เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2] - ตอนที่ 42 - 2 ข้าเป็นเจ้าภาพงานสมรสให้เจ้า
เงาคนขาวราวหิมะสายหนึ่งวิ่งแจ้นในชนบท สวมอาภรณ์สง่างามยิ่งนัก ทว่าระหว่างฝีก้าวคล้ายโซเซเล็กน้อย ดูท่าคงได้รับบาดเจ็บ
เขาวิ่งแจ้นไปพลาง เหลียวหลังบ่อยครั้งไปพลาง ราวกับข้างหลังมีพลไล่ล่า
แท้จริงแล้วข้างหลังมีพลไล่ล่า พี่สาวน้องชายคู่หนึ่ง น้องชายแบกพี่สาวไว้ ตามมาด้วยฝีก้าวผ่อนคลาย น้องชายยังเอียงศีรษะคุยเล่นกับพี่สาวบ่อยครั้ง บรรยายทิวทัศน์หุบเขานี้ให้นางฟัง
คนชุดขาวมองเงาคนไกลโพ้น สายตาฉายแววโกรธแค้น
พี่สาวน้องชายคู่นี้เอง เป็นภารกิจที่ทำให้เขาต้องเดินทางไกลครั้งนี้ เดิมทีพวกเขาเป็นเป้าหมายในการไล่ล่าของเขา ทว่ายามนี้เขากลับถูกไล่ล่าราวกับสุนัขไร้เจ้าของ
หนึ่งเดือนก่อน เขารับภารกิจจากนิกายสวรรค์ นิกายสวรรค์เอ่ยว่าพี่สาวน้องชายคู่นี้ลบหลู่ความศักดิ์สิทธิ์ของนิกายสวรรค์ ให้เขาพาลูกศิษย์นอกนิกายกลุ่มหนึ่งไปลงโทษทั้งสองโดยเร็ว
เขาพาลูกน้องออกเดินทางโดยพลัน เกียรติยศศักดิ์ศรีของนิกายสวรรค์ล่วงเกินไม่ได้ นี่เป็นบรรทัดฐานกับหลักการปฏิบัติงานของลูกศิษย์ทุกคน ส่วนเขาคนนี้ ลูกศิษย์ในนามที่ยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ ยิ่งต้องการโอกาสปกป้องนิกายสวรรค์เช่นนี้ มาคว้าโอกาสที่จะเข้าสู่ตำหนักซีกวงอย่างเป็นทางการ
เขาจับตาดูพี่สาวน้องชายคู่นี้ตั้งแต่ในเขตเผ่าจั๋นอวี่แล้ว ทว่าไม่ได้ลงมือทันที ด้วยเพราะยามนั้นข้างกายพวกเขามียอดฝีมือเนืองแน่น แม้เขาไม่ได้สนใจยอดฝีมือเหล่านี้ แต่หวังว่าลูกน้องจะกลับนิกายสวรรค์โดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ สำเร็จภารกิจนี้อย่างงดงาม
เมื่อครู่บนเขาเตี้ย เขารู้สึกว่าเป็นโอกาสดีที่จะแสดง ‘วิชารวมเมฆ’ กับ ‘วิชาลวงตา’ ที่มีเฉพาะนิกายสวรรค์ ภายใต้สถานการณ์ปกติ คนทั่วไปมองเห็นภาพที่สูงศักดิ์น่าเกรงขามท่วมท้นด้วยกลิ่นอายแห่งเซียนเช่นนี้ ต่างจะเกิดความสับสนงงงวยพริบตาหนึ่ง เพียงพริบตาหนึ่งนั้นก็พอแล้ว
ระหว่างพริบตาหนึ่งนี้เอง จะเป็นเวลาสะสมพลังลงมือของลูกศิษย์นิกายสวรรค์
เขากลับไม่ได้ใช้ประโยชน์จากพริบตาหนึ่งนี้ ทว่าถูกเหยียลี่ว์ฉีที่น่าชิงชังผู้นั้นชิงตัดหน้าเสียก่อน
