เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล - ตอนที่ 279
Sign Buddha s palm 279 เก้าหมัด
** บรรพชนดาบตายแล้ว? ระ
บรรพชนพรรคหมื่นดาบต่างตกตะลึงจิตใจของพวกเขาล้วนว่างเปล่า
บรรพชนดาบคือขุมพลังที่ไม่มีใครเทียบเทียมที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้แล้วแม้จะอยู่ในระดับเดียวกันอาจจะไม่ยากที่จะ เอาชนะแต่การจะสังหารนั้นยากแน่นอนแต่ตอนนี้บรรพชนดาบที่ไร้เทียมทานในสายตาพวกเขากลับถูกซูฉินชกจนกระจุยในห มัดเดียว?
ศิษย์พรรคหมื่นดาบทั้งหลายต่างสั่นเทาใบหน้าซีดเผือดในใจของพวกเขาบรรพชนดาบเป็นเหมือนดั่งพระเจ้าปกป้องคุ้มครอง พรรคหมื่นดาบมาเป็นเวลากว่าพันปีอาจกล่าวได้ว่าหากบรรพชนดาบไม่ได้ถือกําเนิดขึ้นเมื่อพันเก้าร้อยปีก่อนพรรคหมื่นดาบ จะไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีอย่างนี้แน่นอน
แม้จะเป็นนิกายใหญ่ระดับสูงแต่ก็มีการต่อสู้กันตลอดทั้งในที่ลับและที่แจ้งหากบรรพชนไม่แข็งแกร่งพอเหตุไฉนนิกายใหญ่แห่ งอื่นๆจึงจะต้องเต็มใจแบ่งปันทรัพยากรการบ่มเพาะในต่างดินแดนให้ด้วยเล่า?
ในขณะนั้นบรรพชนพรรคหมื่นดาบก็พลันรู้สึกตัวขึ้นมาแล้วตะโกนว่า” ไม่ดวงไฟแห่งชีวิตของบรรพชนดาบยังไม่ดับ!”
หลังจากเห็นร่างของบรรพชนดาบระเบิดออกบรรพชนผู้นั้นก็ใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านไปยังสถานที่ตั้งดวงไฟแห่งชีวิตทัน ใดนั้นก็พบว่าดวงไฟแห่งชีวิตของบรรพชนยังคงลุกไหม้อยู่
เมื่อดวงไฟแห่งชีวิตดับลงแสดงว่าเจ้าของดวงไฟแห่งชีวิตได้สิ้นชีพลงอย่างสมบูรณ์
แต่ถ้าดวงไฟแห่งชีวิตยังลุกไหม้อยู่แสดงว่าเจ้าของดวงไฟแห่งชีวิตก็ยังมีชีวิตอยู่ เป็นดังว่า ไม่นานหลังจากคําพูดนั้นถูกกล่าวออกมาเห็นพลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดที่กระจายไปทั่วพรรคหมื่นดาบเริ่มรวมตัวกันในที่สุดก็ สร้างรูปลักษณ์ของบรรพชนดาบขึ้นมาใหม่
ใบหน้าร่างกายและกลิ่นอายยังคงเหมือนกับตอนที่ปรากฏตัวครั้งแรกราวกับซูฉันไม่เคยโจมตีเข้าใส่เลย
– บรรพชนดาบ!
* บรรพชนดาบยังไม่ตาย!
ศิษย์พรรคหมื่นดาบหลายคนพากันฉีกยิ้มออกมารู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นฉากที่บรรพชนดาบกลับมาจากความตายไม่เพียงแต่ไม่ ลดทอนความรู้สึกเชื่อมั่นของศิษย์พรรคหมื่นดาบแต่ยังเพิ่มกําลังใจให้อีกด้วย
ในสายตาของศิษย์ทั้งหมดบรรพชนดาบไม่เพียงแต่ทรงพลังเท่านั้นแต่ยังมีร่างอมตะเขาจะแพ้ซูฉินได้อย่างไร?
