เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 98 หวังเจียเหยาต้องการหุ้น
อวิ๋นโจว
เย่เฉินเพิ่งจะมาถึงวิลล่าเขตเหมยกุยหยวนตอนใกล้จะรุ่งเช้า
เวลานี้เพื่อนๆ สมัยมหาวิทยาลัยของหวังเจียเหยาต่างก็กลับกันไปหมดแล้ว
เพื่อนๆ ของหวังเจี๋ยกลับไปแล้วก็จริง แต่คิดไม่ถึงว่าพ่อกับแม่ของหวังเจียเหยากลับมาที่บ้านแถมยังกำลังเก็บของอยู่
เย่เฉินเห็นเข้าจึงกล่าวว่า “พ่อครับ แม่ครับไม่ต้องเก็บของพวกนี้หรอกครับ มีแม่บ้านนะครับ”
ซูหลานที่เย่เฉินเรียกว่าแม่รีบร้อนเดินมา แล้วรินชาให้อีกฝ่ายจากนั้นก็กล่าวว่า
“พ่อลูกเขยดึกดื่นขนาดนี้ยังทำงานเหนื่อยไหม? นั่งสิ ดื่มชาเสียหน่อย”
จากนั้นก็ชี้ไปที่ของกองโตในห้องนั่งเล่นแล้วกล่าว “พวกคนใช้พวกนั้นจะเก็บเป็นได้ยังไง ในห้องรับแขกมีของแพงๆ อยู่เยอะแยะเลย ถ้าพวกนั้นไม่ระวังทำของพังขึ้นมาจะทำยังไง? แล้วเราสองคนก็อยู่กันว่างๆ ถือเสียว่าเป็นออกกำลังกายแล้วกัน”
“ใช่แล้วๆ ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไม่เหนื่อยเลยๆ”
หวังจื้อหย่วนสำทับแล้วยิ้มกว้าง
เย่เฉินส่ายหน้าอย่างเอือมระอา สามปีที่ผ่านมาพ่อและแม่ภรรยาของเขาไม่เคย ‘ออกกำลังกาย’ ด้วยวิธีแบบนี้มาก่อน’
เย่เฉินไม่พูดอะไรอีกเขาเดินเข้าไปด้านในแล้วสวมกอดภรรยา
“ที่รัก นายกลับมาแล้วหรอ คิดถึงจังเลย”
เพิ่งแยกกันได้ไม่ถึงสามชั่วโมง หวังเจียเหยาก็เริ่มออดอ้อนเขาขณะซุกตัวในอ้อมกอดชายหนุ่ม
คนโบราณว่าเอาไว้ว่าไม่เจอหน้ากันหนึ่งวันเหมือนไม่พบกันสามวสันต์ แต่กับข้าวใหม่ปลามันไม่ถึงหนึ่งนาทีก็เหมือนผ่านไปหลายวสันต์หลายเหมันต์
ความสัมพันธ์ระหว่างเย่เฉินและหวังเจียเหยาในตอนนี้แน่นแฟ้นอย่างที่ไม่เคยเป็น
ก่อนนี้ถึงพวกเขาจะชอบพอกัน แต่ก็ติดตรงที่หวังเจียเหยารังเกียจสถานะของเย่เฉิน ต่อให้หล่อนชื่นชอบอีกฝ่ายแต่ก็ไม่เคยแสดงออก
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา เขาเป็นประธานผู้บริหารแล้ว หวังเจียเหยาจึงกลายเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ บอบบางขนาดขวดน้ำยังเปิดเองไม่ได้
เย่เฉินเองก็ดูมีความสุขมากทีเดียว เขาลูบเรือนผมหญิงสาวแล้วกล่าว “ขอโทษด้วยนะคนดี ที่บริษัทมีงานเข้าเลยไม่ได้อยู่ฉลองกับเพื่อนคุณ”
หวังเจียเหยาหัวเราะน้อยๆ “ไม่เป็นไรๆ ฉันกับเพื่อนพวกนั้นไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ นายไม่ต้องสนใจพวกหล่อนหรอก สนใจแค่หงเย่ก็พอแล้วล่ะ!”
