เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2] - ตอนที่ 33 - 1 ยั่วยวน
เขานิ่งงันกลั้นหายใจไม่ขยับเขยื้อน ความหนาวความร้อนทะยานซับซ้อนในร่างกาย คล้ายหวังพังทลายเขื่อนจิตใจทุกเวลา
นางคล้ายรู้สึกได้ กึ่งหันหน้ามามองเขา เปลือกตาหลุบลง จ้องมองผิวน้ำ
เขาไม่ขยับ ลมหายใจทอดยาว ค่อยๆ ยับยั้งกระแสอากาศพลุ่งพล่านในร่างกายทีละชุ่น
ครู่หนึ่งนี้สายตาเขาจดจ่อแทบละโมบ ด้วยเพราะในใจรู้ว่าชั่วพริบนี้ล้ำค่ายิ่งนัก ไม่ควรถูกเหตุสุดวิสัยทุกสิ่งรบกวน
นางก้มหน้าเล็กน้อย ร่างกายท่อนล่างอยู่ใต้น้ำ คลื่นน้ำหักเหเลือนรางมัวสลัว ขวางกั้นความลึกลับกับความคลุมเครือเหลือล้น มองเห็นขายาวอวบอั๋นขาวราวหิมะ ลอยล่องกลางน้ำปานนางเงือก
ชุดชั้นในของนางประหลาดนัก แนบเนื้อ ฉะนั้นทรวดทรงยิ่งแจ่มชัดยั่วยวน แต่ไหนแต่ไรนางเป็นสตรีที่ถนัดเปิดเผยความงดงามของตน หลังค่ำคืนหิมะตี้เกอ นางคล้ายลืมเลือนความทระนงตนยามแรกเริ่ม บัดนี้ได้มองเห็นการแต่งกายเช่นนี้อีกครั้ง เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ซ้ำยังดีใจอยู่บ้าง คล้ายเห็นบาดแผลที่เป็นห่วงค่อยๆ หายสนิทตรงตำแหน่งซ่อนเร้น คนผู้นั้นที่เป็นห่วงยิ่งค่อยๆ แข็งแกร่งระหว่างการเดินทาง
ชุดชั้นในเป็นสีดำ แต่ก่อนเขาปฏิเสธสีนี้ สีดำแทบเป็นสีสันที่เขาเกลียดชังที่สุด ยิ่งไม่ชื่นชอบให้สตรีสวมชุดดำ รู้สึกว่าสีนี้บดบังหน้าตางดงามของสตรีที่สุด ทว่ายามนี้เพิ่งรู้ว่าผิวขาวราวหิมะเคียงข้างสีดำเปล่งประกาย การเปรียบเทียบขั้นสูงสุดถึงก่อเกิดความสมบูรณ์แบบขั้นสูงสุด ความสมบูรณ์แบบขั้นสูงสุดเสร็จสิ้นความงดงามขั้นสูงสุด โลกมนุษย์โลกสวรรค์ ความงดงามหยาดเยิ้มยากลอกเลียน
เท้าของนางเหยียบบนเข่าเขา ทำให้ผิวตรงเข่านั้นพลันอ่อนไหวเป็นพิเศษ ความขาวเนียนละเอียดผืนหนึ่งรำไรใต้คลื่นน้ำสีเงิน เปล่งประกายแวววาวปานหอยมุก
“ปล่อยข้า…” เสียงนางแว่วมา แหบแห้งเล็กน้อย เขาตกใจคลายฝ่ามือ นางพลิกตัวครั้งหนึ่งทันที คล้ายนางเงือกตนหนึ่งหลุดพ้นจากการจับกุมของเขา เขามองท่าทางพลิกตัวปราดเปรียวของนาง กลางนัยน์ตาสะท้อนสระน้ำนี้ดุจแสงจันทร์
แต่นางร้องโอ๊ยออกมาทันที ปราดเปรียวกลายเป็นแข็งทื่อ จมดิ่งลงไป…เอ็นยังไม่คลายเลย!
