เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2] - ตอนที่ 36 - 2 ไล่ตามภรรยาที่หนีไป?
จิ่งเหิงปัวฟังถึงตรงนี้พลันรู้สึกว่าเจ้าผู้ชราคนนี้เป็นผู้ทะลุมิติเหมือนกันใช่ไหม? ทำไมแม้แต่ขุดอุโมงค์ให้รถแล่นผ่านยังคิดออกมาได้ นี่เป็นแผนการที่ยิ่งใหญ่แน่นอน แต่ถ้าแผนการนี้ต้องให้นางไปทำด้วยตัวเอง แบบนั้นขอผ่านดีกว่านะ
หลังวาจาน่ารังเกียจวรรคนี้คือรายการให้คะแนนแต่ละข้อ ทุกข้อให้คะแนนออกมาแล้วด้วย
ให้คะแนนกันแบบนี้
ลูกน้องของจิ่งเหิงปัวแข่งก่อสร้างที่ครึ่งเขา มีความฮึกเหิม เพิ่มหนึ่งแต้ม
จิ่งเหิงปัววิเคราะห์เพลงกล่อมเด็กข้างบ่อน้ำ มีความเฉลียวฉลาด เพิ่มครึ่งแต้ม
จิ่งเหิงปัวไม่ได้ตกใจผีสาวกลางดึก มีความกล้าหาญ เพิ่มหนึ่งแต้ม
จิ่งเหิงปัวลงเขาตามหาคนทำลายค่ายกลสำเร็จ เพิ่มหนึ่งแต้ม
เนื้อหาเหล่านี้เขียนไว้ตรงตำแหน่งเป้ากางเกง ตำแหน่งนั้นยังมีคราบน่าสงสัย ส่งกลิ่นคลุมเครือ อักษรยังเล็กมาก น่าสงสารจื่อหรุ่ยจำเป็นต้องเข้าใกล้จำแนกอย่างยากลำบาก มองเห็นว่าเพิ่มคะแนนทั้งนั้น อดจะมีสีหน้าดีใจไม่ได้
จิ่งเหิงปัวถอนหายใจ หักใจเตือนนางถึงความจริงโหดร้ายที่วรรคถัดไปไม่ได้
รายการหักคะแนน ดังนี้
ลูกน้องของจิ่งเหิงปัวไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กระทั่งเป็นศัตรูต่อกันอยู่บ้าง แต่ตอนกลางคืนนอนหลับไม่ระมัดระวังเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังไม่ได้จัดให้คนเฝ้ายาม เอ่อร์ลู่นอนอยู่บนร่างเขาแล้วเพิ่งรู้ตัว ในฐานะที่เป็นลูกน้อง นิสัยระมัดระวังน้อยเกินไป ไม่ผ่านเกณฑ์ หักสิบแต้ม
จิ่งเหิงปัวขึ้นเขาแล้วคิดจะจากไป ไม่มีความกล้าหาญรับการท้าทาย หักสิบแต้ม
จื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ยถูกลักพาตัวไปง่ายมาก ไม่มีความระมัดระวังเลยแม้แต่น้อย ไม่ผ่านเกณฑ์ หักสิบแต้ม
เจ้าหมาโง่ไปท้าทายนกอินทรีขาว พ่ายแพ้ย่อยยับกลับมา สายตาย่ำแย่ หักสามแต้ม
เหล่าลูกน้องไม่ค่อยระมัดระวังตอนกินข้าว หักสามแต้ม
ตอนกางเกงในร่วงหล่น จื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ยรังเกียจว่าสกปรกไม่ได้รับไว้ หักสามแต้ม
ตอนจิ่งเหิงปัวช่วยยงเสวี่ย อิงไป๋ได้ลงมือช่วยเหลือ โกงข้อสอบ หักยี่สิบแต้ม
กางเกงในร่วงหล่นจากมือของจื่อหรุ่ยที่งงเป็นไก่ตาแตก เป็นยงเสวี่ยที่มือไวตาไวรีบคว้าไว้ กลัวว่าช้าอีกก้าวเดียวกางเกงในจะร่วงพื้นแล้วโดนหักคะแนนอีกครั้ง