ยามนั้นเขาพาลูกน้องซ่อนตัวในถ้ำที่เว้าเข้าไปใต้หน้าผา…เพียงอยู่ใต้หน้าผา เสริมฤทธิ์ยากับฝีมือด้วยแสงสว่าง ถึงสร้างผลลัพธ์เช่นนั้นออกมาได้ เขากำลังเตรียมก้าวขึ้นเส้นทางเมฆา หลังจากนั้น เส้นทางเมฆาจะเปล่งประกายแสงรุ่งโรจน์หมื่นจั้ง ‘แสงรุ่งโรจน์’ นั้นจะเป็นเครื่องสังหารพี่สาวน้องชายคู่นี้ พวกเขาจะถูกประหารชีวิตใต้แสงศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกับคนจำนวนมากก่อนหน้านี้
จากนั้นเขาได้ยินเสียงดังสนั่น คล้ายมาจากกลางภูเขา แผ่นดินไหวหนึ่งระลอก เขาถูกสั่นสะเทือนจนโซเซ แทบจะกระเด็นออกนอกถ้ำ พอเชิดสายตามองเห็น ‘ประตูสวรรค์จิ่วฉง’ ที่ลอยคว้างกลางอากาศถูกสั่นสะเทือนหายไปแล้ว
ข้างหลังแว่วเสียงร้องโหยหวนทอดยาว พอเขาหันหน้ากลับไปก็เห็นข้างบนถ้ำเกิดเป็นหลุมใหญ่ไม่รู้ตั้งแต่ยามใด หินขาวก้อนใหญ่ร่วงหล่นลงมาทับร่างลูกน้องที่อยู่ข้างหลัง กระแทกจนแขนขาขาดทั่วพื้น
เขาตื่นตระหนก ทว่าไม่ได้หันไปตรวจสอบอาการบาดเจ็บของลูกน้อง เรือนร่างเฉียดออกมาจากถ้ำ…ประตูสวรรค์หายไปเอย โจมตีล่วงหน้าเอย เพียงทำลายวิธีสยบจิตใจผู้อื่นของเขา ไม่มีสิ่งเหล่านี้ เขายังมีวรยุทธ์!
ทว่าเขาแทบจะออกจากถ้ำไม่ได้
ด้วยเพราะหินขาวก้อนใหญ่คำรามพุ่งมาขวางหน้าอีกครั้ง กระแทกทางปากถ้ำแห่งนี้อย่างรุนแรง ขนาดใหญ่พอที่จะปิดตายปากถ้ำ หากถูกกระแทกเข้า เขากับลูกน้องที่ได้รับบาดเจ็บก็จะถูกขังไว้ในถ้ำครึ่งเขาแห่งนี้ตลอดไป!
ช่วงเวลาอันตรายเขาแสดงวิชาหดกระดูกกับวิชาก้าวอากาศที่เลิศล้ำที่สุด ชั่วพริบตาที่หินยักษ์ใกล้จะปิดปากถ้ำสนิท ฝืนลอดผ่านข้างหินยักษ์ พริบตาหนึ่งนั้นใบหน้าของเขาเสียดสีผิวขรุขระของหินยักษ์จนโลหิตกระเซ็น เขาได้กลิ่นกระทั่งกลิ่นเย็นเยือกของก้อนหินกับกลิ่นฉุนของเขม่าดินปืน
ยามที่ออกจากถ้ำเขากระอักโลหิตออกมา การฝืนเบียดเสียดครั้งนั้น อีกเพียงเสี้ยวเดียวเขาจะกลายเป็นแผ่นเนื้อ เขาได้ยินเสียงครืนจากข้างหลัง พอหันหน้ากลับมาอีกครั้งฝุ่นควันตลบอบอวล ปากถ้ำถูกปิดตายหมดแล้ว ลูกน้องของเขาทุกคนติดอยู่ในถ้ำ
นิกายสวรรค์หลากหลายความสามารถ เดิมทียังขุดโพรงจากอีกฝั่งหนึ่งขึ้นไปได้ด้วย ทว่าหินขาวที่ร่วงลงมาจากข้างในก้อนนั้น ปิดกั้นทางรอดโดยสิ้นเชิง
โหดร้ายนัก
แม้เคยชินกับความเย็นชาเฉยเมยที่นิกายสวรรค์ใช้ลงโทษลูกศิษย์กับผู้ไม่เชื่อฟัง เขายังตกใจกับวิธีเด็ดเดี่ยวเช่นนี้
ยิ่งตกใจกับท่าทางของอีกฝ่าย คล้ายไม่กลัวกิตติศัพท์ของนิกายสวรรค์ด้วยซ้ำ แสดงท่าทางไม่ตายไม่ยอมเลิกราตั้งแต่แรกเริ่ม
เหยียลี่ว์ฉี!