คราวนี้เขารู้ตัวเร็วนัก มือคว้านางขึ้นมาอีกครั้ง ไม่สนใจการดิ้นรนของนาง ขึ้นจากน้ำดังซ่าแล้วย้ายไปข้างสระ
เขาวางนางนอนหงาย คว้าขาท่อนล่างของนางไว้ ฝ่ามือลูบลงตลอดทาง แทบจะโดยพลัน กล้ามเนื้อขาท่อนล่างที่สั่นระริกของนางจึงฟื้นคืนความสงบ
เขาไม่ได้ปล่อยมือโดยพลัน นิ้วมือเลียบตามเส้นเอ็นขาท่อนล่างของนาง นวดแผ่วเบาตลอดทาง
จิ่งเหิงปัวเอียงศีรษะมองสระน้ำฝั่งนั้น ในใจเกิดความรู้สึกซับซ้อนที่บอกไม่ได้ อิงไป๋ไม่สนิทกับนาง นางรู้ว่าตัวเองควรต่อต้าน แต่ไม่รู้ทำไม ไม่เคยแสดงท่าทางตัดไมตรีได้เลย นางใช้หางตาแอบมองเขา สีหน้าเขาใจจดใจจ่อ คล้ายไร้ซึ่งความคิดไม่ซื่อตรง ผมเปียกครึ่งศีรษะ ผมยุ่งเหยิงปอยหนึ่งสยายข้างจอนผม บดบังใบหน้าของเขาไว้
น้ำในสระร้อนยิ่งนัก สองคนรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องดี ด้วยเพราะไอร้อนลอยขึ้นไม่หยุดหย่อน บดบังความเก้อเขินของทั้งสองฝ่าย ซ้ำยังบดบังแววตาสืบเสาะด้วย
นิ้วมือของเขาวางบนน่องนาง แผ่วเบา ผิวกายใต้นิ้วมืออ่อนนุ่มเกลี้ยงเกลายืดหยุ่น คล้ายหยกที่มีชีวิตก้อนหนึ่ง คล้ายหิมะที่มีอุณหภูมิกอบหนึ่ง คล้ายผ้าแพรที่มีชีวิตผืนหนึ่ง ปลายนิ้วสัมผัสพลันลื่นไถลอย่างเป็นธรรมชาตินัก ยามไถลมาถึงข้อเท้า เป็นรัศมีโค้งที่ประณีตเพรียวบาง นางคล้ายตึงเครียดเล็กน้อย หลังเท้าเหยียดตรง ผิวกายยิ่งแลคล้ายเบาบางกระชับ ผุดเผยสีเขียวอ่อนน่ารักของเส้นลมปราณ ไม่รู้ตั้งแต่ยามใดบนเล็บไม่มีน้ำมันทาเล็บแดงแล้ว เล็บเท้าดุจหอยมุก บริสุทธิ์ขาวสะอาด ผุดเผยสีชมพูอ่อนโยน
สตรีนางนี้ ตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้าเป็นความบริสุทธิ์ ความงดงาม ความประณีตละเอียดอ่อน ทำให้ผู้อื่นตื่นตะลึง ทว่าไม่กล้าหมิ่นแคลน
เขาควบคุมลมหายใจให้สงบนิ่ง ลูบไล้เส้นลมปราณตึงเครียดของนางทีละชุ่น ดวงตาเพียงมุ่งมั่นลงล่างไม่ขึ้นบน ไม่ใช่กลัวว่าตนเองจะสูญเสียการควบคุม ทว่ากลัวเห็นแล้วอาวรณ์ นับแต่นี้ยิ่งผ่านค่ำคืนยาวนานอ้างว้างได้ยาก
ลมหายใจข้างสระเงียบสงัด ไอร้อนลอยล่อง
ทว่าพลันได้ยินเสียงฝีเท้าแว่วมา
แผ่วเบายิ่งนัก ควบคุมความหนักเบายิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าเป็นการเขย่งเท้าเดิน บริเวณสระน้ำนี้ป้องกันเข้มงวด คนรับใช้ไม่ว่าผู้ใดก้าวเข้ามาไม่ได้สักก้าว เรื่องนี้เห็นได้จากองครักษ์มากมายขนาดนั้นมองเห็นอิงไป๋เข้ามาชัดเจน ทว่าตามเข้ามาไม่ได้แม้กระทั่งไม่กล้าป่าวร้องทั่ววัง
ผู้ใดจะเดินมาเวลานี้ได้?
จิ่งเหิงปัวเงยหน้าทันที ผลักอิงไป๋ออกไป อิงไป๋ปล่อยมือ ไม่ได้รีบหนีไป แต่หันหลังไปหาเสื้อคลุมให้จิ่งเหิงปัว หาเสื้อคลุมเจอแล้วส่งให้นางบอกใบ้ให้นางสวมใส่ จิ่งเหิงปัวกลืนไม่เข้าคายไม่ออก…กำลังทำแผนการยั่วยวน เคยเห็นใครสวมเสื้อผ้าอาบน้ำบ้าง? นางสวมเสื้อผ้าอาบน้ำ จั้นซินจะยอมถอดเสื้อผ้าเหรอ?
