เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล - ตอนที่ 269.1 กายแห่งธรรมชาติ
SigninBuddha’spalm269(I)กายแห่งธรรมชาติ
“ผู้เป็นใหญ่ในโลก”
บรรพชนหกบรรพชนเจ็ดและบรรพชนเก้าจำได้ทันทีว่าร่างที่เดินออกมาคือผู้ใดจากนั้นจึงเดินเข้าไปคารวะพร้อมกับกล่าวว่า“ขอต้อนรับผู้เป็นใหญ่ในโลกกลับจากด่านฝึกตน”
“ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว”
ซูฉินค่อยๆรวบรวมเก็บพลังงานปราณชีวิตและเลือดเนื้อที่ผันผวนกลับมาเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก
“การปิดด่านฝึกตนของผู้เป็นใหญ่ในโลกใช้เวลาไปทั้งสินสองเดือน”บรรพชนหกตอบคำถาม
“สองเดือน……”
ซูฉินหยุดเดินหันกลับไปมองหุบเขาด้านหลังใจเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก
ในช่วงสองเดือนมานี้ซูฉินใช้เวลาทั้งฝึกฝนบ่มเพาะและลงชื่อเข้าใช้
“น่าเสียดาย”
“อย่างไรเสียแหล่งกำเนิดธาตุดินแห่งนี้ก็ยังเติบโตไม่เต็มที่ไม่เช่นนั้นหลังจากกลืนกินแหล่งกำเนิดธาตุดินทั้งหมดไปร่างกายของข้าควรจะเข้าสู่การแปรสภาพครั้งที่เจ็ด”
ซูฉันรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
ร่างกายที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงเจ็ดครั้งนั้นเทียบเท่ากับร่างกายของเซียนเทพปฐพีซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
“อย่างไรก็ตามร่างกายของข้าในตอนนี้แม้ว่าจะยังไม่ผ่านการแปรสภาพครั้งที่เจ็ดแต่ก็น่าจะถึงจุดสูงสุดของการแปรสภาพครั้งที่หกแล้วสามารถนับเป็นร่างกายแห่งธรรมชาติอยู่กึ่งหนึ่งได้หรือไม่?”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน
หากว่าร่างกายของซูฉินเมื่อก่อนนั้นอยู่ใกล้กับกายแห่งธรรมชาติตอนนี้ก็เป็นครึ่งก้าวเข้าสู่ร่างกายแห่งธรรมชาติซึ่งหมายความว่าก็เป็นกายแห่งธรรมชาติอยู่กึ่งหนึ่ง
ในความเป็นจริงซูฉินสามารถเข้าถึงการแปรสภาพร่างกายครั้งที่เจ็ดได้แต่ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้เพราะเมื่อทำเช่นนั้นมันจะเป็นการบังคับให้เกิดการแปรสภาพเสี่ยงที่จะล้มเหลวได้มาก
แม้ว่าซูฉินจะครอบครองทิพยอำนาจกายเนื้อกำเนิดใหม่แต่เมื่อเขาล้มเหลวในการแปรสภาพร่างกายร่างกายก็จะพังทลายลงอย่างสมบูรณ์ถึงจะมีทิพยอำนาจกายเนื้อกำเนิดใหม่แต่ซูฉินจะต้องสูญเสียพลังต่อสู้บางส่วนไปอีกนาน
ด้วยนิสัยระมัดระวังของซูฉินแน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมตกอยู่ในอันตรายแม้ว่าจะมีลูกท้อบ้านซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้อีกหนึ่งครั้งแต่ลูกท้อป้านนั้นเตรียมไว้เพื่อใช้ทะลวงขอบเขตไปสู่ยอดอรหันต์ซูฉินไม่ต้องการจะใช้มันหากไม่จำเป็น
กล่าวอีกครั้ง