จิ่งเหิงปัวลองคำนวณ แม่งเอ๊ย ถึงตอนนี้เพิ่มมาสามจุดห้าคะแนน แต่หักไปห้าสิบเก้าคะแนน นางพาพวกลูกน้องไปขุดอุโมงค์ได้แล้ว
นี่มันใช่การทดสอบที่ไหนกัน นี่มันแกล้งคนชัดๆ
หลังข้อสอบแกล้งคนฉบับนี้ ท่านอาจารย์จื่อเวยผู้เมตตายังบอกจิ่งเหิงปัวว่าระหว่างช่วงเวลานี้ที่นางอยู่บนเขา ถ้านางตั้งใจเข้าร่วมการทดสอบ อาการพิษของนางกับพวกลูกน้องก็จะได้รับการควบคุม เช่น วันนี้นางใช้เท้าถีบกำแพงตามหาจื่อหรุ่ย พิษก้อนผลึกที่ทำให้นางเกิดอาการชาชั่วคราวนั้น แท้จริงแล้วก็เป็นส่วนหนึ่งของยาที่ยับยั้งอาการพิษของนาง ยาถอนพิษพวกนี้จะปรากฏในทุกรายการทดสอบตามโอกาส
จิ่งเหิงปัวคิดว่านี่มันอัพเลเวลโจมตีมอนสเตอร์เก็บไอเทมผ่านด่านไม่ใช่เหรอ?
“ทำอย่างไรดี? จะเก็บคะแนนกลับมาได้อย่างไร” จื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ยละอายใจกับคะแนนที่เสียไปด้วยเพราะตนเองเหล่านั้นยิ่งนัก เริ่มใคร่ครวญว่าทำสิ่งใดถึงได้คะแนนเพิ่ม
บนท้องฟ้ามีกางเกงในอีกตัวค่อยๆ ร่วงหล่นลงมา คราวนี้สาวน้อยที่บริสุทธิ์ผุดผ่องสองนางพุ่งขึ้นไปแย่งกางเกงในของบุรุษประหนึ่งหมาป่า
จิ่งเหิงปัวเท้าคางมอง ในใจคิดว่ามีแค่ความกดดันกับการแข่งขันถึงจะเปลี่ยนแปลงคนหนึ่งคนได้เร็วที่สุดจริงด้วยแฮะ
บนกางเกงในเขียนไว้แล้ว ซักกางเกงในตัวหนึ่งข้างหน้าให้สะอาดด้วยความเร็วสูงสุด จะได้รับคะแนนเพิ่ม ศูนย์จุดหนึ่งคะแนน
แม้เพิ่มคะแนนน้อยจนน่าสงสาร แต่ศูนย์จุดหนึ่งคะแนนก็เป็นคะแนน จื่อหรุ่ยแย่งกางเกงในไปซักด้วยความเร็วสูงสุดแล้ว ยงเสวี่ยเศร้าสร้อยยิ่งนัก
หลังจากนั้นเป็นข้อสอบตัวเลือก จิ่งเหิงปัวเลือกพักผ่อนได้ครึ่งเดือน จากนั้นเลือกไม่กี่ข้อข้างล่างไปทำตามใจชอบ
ข้อแรก เข้าไปในหุบเขาลึกในป่าทึบที่ยอดเขาชีเฟิง ต่อสู้กับสัตว์ร้ายทุกชนิดในนั้น สัตว์ร้ายทุกตัวจะมีรายการเพิ่มคะแนนที่สัมพันธ์กัน กำหนดตามระดับความดุร้าย จิ่งเหิงปัวเลือกเก็บคะแนนกับสัตว์ร้ายที่คะแนนค่อนข้างต่ำก่อนได้ มีตั้งแต่หนึ่งคะแนนจนถึงสิบคะแนน
ข้อสอง ค้นหาที่พักอาศัยที่แท้จริงของท่านอาจารย์จื่อเวยในขอบเขตทั้งเขาชีเฟิง รวมทั้งเอากางเกงในสะอาดตัวหนึ่งของเขามาให้ได้ จะได้ห้าคะแนน ข้างหลังข้อนี้มีลายมือแตกต่างกันเขียนอธิบายไว้ บอกว่าข้อนี้เฮงซวยอย่างยิ่ง เพราะว่าหลายปีมานี้เหล่าเจ็ดสังหารยังไม่รู้แน่ชัดเลยว่าอาจารย์อาศัยอยู่ที่ไหนกันแน่ อีกทั้ง หาที่อยู่ของเขาเจอก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าแต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยซักกางเกงใน
ข้อสาม ลงเขาไปเมืองชีเฟิงกระทำการเลือกซื้อสินค้า พาคนหนึ่งคนไปด้วยได้ แต่ไม่ให้พกเงิน ไม่ให้ยืมเงิน ไม่ให้ซื้อเชื่อ ไม่ให้แลกเปลี่ยนด้วยสิ่งของมีค่าทุกสิ่ง ไม่ให้ใช้วรยุทธ์ ไม่ใช้วิธีคุกคามหลอกล่อป่าเถื่อนทุกสิ่ง ลงเขาไปซื้อสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น ข้าวสาร ผักสด เป็นต้น ทำให้สำเร็จภายในหนึ่งวัน ทำให้สำเร็จยิ่งเร็วทำให้สำเร็จยิ่งดีคะแนนยิ่งสูง เพิ่มได้มากสุดห้าคะแนน แต่ถ้าโกง หักคืนยี่สิบแต้ม
ข้อสุดท้ายนี้มีความคิดเห็นเพิ่มเติมของเจ็ดสังหารเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าข้อนี้แม่งโคตรยากของจริง แม้ชาวเมืองชีเฟิงรักพวกเขามาก แต่รักพวกเขามากเกินไปหน่อย ทุกผู้คนที่ลงมาจากบนเขาชีเฟิงต่างเป็นเป้าหมายที่พวกเขา ‘รักอย่างแรง’ ยิ่งกว่านั้นชาวเมืองกล้าหาญมากๆ…
ขณะนี้มีแค่สามข้อนี้ กำหนดตามความสามารถที่จิ่งเหิงปัวมีอยู่ตอนนี้ ท่านอาจารย์จื่อเวยเอ่ยว่ารอให้เขารู้สึกว่าจิ่งเหิงปัวรับภารกิจระดับสูงกว่าเดิมได้ ย่อมจะจัดหาหัวข้อที่เพิ่มคะแนนสูงกว่านี้ให้ทำ
จิ่งเหิงปัวคร้านจะแขวะการทดสอบที่ไม่ยุติธรรมแบบนี้แล้ว อย่างไรเสียจะเพิ่มคะแนนเพิ่มน้อยเหลือเกิน จะหักคะแนนหักเยอะเหลือเกิน ถ้าอยากให้ไม่ผ่านเกณฑ์ ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น
“เลือกข้อใด” ยงเสวี่ยตื่นเต้นยิ่งนัก ด้วยเพราะบนกางเกงในเขียนไว้แล้ว ทุกครั้งที่ใช้เวลาครุ่นคิดเกินกว่าครึ่งเค่อจะถูกหักคะแนน
จิ่งเหิงปัวไม่คิดด้วยซ้ำ กล่าวว่า “ข้อสาม”
หากต้องต่อสู้กับสัตว์ป่าที่ไม่รู้พละกำลัง หาถ้ำในภูเขาที่ไม่คุ้นเคยเส้นทางเลยแม้แต่น้อย ค้นหากางเกงในสะอาดที่เป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำตัวหนึ่ง ยังไม่สู้คบค้าสมาคมกับผู้คนเสียก่อน เรื่องนี้นางเชี่ยวชาญ
รอให้อาศัยอยู่สักพัก ความสามารถเพิ่มขึ้นบ้าง เข้าใจภูมิประเทศกับสัตว์ร้ายของเขาชีเฟิงบ้างแล้ว สองข้อแรกก็จะง่ายขึ้นมาหน่อย
“เลือกผู้ใดไปด้วย”
“พาข้าไป!” เงาคนกะพริบวูบ เผยซูไม่รู้ว่าโผล่มาจากที่ใด สีหน้าหงุดหงิด ร้องว่า “สถานที่ทุรกันดารแห่งนี้ ข้าอยู่ไม่ถนัด ข้าจะพาเจ้าลงเขาไปปล้นฆ่าชิงทรัพย์!”