ไม่ว่าอย่างไรคราวนี้เจ้าคนนี้ดื้อรั้นเหลือเกิน นิ่งงันส่งเสื้อผ้ามาข้างกายนาง ได้ยินเสียงฝีเท้ายิ่งเข้าใกล้ ถ้ายังไม่รีบไปจะถูกจั้นซินพบเข้า จิ่งเหิงปัวได้แต่รับเสื้อผ้าไว้ พาดเสื้อผ้าไว้บนไหล่อย่างอับจนหนทาง
นางยอมอ่อนข้อมากแล้ว แต่อิงไป๋ไม่พอใจด้วยซ้ำ ชี้เสื้อผ้าตรงไหล่นาง แสดงสัญญาณมือว่ารวมกัน หมายความว่านางพาดไว้เช่นนี้ไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย ควรสวมใส่ถึงถูกต้อง
จิ่งเหิงปัวถลึงตาใส่เขา…ยุ่งมากไปแล้ว! สวมแล้วจะอวดทรวดทรงร่างกายได้อย่างไร!
อิงไป๋ไม่ไป…หากไม่สวมทรวดทรงนี้จะทำอย่างไร!
เสียงฝีเท้าอยู่เพียงฝั่งตรงข้าม เลี้ยวอีกครั้งหนึ่ง จั้นซินจะปรากฏกาย
จิ่งเหิงปัวสวมเสื้อผ้าด้วยความเดือดดาล
คราวนี้อิงไป๋ถึงพอใจ หันหลังจากไป จิ่งเหิงปัวใช้เท้าถีบกะทันหัน
ตูม อิงไป๋ตกน้ำ
คลื่นน้ำพรั่งพรู เขาคล้ายจะชะโงกหน้าออกมา
จิ่งเหิงปัวถอดเสื้อผ้าที่เพิ่งสวมออก รีบเหวี่ยงไปในสระน้ำ คลุมบนศีรษะเขาพอดี
ยามนี้จั้นซินเลี้ยวโค้งแล้ว เดินเข้าสู่สายตา
อิงไป๋ในสระน้ำไม่ขยับแล้ว
จิ่งเหิงปัวหันหลังให้ทางที่จั้นซินเดินมา สองมือค้ำยันข้างหลังฮัมเพลงอย่างเบิกบาน สองเท้าเตะผิวน้ำอย่างเป็นธรรมชาติ
จั้นซินมองเห็นเงาด้านหลังของจิ่งเหิงปัว หยุดยั้งฝีเท้า
ลมหายใจถี่กระชั้น
นัยน์ตาของเขาทอดลงบนเงาด้านหลังของสตรีข้างสระอย่างละโมบ…ไหล่เพรียวบางประณีต เอวเพรียวบางดุจหลิว สองแขนกลมกลึงดุจไผ่ ผิวขาวเหนือหิมะ ผมดำคล้ายแพร
ลมพัดผ่านผมยาวของนาง ดอกไม้ใบไม้แดงท้อหลายกลีบ พลิ้วไหวร่วงหล่นข้างจอนผมนาง
ร่างกายของนางกระชับยอดเยี่ยมเช่นนี้จนดูคล้ายเชือก เหนี่ยวรั้งสายตาบุรุษทุกคนบนโลกหล้าไว้ได้
นางนี้มีรูปร่างปานสาวน้อยโดยแท้ จั้นซินไม่อยากเชื่อว่านางอายุเจ็ดสิบจริง ทว่าเขายังคงตัดสินใจในครู่หนึ่งนี้ ไม่ว่านางจะฐานะอย่างไร ไม่ว่านางจะเจ็ดสิบจริงหรือเจ็ดสิบปลอม เขาจะไม่ยอมปล่อยสตรีนี้ไปเด็ดขาด
สิ่งวิเศษหายาก พลาดไปเสียใจชั่วชีวิต
เขาไอออกมา เน้นเสียงฝีเท้า จิ่งเหิงปัวหันหน้ากลับมา ทำท่าแปลกใจ
“ว้าย ฝ่าบาทเสด็จมาได้อย่างไร…” นางลุกลี้ลุกลนหวังคว้าเสื้อผ้าปกปิด แต่เสื้อผ้าอยู่ในสระน้ำ นางได้แต่ยกแขนปิดหน้าอก แต่บังหน้าอกได้บังขาอ่อนไม่ได้ บังขาอ่อนได้บังหน้าอกไม่ได้ ร่างกายยิ่งล้นทะลักท่วมท้นท่ามกลางการบีบรัดแบบนี้
สายตาของจั้นซินคล้ายใกล้ถูกเผาไหม้แล้ว
ในสระน้ำคล้ายมีการเคลื่อนไหว
จิ่งเหิงปัวใช้เท้าเหยียบลงไป
สระน้ำเงียบสงบแล้ว
“ข้าเพียงผ่านมาที่นี่ คิดว่าบึงโคลนยานี้มีบางสิ่งต้องห้าม น่าจะไม่มีคนเอ่ยให้ท่านฟังชัดเจน มาอธิบายให้ท่านฟังด้วยตนเองสักหน่อย” จั้นซินรักษาท่าทางสุภาพอ่อนโยน หยุดลงตรงตำแหน่งสามฉื่อข้างหน้าจิ่งเหิงปัว สายตาเพียงจ้องมองบนใบหน้านาง หวังกำจัดความระมัดระวังของนาง
จิ่งเหิงปัวกะพริบตา ยิ้มแล้ว
“เช่นนี้เอง ผู้ชราซาบซึ้งในน้ำพระทัยของฝ่าบาท เช่นนั้น สิ่งต้องห้ามนั้นอยู่ที่ใดเล่า?”
