เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล - ตอนที่ 275.2
Sign Buddha’s palm 275 (II) บรรพชนดาบเจ้าจงคลานออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้!
” ไม่รู้เหมือนกันว่าใครคือบุคคลผู้แข็งแกร่งเทียมฟ้าผู้นั้นสามารถสังหารบรรพชนพรรคหมื่นดาบไปได้หลายคน…”
เหอหมิงเหยียนอุทานออกมาพร้อมสายศีรษะ
รู้หรือไม่ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำเพียงสังหารบรรพชนพรรคหมื่นดาบเท่านั้นแต่ยังเหยียบพรรคหมื่นดาบไว้ใต้ฝ่าเท้าด้วย
นี่เทียบเท่ากับประกาศสงครามกับนิกายใหญ่อย่างพรรคหมื่นดาบที่สืบทอดมาสี่พันห้าพันปี
ความหาญกล้าเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในยุทธภพต่างแดนมาหลายพันปีแล้ว
” ใช่แล้ว”
” และท่านท่านมาเกาะหมื่นดาบในครั้งนี้ก็เพื่อกราบเข้าพรรคด้วยอย่างนั้นหรือ? ” เหอหมิงเหยียนถอนหายใจอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เหมือนคิดอะไรได้หันไปถามซูฉินอย่างไม่แน่ใจนัก
เหตุผลที่เขาเข้ามาสนทนากับซูฉินแท้จริงก็ไม่ใช่การมาพูดคุยด้วยความบริสุทธิ์ใจเพียงแต่ในบรรดาผู้คนทั้งหมดในจัตุรัสหยกขาวตอนนี้มีเพียงซูฉินเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาดที่สุด
เหอหมิงเหยียนไม่สามารถจับกลิ่นอายของซูฉันได้เลยประหนึ่งว่าเป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้ฝึกฝนวิทยายุทธ
แต่สิ่งนั้นจะเป็นไปได้อย่างไร?
คนธรรมดาจะสามารถข้ามทะเลมายังเกาะหมื่นดาบแห่งนี้ได้หรือ?
” กราบพรรคหมื่นดาบ? ”
ซูฉินยิ้มเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไร
พรรคหมื่นดาบมีค่าควรให้เขากราบไหว้หรืออย่างไร? ซูฉินมาครั้งนี้ก็เพื่อเตรียมทำลายพรรคหมั่นดาบนิกายใหญ่ที่สืบทอดมรดกมากว่าสี่พันปีหากเหอหมิงเหยียนรู้จุดประสงค์ของซูฉินเกรงว่าเขาคงจะเข่าทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยความตกใจ
ในขณะที่เหอหมิงเหยียนกำลังจะพูดต่อ
ก็เห็นร่างหลายร่างปรากฏตัวออกมาจากส่วนลึกของพรรคหมื่นดาบ
ร่างเหล่านี้มีดาบยาวอยู่ใต้ฝ่าเท้าราวกับนักดาบในตำนานพวกเขาบินตรงมายังจัตุรัสหยกขาวด้วยความรวดเร็ว
” ผู้อาวุโสพรรคหมื่นดาบมาแล้ว”
จอมยุทธหลายคนที่รอคอยในจัตุรัสหยกขาวมานานต่างส่งเสียงโห่ร้องออกมาพวกเขาโค้งคำนับให้กับผู้อาวุโสสองสามคนของพรรคหมื่นดาบที่บินตรงมาหา” คารวะผู้อาวุโส”
แม้แต่สองพี่น้องอย่างเหอหมิงเหยียนกับเหอชิงหลิงยังโค้งคารวะอย่างเคารพและตะโกนตามเสียงของคนอื่นๆ
ชั่วขณะนั้นทุกคนในจัตุรัสหยกขาวก้มหัวลงทั้งหมดและซูฉันยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนโดยไม่เคลื่อนไหวใดกลายเป็นโดดเด่นเห็นชัดนมาในทันที
” หืม? ”
ผู้อาวุโสพรรคหมื่นดาบหลายคนขมวดคิ้วในความเห็นของพวกเขาพรรคหมื่นดาบได้อนุญาตให้คนอย่างซูฉินเหยียบขึ้นมาบนเกาะหมื่นดาบได้ก็เป็นพระคุณอย่างยิ่งแล้วแต่ซูฉินกลับไม่รู้จักการสำนึกรู้คุณยังคงยืนนิ่งโดยมิเกรงฟ้ากลัวดิน