เขาไม่กลัวตายจริงหรือ? ยังนึกว่าทำให้เขาเสียเปรียบแล้วจะต่อต้านนิกายสวรรค์ที่แข็งแกร่งได้จริงหรือ? จงรู้ไว้ เขาเป็นเพียงลูกศิษย์ในนามที่ยังไม่ได้รับการยอมรับผู้หนึ่งนอกนิกายสวรรค์!
บางครั้ง คงด้วยเพราะผู้ไม่รู้ย่อมไม่หวาดกลัวกระมัง ได้แต่รอให้เขารู้ซึ้งถึงวิถีที่แท้จริงของนิกายสวรรค์ เขาก็จะเสียใจกับการกระทําในวันนี้เอง
คนชุดขาวเหาะเหินกลางชนบท หลังหลบหนี เขารีบเร่งหายา ไม่มีอารมณ์จะต่อสู้กับพี่น้องเหยียลี่ว์ฉี ทว่าเหยียลี่ว์ฉีตามกัดไม่ปล่อย ทำให้เขากระวนกระวาย
คนชุดขาววิ่งแจ้นตลอดทาง สูดจมูกฟุดฟิดตลอดทาง คล้ายกำลังดมกลิ่นอะไรสักอย่าง ดวงตาพลันสว่างวาบ มุ่งไปสู่ทิศทางหนึ่ง
…
เหยียลี่ว์ฉีตามไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน
เขาจะไม่ปล่อยให้ลูกศิษย์นิกายสวรรค์คนใดรอดชีวิต
เขาไม่มีสีหน้าดีใจอะไร เห็นได้จากการจัดฉากหรูหราเมื่อครู่ ผู้ที่นิกายสวรรค์ส่งมาครั้งนี้ อย่างมากคงเป็นลูกศิษย์ในนาม
ได้ยินว่าสำนักแห่งนี้หยิ่งในศักดิ์ศรียิ่งนัก แบ่งแยกชนชั้น วางตัวเป็นนิกายสวรรค์ เหยียดหยามโลกหล้า สำหรับ ‘ปุถุชนธรรมดา’ เช่นเขานี้ ซ้ำยังหัวเดียวกระเทียมลีบ เป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนกำลังจำนวนมากรับมือตั้งแต่แรกเริ่ม เช่นนั้นจะทำให้พวกเขารู้สึกเสียหน้า อย่างมากคงส่งลูกน้องที่ไม่สำคัญไม่กี่คนมา ‘ลงโทษ’
เขาขมวดหัวคิ้วเล็กน้อย…ความสามารถของนิกายสวรรค์ยังเหนือกว่าจินตนาการของเขา ไม่นึกว่าลูกศิษย์ในนามผู้หนึ่งจะมีวรยุทธ์เช่นนั้นได้ กระทำการจัดฉากยิ่งใหญ่เช่นนั้นได้ หลบหนีจากกับดักที่เขาวางแผนไว้ล่วงหน้าได้
เขาส่งคนล่วงหน้ามาถึงที่นี่ก่อนแล้ว พบว่าปากหน้าผานี้มีหินขาวก้อนหนึ่ง หินก้อนนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก ดูท่าทางแข็งแกร่งทำลายไม่ได้ ทว่าตรงกลางปรากฏรอยแตก คล้ายเคยถูกยอดฝีมือที่มีวรยุทธ์สูงส่งสะบั้นด้วยกําลังภายใน ผู้ใดก็คิดไม่ออกว่าเหตุใดยอดฝีมือผู้หนึ่งถึงต้องใช้พลังกับหินขาวที่ไร้ประโยชน์ก้อนนี้ ทว่าหลังจากได้รับรายงานแล้ว เขาจึงคิดใช้หินขาวก้อนนี้เป็นกับดัก
