทมาบอกพ่อว่าไม่ต้องไปตามแม่”
“อย่างนั้น…”
หน้าฟางเขาคล้ำเขียว เขาโกรธจนแทบจะฆ่าคนได้อยู่แล้ว เขาพอจะเดาออกว่าระหว่างแม่ของเขากับเย่เฉินจะเกิดอะไรขึ้น!
ตอนตีห้าหลิ่วหรูซือถึงออกจากบ้านของเย่เฉินแล้วกลับไปบ้านตนเอง แล้วก็พบสองคนพ่อลูกที่รอหล่อนอยู่ทั้งคืน
พอเห็นแม่กลับบ้าน ฟางเชาก็รีบวิ่งไปหาอีกฝ่ายทันที “แม่ครับ ทำไมเมื่อคืนแม่ไม่กลับบ้าน? เดียรัจฉานเย่เฉินนั่นมันทำอะไรแม่ใช่ไหมครับ!”
หลิ่วหรูซือตวาดบุตรชาย “พอได้แล้ว! เลิกล่วงเกินเย่เฉินได้แล้ว! เขาไม่ใช่คนที่ลูกจะล่วงเกินได้!
“…ลูกเชา เย่เฉินรับปากแม่แล้วว่าเขาจะไม่ล่นสกปรกทำร้ายลูก ลูกไม่ต้องรีบร้อนมีลูกก็ได้ แล้วลูกก็ออกบ้านตามปกติได้แล้ว”
พอได้ยินแบบนี้ ใบหน้าฟางเสียนจู่ก็แดงก่ำเหมือนระเบิดอยู่รอมร่อ
เขาเดินมาแล้วตบหน้าหลิ่วหรูซือ!
เพี๊ยะ!
“ใครอนุญาตให้คุณทำแบบนี้! คุณยังเป็นเมียผมอยู่! คุณทำแบบนี้จะให้ผมเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”
ฟางเสียนจู่คำราม
หลิ่วหรูซือเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้เขา “ฉันทนดูลูกเราเป็นอะไรไปไม่ได้! เสียนจู่ธุรกิจของเราจบแล้ว พวกเรากำลังจะล้มละลายแล้ว หน้าตาที่คุณว่ามันไม่มีนานแล้ว!”
“ไม่! ไม่! ไม่!”
ฟางเชากรีดร้องคร่ำครวญแล้วกล่าวกับมารดาตนเอง “แม่ครับ บ้านของคุณทวดรวยจะตาย ตระกูลหลิ่วเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเทียนไห่ แม่ให้พวกเขาช่วยผมจะต้องจัดการเย่เฉินได้แน่!”
หลิ่วหรูซือส่ายศีรษะ “ลูกแม่ ตอนที่แม่แต่งกับพ่อของลูก คนที่บ้านไม่เห็นด้วยอย่างมาก ตอนนี้พ่อของลูกมีปัญหา พวกเขาไม่อยากจะช่วยด้วยซ้ำไป พวกเรายอมรับชะตากรรมกันเถอะ”
“ไม่ ผมไม่ยอมรับชะตากรรมหรอก! แม่ไม่ยอมไปผมไปเอง! เย่เฉินทำร้ายพวกเราจนอนาถขนาดนี้แถมยังล่วงเกินแม่! ความแค้นนี้ผมจะต้องเอาคืนเป็นสิบเท่า!”
ฟางเชาพูดพลางสวมรองเท้าแตะ หุนหันออกนอกบ้านไป…
[1] 天涯歌女 (tiān yá gē nǚ) เป็นบทเพลงของโจวเสวียน ปล่อยออกมาในช่วงปี 1937