เย่เฉินก็ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อนึกถึงซ่งหงเย่
เมื่อก่อนเย่เฉินเป็นเขยที่แต่งเข้า จึงไม่กล้าว่าเพื่อนของภรรยา
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป หวังเจียเหยาจึงเชื่อฟังเขาอย่างมาก
ดังนั้นเย่เฉินจึงพูดกับภรรยาตรงๆ “เจียเหยาผมรู้ว่าคุณเป็นเพื่อนกับซ่งหงเย่มานานแถมยังสนิทสนมกันมาก แต่ผมก็ไม่อยากให้คุณไปสนิทสนมกับหล่อนมากนัก”
“คะ? ทำไมล่ะคะ?” หวังเจียเหยาออกจะประหลาดใจน้อยๆ
เย่เฉินกล่าว “ซ่งหงเย่แต่งงานแล้วแต่สามีของหล่อนทำงานยุ่งๆ ต้องไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ หล่อนก็อาศัยโอกาสนี้ไปมาหาสู่กับผู้ชายมาหน้าหลายตา ผมกลัวว่าหล่อนจะทำให้คุณเสียคน”
หวังเจียเหยาหัวเราะน้อยๆ “นายสบายใจเถอะน่า ฉันไม่เหมือนหล่อนหรอก ที่รักของฉันทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนี้ ผู้ชายคนอื่นน่ะจะให้มองยังไม่อยากจะมองเลยค่ะ!”
เย่เฉินยิ้มอย่างเหนื่อยหน่าย เขาเองก็รู้ว่าหวังเจียเหยาไม่ใช่ ‘เครื่องกวาดผู้ชายเอ๊าะๆ’ แบบซ่งหงเย่
แถมถ้าต้องเลือกระหว่างหน้าตาแล้ว หวังเจียเหยาชอบผู้ชายที่มีเงินและมีอำนาจมากกว่า
แต่พอนับเรื่องทรัพย์สมบัติและอำนาจแล้ว ทั้งโลกนี้แทบจะไม่มีผู้ชายในวัยเดียวกันกับเย่เฉินที่จะสูสีกับเขาได้เลย
“พ่อลูกเขย ลูกสาวแม่”
จู่ๆ ซูหลานก็เดินมาหาพวกเขาแล้วส่งกล่องยาโฟลิคเอซิดมาให้
“อะไรครับ?” เย่เฉินถามด้วยใบหน้างุนงง
ซูหลานกล่าวพร้อมระบายยิ้ม “ลูกเขยนี่คือกรดโฟลิค พวกลูกต้องกินยานะ ตอนนี้ทุกคนกำลังเตรียมจะมีลูกไม่ใช่เหรอ? กรดโฟลิคเนี่ยช่วยป้องกันโรคพิการทางประสาทโดยกำเนิดของเด็ก!”