– ข้าดูเบาเจ้าเกินไปจริงๆ” แขนเสื้อสีขาวของบรรพชนดาบยังคงพัดกระพือไปตามสายลมราวกับเป็นเซียน” เจ้าไม่เพียงแต่มี ร่างกายที่น่าสะพรึงกลัวจนคาดไม่ถึงในแง่ของกระบวนท่าเคล็ดวิชาที่ยอดเยี่ยมเกือบจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเหล่าตํานานยุทธ แล้ว”
บรรพชนดาบกล่าวคําขณะจ้องมองซูฉินในความเห็นของเขาทุกกระบวนท่าที่ซูฉินปล่อยออกมาเมื่อครู่เป็นกระบวนท่าที่แต กต่างกันถึงห้าอย่างหลอมรวมเข้าด้วยกันและมีพลังที่สามารถทําลายทุกสิ่งได้ในทุกกระบวนท่า
** แต่น่าเสียดายไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงไหนเจ้าจะทําอะไรได้ท้ายที่สุดเจ้าก็ยังไม่ได้แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดและไม่รู้ซึ้ง ถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของจิตวิญญาณแรกกําเนิด”
รอยยิ้มบางๆฉาบไว้บนใบหน้าของบรรพชนดาบ
แม้เมื่อครู่เขาจะถูกซูฉินต่อยแต่ในขณะเดียวกันมันก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ต่อบรรพชนดาบไปเสียที่เดียวเขายืนยันได้แน่ชัดว่าฉันยัง ไม่ได้แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดและสาเหตุที่เป่าร่างเขาจนกระจุยได้นั้นทั้งหมดเป็นเพราะร่างกายและระดับของกระบว นท่านั้นสูงส่งเพียงพอ
และสิ่งเหล่านี้ในสายตาของบรรพชนดาบก็ไม่นับเป็นอะไรเลย
บรรพชนดาบที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้นั้นอยู่ยงคงกระพันแม้เผชิญหน้ากับซูฉินแต่ซูฉินก็ไม่มีทางสังหารเขาได้
* เป็นเช่นนี้นี่เอง
* นี่สินะจิตวิญญาณแรกกําเนิด? ”
ดวงตาของซูฉินยังคงสงบนิ่งมองไปยังบรรพชนดาบที่อยู่ไม่ไกลใบหน้าฉายแววครุ่นคิด
เขาเพิ่งใช้ห้าหมัดสายฟ้าเทพเจ้าใช้ทิพยอํานาจเรียกฝนและเก้าสุริยันแม้แต่มังกรปีศาจที่แสนทระนงในวิหารการสงครามก็ไม่ อาจต้านทานได้นับประสาอะไรกับตํานานยุทธคนอื่นๆ
แม้จะมีตํานานยุทธขั้นสูงสุดเป็นสิบคนหากกล้ามาเผชิญหน้ากับหมัดของซูฉินก็มีแต่จะต้องถูกทําลายจนร่างแตกสลาย
แต่บรรพชนดาบนั้นแตกต่างออกไปเขาสูญเสียร่างกายไปนานแล้วกลายเป็นร่างจิตวิญญาณโดยสมบูรณ์สามารถรวมตัวแยกตัว และล่องหนตราบใดที่มีพลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดเพียงพอแม้จะถูกทําลายสักกี่ครั้งก็สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทําไมตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้จึงกล่าวขานกันว่าสามารถปลดเปลื้องโซ่ตรวน ทางกายได้
ตราบใดที่ยังมีจิตวิญญาณแรกกําเนิดย่อมเป็นอมตะ
” ข้าชื่นชมความแข็งแกร่งของสหายเต่แต่หมัดเมื่อครู่กินพลังงานไปเยอะไหมเล่า? ร่างของข้าคือร่างจิตวิญญาณแรกกําเนิ ดที่ฟื้นฟูกลับมาได้อย่างไม่มีขีดจํากัดเจ้าไม่มีทางสังหารข้าได้”
แม้ว่าเสียงของบรรพชนดาบจะเบาแต่ก็เต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเองอย่างแรงกล้า
เมื่อได้ฟังคํากล่าวซูฉินก็เพียงแค่พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชาไม่ได้ใส่ใจแต่ประการใด
* แม้แต่เซียนเทพปฐพีก็ยังตายได้นับประสาอะไรกับเจ้าที่ไม่แม้แต่จะแตะขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ด้วยซ้ํากล้าดีอย่างไรมาอ้า งตัวว่าเป็นอมตะ” ซูฉินเยาะเย้ย เหตุผลที่เจ้าฟื้นคืนกลับมาได้ไม่มีอะไรมากไปกว่ามีพลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดเพียงพอให้