“ไสหัวไป!” จิ่งเหิงปัวใช้เท้าถีบเขาหงายท้อง มองท้องฟ้าค่ำแล้ว กล่าวเสียงดังว่า “วันหลังค่อยว่ากัน!”
ข้างบนไม่มีเสียง เขาน่าจะเห็นด้วย จิ่งเหิงปัวจะกลับที่พักของตัวเอง แวบหนึ่งมองเห็นต้นไทรย้อยใบทู่ต้นใหญ่ที่ปากประตูบ้านกลางเขาถูกเฉือนเปลือกไม้ออกแล้ว จึงสลักกฎเกณฑ์กางเกงในลงไป เหล่านายกองบรรดาศักดิ์กับลูกน้องของเผยซูฝูงนั้นพากันเบียดเสียดเข้ามาอ่าน สีหน้าอับอาย
จิ่งเหิงปัวกลับไปบนเขา คราวนี้ไม่มีคนคอยปรนนิบัตินางแล้ว จื่อหรุ่ยกำลังซักกางเกงในรอบแล้วรอบเล่า ซักสะอาดแล้วผึ่งลมภูเขาบนที่สูง กลัวว่าหลงเหลือร่องรอยที่ใดแล้วจะถูกหักคะแนน
ความกดดันที่ ‘เจ้าทำได้ไม่ดีถูกหักคะแนนจะทำให้ผู้อื่นสูญเสียโอกาสรอดชีวิต’ เช่นนี้มากเกินไปแล้วโดยแท้ ไหล่อ่อนนุ่มทั้งสองของสาวน้อยอ่อนวัยแบกรับไม่ไหว จนทำให้จื่อหรุ่ยที่อยู่ดีกินดีจนเคยชินมีสีหน้าเกร็งแน่น ยงเสวี่ยไม่ได้สนใจเรื่องทำอาหารอีกแล้ว บอกจิ่งเหิงปัวให้กินเสบียงกรัง ตนเองจะไปเรียนวรยุทธ์กับเทียนชี่แล้ว
จิ่งเหิงปัวได้แต่กล้ำกลืนฝืนกินเสบียงกรัง กินเสร็จเก็บกวาดด้วยตัวเอง ต้มน้ำ ซ้ำยังช่วยจื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ยต้มน้ำ
หลังทะลุมิติแล้วแม้นางเจออุปสรรคมากมาย แต่ได้ใช้ชีวิตสูงศักดิ์ล้ำค่าโดยตลอด แม้แต่ขณะลี้ภัยยังมีคนปรนนิบัติ แต่นับจากนี้ นางรู้ว่าชีวิตสุขสบายจบสิ้นอย่างแท้จริงแล้ว
แต่นางไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น เสร็จงานล้มตัวลงนอน คราวนี้ไม่รู้สึกว่าลมภูเขาเสียงดังนอนไม่หลับอีก หลับสนิทอย่างรวดเร็ว แม้ได้ยินไกลออกไปคล้ายมีเสียงดังรำไรกลางดึกยังคร้านจะลืมตามอง
ครึ่งเดือนต่อมา นางกับจื่อหรุ่ยและยงเสวี่ยมัวแต่เรียนรู้ฝึกฝนทักษะหลายชนิด คุ้นเคยภูมิประเทศ แม้กระทั่งค้นหาสะสมอาหาร จะได้ไม่ถูกยายเฒ่าปีศาจกลั่นแกล้งทุกเวลา
ทุกวันนี้แสงสว่างรำไรนางก็ถูกปลุกให้ตื่น ลืมตาสะลึมสะลือ แวบแรกมองเห็นท้องฟ้าอึมครึม เกือบจะนึกว่าตัวเองยังไม่ได้นอน
จื่อหรุ่ยกลับเอ่ยอย่างเคร่งเครียดว่า “เจ้านาย ตื่นได้แล้ว! วันนี้ต้องทดสอบ! คราวนี้หากตื่นสาย โดนหักคะแนนจะทำอย่างไร?”