เย่เฉินเก้อเขิน ช่วงนี้พ่อตาแม่ยายของเขาดูแลเขาครบทุกด้านจริงๆ
พวกเขาเตรียมอาหารชูกำลังทุกวันด้วยตัวเอง เพียงเพราะพวกเย่เฉินเตรียมจะมีลูก
……
เช้าในวันถัดมาซูหลานก็มาที่บ้านพวกเขาตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อเตรียมอาหารเช้าให้ทั้งสองคน
อาหารเช้าหลากหลายมากกว่าอาหารกลางวัน ซูหลานยังเป็นคนตักน้ำแกงให้ลูกเขยด้วยตนเอง แถมยังยกมาให้ถึงที่เสียด้วย
“ระวังลวกนะลูกเขย”
เย่เฉินกล่าว “แม่ครับ เรียกผมว่าเย่เฉินก็พอครับ”
“เอ้อ ได้สิจ้ะ เสี่ยวเฉิน” ซูหลานยิ้มกว้าง
หวังจื้อหย่วนจึงไม่เกรงใจอีกต่อไป “เสี่ยวเฉินเอ้ย คุณย่าเขายกโปรเจกต์อีผิ่นเจียเหยาให้เจียเหยาเป็นคนดูแลโปรเจกต์ ส่วนพ่อเป็นรองผู้ดูแลโปรเจกต์ ต่อไปพวกเราสองคนคงจะไปที่บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปไปพบเธอบ่อยๆ”
เย่เฉินเองก็ได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง พอตอนนี้หวังเจียเหยาคืนดีกับตนเองทำให้สถานะในบ้านของหล่อนอยู่เหนือกว่าครอบครัวหวังจื้อเฉียง จนครอบครัวนั้นโดนหญิงชราละเลยไปแล้ว
เย่เฉินกล่าวตอบ “ไม่มีปัญหาเลยครับ พวกคุณมาได้ตลอดเลย มีปัญหาอะไรติดต่อผมหรือหงเหยียนโดยตรงได้เลย”
พอได้ยินเย่เฉินเรียกชื่อฉินหงเหยียนตรงๆ โดยไม่เรียกแซ่ของอีกฝ่าย ความหึงหวงก็พุ่งขึ้นมา หวังเจียเหยากระแทกช้อนกลางแล้วทำปากยื่นขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ที่รัก ฉันไม่ชอบฉินหงเหยียนเลย หล่อนมันเป็นนังจิ้งจอก ฉันกลัวว่าหล่อนจะยั่วยวนนาย ไล่หล่อนออกไปไม่ได้เหรอ?”
เย่เฉินรู้ว่าหวังเจียเหยาและฉินหงเหยียนมีเรื่องกันมาก่อน เขาจึงกล่าว
“ที่รัก หงเหยียนอาจจะหน้าตาสวยแต่ความสามารถในการทำงานไม่มีปัญหาอะไรเลย อีกอย่างหล่อนรู้จักคนในอวิ๋นโจวก็มาก ถ้าเสียหล่อนไปบริษัทจะมีแต่เสียกับเสีย”
หวังเจียเหยาดูไม่ค่อยพอใจ “งั้นนายแบ่งหุ้นให้ฉันได้ไหมล่ะ? ฉันก็อยากเป็นรองผู้บริหารของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเหมือนกัน!”
เย่เฉินไม่ได้ตอบอีกฝ่ายในทันที
หวังเจียเหยารีบกล่าวต่อ “ฮึ นายไม่ได้รักฉันด้วยซ้ำ ฉันจะมีลูกให้นายอยู่แล้ว แถมยังเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของนายอีกต่างหาก แต่ฉันยังไม่ได้แตะเงินตระกูลเย่ของพวกนายสักแดงเดียว กระทั่งหุ้นนายยังไม่อยากแบ่งให้ฉันเลย”
หวังเจียเหยาร้องไห้อย่างคับแค้นใจ
เย่เฉินครุ่นคิด หุ้นแค่นิดหน่อยก็ไม่กี่ตังเท่านั้น ส่วนตำแหน่งก็เป็นแค่เปลือกกลวงๆ
เดี๋ยวหวังเจียเหยาก็ต้องอุ้มท้องอยู่บ้าน ไม่ได้ไปทำงานด้วยซ้ำดังนั้นจะรับปากหล่อนก็ไม่ได้มีผลอะไร
ดังนั้นเย่เฉินจึงประนีปะนอมกับภรรยา “ก็ได้ ผมจะแบ่งหุ้นให้คุณ”
หวังเจียเหยายิ้มกว้างจนหน้าบาน “ฉันขอแค่หุ้นฉันมากกว่าฉินหงเหยียน 0.01% ก็ได้ค่ะ ฮ่าๆ!”
พอกินอาหารเช้าเสร็จพ่อตาอย่างหวังจื้อหย่วนก็ขับรถมาส่งเย่เฉินและหวังเจียเหยาไปที่บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปด้วยตัวเอง
และทันทีที่หวังเจียเหยาและฉินหงเหยียนพบหน้ากันสงครามก็ปะทุขึ้น!