จั้นซินยิ่งยิ้มแย้มลึกล้ำ ทว่าสีหน้าคล้ายค่อนข้างลำบากใจ
“สิ่งต้องห้ามอยู่ก้นสระ เพียงแต่ต้องให้คนลงไปสาธิตด้วยตนเอง…”
“ไอ้หยา เช่นนี้จะทำอย่างไรดี” จิ่งเหิงปัวเบิกตากว้าง ปิดปากไว้แผ่วเบา กล่าวว่า “งานต่ำต้อยเช่นนี้ ไม่กล้าให้ฝ่าบาททรงกระทำด้วยพระองค์เอง หรือไม่ หาขันทีสักคนมาสาธิตสักหน่อยเถิด?”
“ขันทีชาววัง ร่างกายสกปรกไม่สมบูรณ์ไม่เป็นมงคล คู่ควรลงสระน้ำนี้ด้วยหรือ? สมุนไพรในสระนี้ เอ่ยว่าล้ำค่าเท่าหลายเมืองคงไม่เกินไป” จั้นซินลังเลเล็กน้อย เอ่ยหยั่งเชิงว่า “หรือไม่ ให้เราสาธิตด้วยตนเองสักหน่อย?”
“ไอ้หยา เช่นนี้ข้าเกรงใจ” จิ่งเหิงปัวยิ้มแย้มดุจมวลผกา ไม่มีสีหน้าเกรงใจเลยด้วยซ้ำ
“เพียงแต่เรื่องนี้คล้ายไม่สุภาพอยู่บ้าง…” จั้นซินเอ่ยอย่างลำบากใจว่า “ลงสระน้ำต้องถอดเสื้อคลุม…”
ก้นสระคล้ายคล้ายมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย
จิ่งเหิงปัวใช้เท้าเหยียบลงไป
ก้นสระเงียบสงบแล้ว
“เอ่ยว่าไม่สุภาพ ข้าก็ไม่สุภาพยิ่งกว่าไม่ใช่หรือ?” จิ่งเหิงปัวกะพริบตา กล่าวว่า “ถวายบังคมฝ่าบาทด้วยอาภรณ์ไม่เรียบร้อย โชคดีที่ฝ่าบาททรงให้อภัยว่าข้าเป็นชาวชนบท ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับข้า ข้ายังจะคิดเล็กคิดน้อยกับฝ่าบาทได้อย่างไรเล่า?”
จั้นซินจิตใจเบิกบาน…สตรีนี้ฉอเลาะออดอ้อน สานสัมพันธ์ง่าย!
เทียบกับนางแล้ว อินอู๋ซินดูคล้ายท่อนไม้หมื่นปีที่แช่อยู่ในธารน้ำแข็งพันปี!
“เช่นนี้ เสียมารยาทแล้ว” เขาแสร้งหันหลัง เริ่มถอดอาภรณ์
ที่ก้นสระมีศีรษะมนุษย์โผล่ออกมาอย่างเงียบเชียบ
จิ่งเหิงปัวยกเท้าหวังเหยียบลงไปอีกครั้ง อิงไป๋ยกมือคว้าข้อเท้านางไว้ในครั้งเดียว จิ่งเหิงปัวคันยุบยิบ อยากหัวเราะ แต่ก็พยายามกลั้นไว้สุดชีวิต
อิงไป๋จ้องเงาด้านหลังของจั้นซินเขม็ง ความคิดสังหารปรากฏกลางแววตาบ่อยครั้ง
เขากำลังจะลงมือ จั้นซินพลันหันข้างถอดเข็มขัด จิ่งเหิงปัวใช้เท้าเหยียบอิงไป๋ลงไปอีกครั้ง…
เขาอยู่ใต้น้ำ คว้าฝ่าเท้าของนางไว้ ในฝ่ามือนุ่มลื่น ทว่าในใจล่องลอย…