จิ่งเหิงปัวอยากจะกล่าวเหลือเกินว่า แม่งเอ๊ย เรื่องนี้ยังจะหักคะแนนอีกเหรอ? แต่ลองคิดแล้ว ด้วยนิสัยเฮงซวยของท่านอาจารย์จื่อเวย เรื่องนี้น่าจะเป็นไปได้สูง การทดสอบครั้งนี้เป็นการทดสอบที่ไม่ยุติธรรมมากครั้งหนึ่ง เพราะว่ากฎเกณฑ์ทุกข้อถูกคนหนึ่งคนกำหนดตามใจชอบ แก้ไขได้ทุกเวลา อีกทั้งคนจัดการทดสอบคนนี้ยังเป็นเฒ่าปีศาจใจดำไร้ยางอายอีกด้วย
นางได้แต่ลุกขึ้น พาเจ้าหมาโง่กับเฟยเฟยเตรียมตัวลงเขา เฒ่าปีศาจเอ่ยว่าพาคนไปได้แค่คนเดียว เจ้าหมาโง่กับเฟยเฟยไม่นับว่าเป็นคนสักหน่อย
เจ้าหมาโง่ท่าทางเซื่องซึม ตาเม็ดถั่วเขียวน้อยคล้ายพร่ามัวนิดหน่อย พินิจแล้วเห็นขนลดลงกว่าเดิมไม่น้อย หลังจากหาลูกน้องพลาดไปเจอนกอินทรีขาว มันก็มีท่าทางแบบนี้ตลอดเวลา จิ่งเหิงปัวเกิดความรู้สึกผิดในใจเล็กน้อย เข้าใจว่าเจ้าตัวนี้ตกต่ำถึงขั้นนี้เกี่ยวข้องกับตัวเองแน่นอน แต่นางกล่าวว่านกอินทรีขาวเป็นนกกระจอกงั้นก็เป็นนกกระจอกเหรอ? ท่านหมาโง่ตาถั่ว สมน้ำหน้า
“อิงไป๋! อิงไป๋!” นางเดินไปพลางเรียกอิงไป๋ นางลองคิดแล้ว ท่ามกลางคนพวกนี้มีแค่อิงไป๋ไว้ใจได้หน่อย แม้ว่าแท้จริงแล้วภาพลักษณ์ของขี้เมาคนหนึ่งก็ไม่เอื้อต่อการใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้คนเช่นกัน
อิงไป๋ไม่ขานรับ นางไปดูในบ้านเขา ไม่มีคน เช้าขนาดนี้ คนไปไหนแล้ว?