ขณะที่ผู้อาวุโสพรรคหมื่นดาบจับตาดูซูฉินจอมยุทธหลายคนในจัตุรัสหยกขาวก็เริ่มตระหนักแล้วว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
เพียงแต่จอมยุทธส่วนใหญ่ที่นี่กลับเย้ยหยันพวกเขาทั้งหมดในที่แห่งนี้มีความสัมพันธ์กันในแบบคู่แข่ง” ตอนนี้ซูฉินเป็นคนแรกที่ยั่วยผู้อาวุโสพรรคหมื่นดาบอาจกล่าวได้ว่าคงจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้วที่จะกราบเข้าพรรคหมื่นดาบได้” คู่แข่งของพวกเขาลดลงไปแล้วหนึ่งคนจะไม่ดีใจก็กระไรอยู่
สองพี่น้องเหอหมิงเหยียนที่อยู่ใกล้ชิดซูฉินที่สุดหน้าซีดทันที
เหอหมิงเหยียนมีความตั้งใจที่จะเตือนซูฉินแต่ภายใต้สายตาของผู้อาวุโสพรรคหมื่นดาบเหอหมิงเหยียนรู้สึกว่าเลือดเนื้อและพลังปราณของเขาถูกระงับหัวใจเขาค่อยๆเต้นช้าลงดังนั้นจึงไม่กล้าเอ่ยอะไร
” เจ้าเป็นใคร? ”
” เจ้ารู้กฎในการกราบเข้าพรรคหมื่นดาบของพวกเราหรือไม่? ”
ผู้อาวุโสพรรคหมื่นดาบคนแรกมองซูฉินด้วยใบหน้าที่เย็นชา
ผู้อาวุโสพรรคหมื่นดาบได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะขับไล่ซูฉินออกจากเกาะหมื่นดาบเพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของพรรคหมื่นดาบ
เพียงเท่านั้น
ในตอนนี้
” ในที่สุดก็หาพบ”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉินจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่เขาแผ่ออกไปในที่สุดก็สามารถหาตำแหน่งของหลีหว่านพบ
ทันทีหลังจากนั้น
ซูฉินก็เงยหน้าขึ้นและเหลือบมองอาวุโสพรรคหมื่นดาบทั้งหลายแล้วกล่าวอย่างสบายๆว่า” ข้าไม่ได้มาเพื่อกราบเข้าพรรคหมื่นดาบ”
” ข้ามาเพื่อตามหาคน”
คำที่กล่าวออกมา
ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างตกตะลึงไปเล็กน้อย
พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าซูฉินมาถึงที่นี่ไม่เพียงไม่ต้องการกราบเข้าพรรคหมื่นดาบเท่านั้นแต่วางแผนที่จะมาหาใครสักคนด้วย?
แม้แต่ผู้อาวุโสพรรคหมื่นดาบก็ขมวดคิ้ว” เจ้าเป็นใครกัน? แล้วมาตามหาใครในพรรคหมื่นดาบของข้า”
ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อยโดยไม่ได้ตอบอะไร
ขณะที่ผู้อาวุโสพรรคหมื่นดาบกำลังจะหมดความอดทน
ซูฉินก็ก้าวเท้าออกไปอย่างกะทันหันและตะโกนไปทางอาคารดาบทั้งเก้าในส่วนลึกของเกาะหมื่นดาบ
” บรรพชนดาบเจ้าจงคลานออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้! ”
เมื่อพยางค์แรกถูกกล่าวออกมามันก็ยังเป็นปกติแต่เมื่อพูดครบทั้งบรรพชนและคำว่าดาบคนในพื้นที่แห่งนี้พลันขนลุกซู่เมื่อถึงคำว่า’ข้าคลื่นเสียงก็กระหมไปทั่วแม้แต่ผู้อาวุโสพรรคหมนดาบก็ยังวิงเวียนศีรษะและเมื่อพูดคำสุดท้ายออกมาท้องฟ้าผืนดินพลันแตกเป็นเสี่ยงๆเสียงดังราวกับฟ้าร้องศึกก้องอยู่ข้างหู
” เจ้า? ”
ผู้อาวุโสพรรคหมื่นดาบหลายคนถึงกับเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดจ้องมองไปยังซูฉินราวกับเห็นผี