ซูฉินมีความรู้สึกว่าแม้ร่างกายของเขาจะยังอยู่ในการแปรสภาพครั้งที่หกแต่มันก็ใกล้เคียงกับการแปรสภาพร่างกายเจ็ดครั้งมากแล้วบางทีหลังจากนี้ไม่กี่ปีเขาอาจจะสามารถบรรลุการแปรสภาพร่างกายครั้งที่เจ็ดได้โดยธรรมชาติก็เป็นได้
เมื่อเป็นเช่นนั้นซูฉินก็จะไม่จำเป็นต้องเสี่ยง
“นี่สินะคือแหล่งกำเนิดธาตุดิน…”ในที่สุดฉันก็เหลือบมองไปยังหุบเขาเล็กๆที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
แหล่งกำเนิดธาตุดินไม่สามารถเปลี่ยนย้ายปลูกถ่ายได้เหมือนน้ำพุจิตวิญญาณเหตุที่เกิดการก่อตัวของแหล่งกำเนิดธาตุดินก็เพราะการรวบรวมพลังธาตุดินของทะเลทรายตะวันตกทั้งหมดมาไว้ที่นี่หลังจากสะสมมานานมันก็ค่อยๆก่อตัวเป็นแหล่งกำเนิดธาตุดิน
ดังนั้นแม้ว่าซูฉินจะย้ายหุบเขาเล็กๆทั้งหมดนี้ไปยังเมืองฉางอันมันก็จะไม่เกิดประโยชน์อันใดเพราะทะเลทรายตะวันตกทั้งหมดไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้
ยิ่งกว่านั้นตราบใดที่ซูฉินไม่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในภูมิประเทศแถบนี้หลายพันปีต่อจากนี้เมื่อพลังงานของทะเลทรายตะวันตกทั้งหมดยังคงมารวมตัวกันที่นี่แหล่งกำเนิดธาตุดินก็จะเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง
ขณะที่ซูฉินกำลังครุ่นคิด
บรรพชนหกบรรพชนเจ็ดและบรรพชนเก้าต่างก็หวาดกลัวเสียยิ่งกว่าเดิม
ในตอนนี้แม้จะเป็นความแข็งแกร่งของตำนานยุทธขั้นสูงสุดก็ยังรู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่ต่อหน้าซูฉิน
เลือดเนื้อในร่างของซูฉันราวกับกระแสคลื่นเชี่ยวกรากประกอบกับเขาไม่ได้ควบคุมเหนี่ยวรั้งมันเอาไว้ทำให้มันคล้ายกับเตาเผาที่มีไฟลุกไหมไปทั่ว
“ยินดีกับผู้เป็นใหญ่ในโลกด้วยที่กลับเข้าสู่ขอบเขตยอดอรหันต์อีกครั้ง”บรรพชนหกบรรพชนเจ็ดและบรรพชนเก้าต่างมองหน้ากันแล้วโค้งคารวะ
ในตอนนี้พลังปราณและเลือดเนื้อของซูฉินนั้นเกินกว่าขอบเขตตำนานยุทธไปอย่างชัดเจนเกรงว่ามีเพียงร่างกายแห่งธรรมชาติของขอบเขตยอดอรหันต์เท่านั้นที่จะเป็นเช่นนี้ได้
ดังนั้นบรรพชนหกและคนอื่นๆจึงตัดสินว่าซูฉินได้ฟื้นคืนความแข็งแกร่งกลับไปสู่ขอบเขตยอดอรหันต์แล้ว
ยกเว้นยอดอรหันต์ที่เทียบเคียงได้กับเซียนเทพปฐพีบรรพชนหกก็คิดไม่ออกว่าจะมีใครที่มีร่างกายที่ทรงพลังและสามารถกดขี่ข่มเหงผู้คนได้เพียงนี้
“ขอบเขตยอดอรหันต์……”
ท่าทีของบรรพชนเก้านั้นกลายเป็นซับซ้อนเล็กน้อย
วิหารหมื่นพุทธมีศิษย์ที่มีพรสวรรค์กำเนิดขึ้นมากมายแต่น้อยคนนักที่จะเข้าสู่ขอบเขตยอดอรหันต์ได้
อย่างไรก็ตามแม้จะมีศิษย์วิหารหมื่นพุทธที่โชคดีพอที่จะเข้าสู่ขอบเขตยอดอรหันต์แต่ก็เป็นไปด้วยความยากเย็นแสนเข็ญไม่รู้ว่าพวกเขาต้องจ่ายออกไปเท่าไหร่เป็นไปได้เช่นไรที่ซูฉินเพียงปิดด่านฝึกตนแค่สองเดือนก็สามารถเปลี่ยนจากอรหันต์ขั้นสูงสุดผู้ยังไม่ได้เปลี่ยนจิตวิญญาณแรกกำเนิดกลายเป็นขอบเขตยอดอรหันต์ได้?
“ยอดอรหันต์?”