นางเรียกเทียนชี่อีกคน ไม่มีเสียงขานรับเช่นเคย ได้แต่ลงเขาด้วยตัวเอง ขึ้นรถตรงครึ่งเขา บ้านพักครึ่งเขาเริ่มก่อสร้างแล้ว วัสดุมากมายกองเต็มไปหมด ของพวกนี้นางให้คนแอบขนย้ายมาจากหุบเขาเทียนฮุย เมื่อวานเพิ่งมาถึง อีกเดี๋ยวเตรียมมอบให้ช่างฝีมือที่พามาจากเผ่าจั๋นอวี่พวกนั้น เริ่มสร้างเรือวิเศษเทียนซิง
จิ่งเหิงปัวเตรียมใช้เขาชีเฟิงเป็นฐานทัพฝ่ายเทคนิคของนาง โรงงานสร้างอาวุธอยู่ที่นี่ปลอดภัยที่สุด หลังจากอินอู๋ซินสอนทักษะให้ช่างฝีมือพวกนั้นบางส่วนแล้วจึงกลับสำนักกลางทาง มีช่างฝีมือพวกนี้ก็พอแล้ว
จิ่งเหิงปัวให้ทหารคนสนิทของนายกองบรรดาศักดิ์ขับรถ เพิ่งจะเข้าไปนั่ง ข้างกายคนเพิ่มมาหนึ่งคน พอนั่งลงพลันเอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “ขยับหน่อย สตรีเช่นเจ้านี้ก้นใหญ่เกินไปแล้ว กินที่มากขนาดนั้น” ทำให้นางขยับออกไปแล้วจึงฉวยโอกาสจะพาดท่อนขายาวไว้บนขานาง
จิ่งเหิงปัวจึงผลักขานั้นออกไปด้วยฝ่ามือเดียว ร้องว่า “ไม่ให้ขึ้น! ลงไป!”
“สตรีชั่ว!”เผยซูถลึงตามองด้วยความโกรธ เอ่ยว่า “เจ้ากำลังท้าทายความอดทนของข้าหรือ?”
“ฉันเหมาคันนี้ไว้แล้ว! อยากนั่งสบายไปคันอื่น!”
“เจ้าเอ่ยกระไรข้าฟังไม่รู้เรื่อง” เผยซูบ่นอุบอิบ อ้าปากหาว เอ่ยว่า “หยุดโวยวายได้แล้ว ข้าไปทำธุระในเมือง ไปถึงแล้วจะแยกกับเจ้า ข้านอนสักครู่ เจ้าอย่ากวนข้า”
เอ่ยจบหลับตาลง หลับจริงแล้ว
เฮ้อ จะไม่นอนได้อย่างไร เมื่อคืนนี้เขาใช้เวลายามราตรีล่อให้อิงไป๋ออกไป จากนั้นใช้เวลายามราตรี ‘คุยเรื่องชีวิตคุยเรื่องอุดมการณ์’ กับเทียนชี่ คุยกระทั่งเจ้าผู้นั้นยิ้มแย้มเบิกบาน ยอมละทิ้งการทดสอบด้วยตนเอง
เพื่อหาโอกาสอยู่กับสตรีน่ารำคาญนางนี้ตามลำพัง กลั้นอาเจียนชมเชยกะเทยคนหนึ่งว่า “เจ้างดงามทรงเสน่ห์ ควรเป็นสตรีโดยแท้” มันไม่ง่ายเลยนะ!
จิ่งเหิงปัวทำท่าทางแยกเขี้ยวยิงฟันอยู่นาน สุดท้ายแล้วไม่ได้โยนเขาออกไป
เฮ้อ แม้เจ้าคนนี้ป่าเถื่อนโหดเ**้ยม บ้าคลั่งอวดดี แต่แท้จริงแล้วธาตุแท้แสนบริสุทธิ์ ตั้งแต่ทะลุมิติมาจิ่งเหิงปัวเคยคบค้าสมาคมกับคนเก่งหลายคน คนที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกเป็นธรรมชาติที่สุดสบายใจที่สุดคือเถี่ยซิงเจ๋อ แต่คนที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกผ่อนคลายที่สุดไม่ต้องสนใจอะไรที่สุดคือเผยซู
แท้จริงแล้วขุนพลน้อยน่ารักตะมุตะมิ