เขารู้วิธีที่คนในนิกายสวรรค์ใช้ประจำ โดยทั่วไปพวกต้มตุ๋นหลอกลวง ส่วนใหญ่จะเลือกซ่อนตัวอยู่ที่อื่นก่อน ฉะนั้นเขาเลือกหน้าผาแห่งนี้ มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องซ่อนตัวใต้หน้าผา คำนวณจากการสำรวจภูมิประเทศกับความสูงหน้าผา รวมทั้งคำนวณจำนวนคนของอีกฝ่าย กระทั่งแน่ใจในตำแหน่งที่อีกฝ่ายอาจซ่อนตัว จากนั้นจึงขุดโพรงข้างบนท้ายถ้ำ วางหินขาวลงไป ใช้โซ่บางแขวนไว้ในถ้ำ ทาหินขาวให้เป็นสีดำ ดูท่าทางคล้ายหน้าผาในถ้ำ ส่วนหินขาวอีกครึ่งหนึ่งย้ายไปไว้อีกฝั่งในถ้ำ
หลังจากที่คนเหล่านี้เข้าถ้ำทั้งหมดแล้ว คนที่อยู่อีกฝั่งจุดดินปืน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยิงดินปืนขนาดใหญ่และกลไก ยิงหินขาวครึ่งก้อนนั้นออกมา สั่นสะเทือนให้โซ่บางที่แขวนหินขาวอีกครึ่งก้อนไว้ท้ายถ้ำขาดสะบั้น พลันร่วงลงกระแทกคนในถ้ำสิ้นชีพ
ตามแผนการของเขา ต่อให้คนเหล่านี้ไม่ถูกทับสิ้นชีพทั้งหมด แลต้องถูกก้อนหินที่พุ่งมาขวางหน้ากระแทกสิ้นใจ ไม่คิดว่ายังหลบหนีออกมาได้หนึ่งคน
เขาร้อนใจอยู่บ้าง คิดว่ายังประเมินค่านิกายสวรรค์ต่ำไปหน่อย
เขาหันหน้าไปมองเหยียลี่ว์สวินห…เขาไม่รู้ว่าหินขาวก้อนนั้นแบกรับความทรงจำที่สำคัญที่สุดของพี่สาวไว้ ใช้ไปจัดวางเป็นกับดักเสียแล้ว หากพี่สาวรู้เข้าก็คงเสียใจกระมัง
ทว่าเขาไม่นึกย้อนเสียใจ เบื้องหน้าความเป็นความตาย ไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่สำคัญ
เหยียลี่ว์สวินหรูไม่ได้รู้สึกถึงสายตาของเขา นางกำฝ่ามือไว้แน่น หินขาวเกลี้ยงเกลาก้อนหนึ่งอยู่ในฝ่ามือ
นี่คือก้อนหินที่กระเด็นขึ้นมาบนหน้าผาหลังเสียงระเบิดเมื่อครู่ ยามนั้นในใจนางกระตุกวูบ เอื้อมมือคว้าไว้ในฝ่ามือ
ยามที่สัมผัสหินก้อนนั้น นางก็รู้ว่านั่นคือหินขาวของนาง นั่นคือหินขาวที่นางเคยนั่งอยู่ข้างบนตลอดทั้งวัน มองตะวันเคลื่อนเดือนคล้อย มองเมฆม้วนเมฆคลายกับเขา
แหลกสลายไปแล้วหรือ?
ปลายนิ้วนางลูบไล้หินร้อนผ่าวก้อนนั้นอย่างแผ่วเบา
พรหมลิขิตบนโลกนี้ก็เช่นนี้ แสวงหาตลอดทาง หลังข้ามผ่านพันภูผาหมื่นวารี สิ่งที่ได้เจอคือปลายทางแห่งโชคชะตา
แหลกสลายไป…ก็ดีแล้ว
…