ซูฉินไม่ได้แสดงอาการอะไรออกไป
ยอดอรหันต์นั้นก็เปรียบได้กับขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งสองขอบเขตต่างก็มีอำนาจเท่าเทียมกันแค่มีชื่อเรียกที่ต่างกัน
“ข้ายังไม่ได้เข้าสู่ขอบเขตยอดอรหันต์”ซูฉินส่ายศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวออกมา
แม้ว่าร่างกายของเขาจะเป็นกายแห่งธรรมชาติเพียงกึ่งเดียวแต่ด้วยปราณชีวิตและเลือดเนื้อที่ทรงพลังก็เพียงพอที่จะทำลายพื้นพิภพกระนั้นก็ยังห่างไกลจากยอดอรหันต์ที่แท้จริง
“ท่านยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตยอดอรหันต์?”บรรพชนหกกะพริบตาอย่างงุนงง
“ทว่าแม้แต่ยอดอรหันต์ก็ไม่อาจจะหยุดข้าได้ซูฉินทอดสายตาไปมองหุบเขาเล็กๆแล้วกล่าวออกมาอย่างเชื่องช้า
ไม่ว่าจะเป็นยอดอรหันต์หรือขอบเขตเซียนเทพปฐพีความสามารถหลักคือสามารถครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดได้ด้วยอาณาเขตภายในความคิดแค่วูบเดียว
ตำนานยุทธขั้นสูงสุดจะไม่สามารถต่อต้านอะไรได้เลยหากอยู่ภายในอาณาเขตของเซียนเทพปฐพีแต่ร่างกายของซูฉันเข้าใกล้ระดับกายแห่งธรรมชาติแล้วมีความต้านทานต่ออาณาเขตที่แท้จริงซึ่งแตกต่างจากตำนานยุทธขั้นสูงสุดคนอื่นที่ไม่มีทางต่อต้านได้เลย
และตราบใดที่สามารถปัดป้องพลังปราบปรามจากอาณาเขตของเซียนเทพปฐพี่ซูฉินก็สามารถลอบลงไปใต้ดินได้ด้วยคาถาดำดิน
ในส่วนลึกใต้พื้นพิภพแม้ว่าอาณาเขตจะครอบคลุมไปถึงแต่พื้นที่ที่สามารถไปถึงได้ก็ลดน้อยลงและพลังก็ยังลดลงไปเป็นอันมากนอกจากนี้พลังของซูฉินยังเพิ่มขึ้นเมื่อเดินทางใต้พื้นดินด้วยคาถาดำดินเว้นแต่เซียนเทพปฐพี่ผู้นั้นจะเป็นขั้นสูงสุดของขอบเขตอย่างเช่นจ้าวทะเลบูรพาไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางสู้กับซูฉินได้
“ยอดอรหันต์ก็หยุดท่านไว้ไม่ได้”
บรรพชนหกบรรพชนเจ็ดและบรรพชนเก้าต่างตื่นตะลึง
พวกเขาเชื่อในคำพูดของซูฉิน
ซูฉินกล่าวว่าเขาไม่ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตยอดอรหันต์ก็คงจะไม่ใช่ยอดอรหันต์จริงๆกล่าวคือซูฉันยังคงอยู่ในขอบเขตอรหันต์
แต่กรณีนี้ซูฉินยังกล่าวอีกว่ายอดอรหันต์ไม่สามารถต้านทานเขาได้ความมั่นใจในตนเองและพลังที่ครอบงำทุกผู้ทุกคนนี้คือสิ่งใดกัน?
“เอาล่ะ”
“ข้าควรจะจากไปได้แล้ว”
ซูฉินเหลือบมองบรรพชนหกบรรพชนเจ็ดและบรรพชนเก้ากล่าวออกอย่างนุ่มนวล
ในการปิดด่านฝึกตนครั้งนี้จุดมุ่งหมายหลักของเขาสำเร็จลุล่วงแล้วยกระดับร่างกายจนถึงจุดสูงสุดของการแปรสภาพครั้งที่หกและอีกครี่งก้าวก็จะเข้าสู่ร่างกายแห่งธรรมชาติ
นอกจากนี้ซูฉินยังได้ลงชื่อเข้าใช้ในแหล่งกำเนิดธาตุดินมากกว่าสิบครั้งในขณะที่อยู่ในด่านและยังสูบกลืนแหล่งกำเนิดธาตุดินไปจนหมดสิ้น
ในการลงชื่อมากกว่าสิบครั้งซูฉินได้รับโอสถธาตุดินมาเป็นจำนวนมากและได้รับธงคู่ถมาหนึ่งอันเมื่อนับรวมกับทิพยอำนาจคาถาดำดินในตอนเริ่มแรกก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นการเก็บเกี่ยวที่เต็มเม็ดเต็มหน่วยดีจริงๆ
ธงวู่เป็นอาวุธวิเศษธาตุดินมีค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่มากมายอยู่ในนั้นเมื่อถูกแทงลงไปที่ไหนสักแห่งภายในรัศมีสิบล้ำจะตกอยู่ในระยะของค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่
“น้อมส่งผู้เป็นใหญ่ในโลก”
บรรพชนหกบรรพชนเจ็ดและบรรพชนเก้าทำได้เพียงกล่าวด้วยความเคารพแม้ในใจจะไม่ยินยอมมากเท่าไหร่ก็ตาม