ใช้
” ข้าอยากจะดูเสียหน่อยว่าจิตวิญญาณแรกกําเนิดของเจ้าจะฟื้นฟูให้เจ้าได้กี่ครั้ง”
หลังจากซูฉินกล่าวจบเขาก็ยื่นมือขวาออกมาอีกครั้งกํามือแน่นทันใดนั้นก็มีเสียงฟ้าร้องดังก้องจากฟากฟ้าสะท้อนถึงพื้นดินทะลุ ทะลวงฝ่าอากาศมาถึงหน้าของบรรพชนดาบ
คราวนี้บรรพชนดาบเตรียมพร้อมจะถอยกลับอย่างรวดเร็วต้องการหนีจากการโจมตีของซูฉินน่าเสียดายที่บรรพชนดาบนั้นเกิน
ไป
ห้าหมัดสายฟ้าเทพเจ้าเป็นสิ่งที่ซูฉินได้รับมาจากพระราชวังถังซูฉินเองก็อาบพายุสายฟ้ามามากมายในตอนนี้แม้ซูฉินจะปล่อย หมัดสายฟ้าเทพเจ้าได้ไม่เร็วเท่าสายฟ้าจริงๆที่แล่นข้ามระยะทางหลายหมื่นลี้ได้แต่อย่างไรเสียนี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่บรรพชนดาบจะ หลบได้
แกร็ก
หมัดของซูฉินกระแทกเข้าใส่บรรพชนดาบอีกครั้ง
ราวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาก่อนได้เกิดซ้ําอีกครั้งร่างกายทุกส่วนของบรรพชนดาบเริ่มพังทลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ร” หมัดที่สอง
ซูฉินถอนหมัดขวากลับมาพลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดจํานวนมหาศาลก็มารวมตัวกันอีกครั้งก่อตัวเป็นร่างของบรรพชนดาบอย่า งรวดเร็ว
* เจ้า
ฯ
ใบหน้าของบรรพชนดาบดูน่าเกลียดอย่างยิ่งกําลังจะกล่าวบางอย่างออกมา
อย่างไรก็ตาม
ในช่วงเวลาต่อมา
ก่อนที่บรรพชนดาบจะทันได้พูดจบความรู้สึกเจ็บปวดแล่นเข้ามาที่ทรวงอกซูฉินพุ่งเข้าใส่ทั้งยังมีเสียงกระซิบเบาๆที่ข้างหู
* หมัดที่สาม”
แกร็ก
ร่างของบรรพชนดาบทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว
ครืน
ในไม่ช้า
ทั่วทั้งเกาะหมื่นดาบก็ดังก้องไปด้วยเสียงฟ้าร้องคํารามประหนึ่งเป็นทะเลสายฟ้า
ร” หมัดที่สี่
* หมัดที่ห้า”
* หมัดที่หก
ร” หมัดที่เจ็ด”
ร่างของบรรพชนดาบยังคงเปลี่ยนแปลงไปมาระหว่างฟื้นตัวกับแตกสลายเมื่อใดที่ร่างของบรรพชนดาบกลับมาเป็นปกติดังเดิม ซูฉินก็จะชกหมัดอันรุนแรงซ้ําเข้าไปอีกครั้งจนมันสลายไป
เมื่อศิษย์สาวกพรรคหมื่นดาบหลายคนเห็นฉากนี้สายตาของพวกเขาก็มืดมัวบรรพชนเองก็ตัวสั่นมองไปยังบรรพชนดาบที่โดนซู ฉินต่อยจนร่างระเบิดตกใจราวกับเห็นผี
พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าบรรพชนดาบจะไม่มีแม้แต่โอกาสต่อสู้เมื่ออยู่ต่อหน้าซูฉิน
ร” เป็นอย่างที่คิด
” พลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดของเจ้าเหลืออยู่ไม่มากแล้ว”
หลังจากที่ชกหมัดที่เก้าออกไปซูฉินก็กล่าวคําเบาๆพลางมองดูร่างลวงตาของบรรพชนดาบ
ในตอนนี้บรรพชนดาบสูญเสียรูปลักษณ์ที่มีแขนเสื้อสีขาวพลิ้วไหวไปมาดั่งเซียนมนุษย์ไปหมดสิ้นแล้วไอพลังอ่อนแอลงมากใน ตอนแรกที่มีพลังเพียงพอจะใช้ร่างวิญญาณกลับกลายเป็นร่างโปร่งใสเหมือนกับร่างลวงตา
” ให้ตายเถอะมันแข็งแกร่งขนาดนี้เลยหรือ? ”
บรรพชนดาบแทบจะไม่สามารถคงสภาพร่างของตนเองไว้ได้คลื่นลูกใหญ่ถาโถมเข้ามาในใจ
หมัดของซูฉินที่สามารถทําลายร่างจิตวิญญาณแรกกําเนิดของเขาได้ก็น่ากลัวพอแล้วขอบเขตตํานานยุทธทั้งหมดไม่มีสิ่งใดจะ ป้องกันหมัดนั้นได้เดิมทีบรรพชนดาบคิดว่าซูฉินใช้กําลังทั้งหมดของเขาออกมาแล้วแต่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะปล่อยหมัดออก มาถึงเก้าครั้งติดต่อกัน
ในชั่วพริบตาร่างของบรรพชนดาบก็แตกสลายไปกว่าเก้าครั้งและใกล้จะพังทลายเต็มทนทว่า
บรรพชนสามารถรับรู้ได้ว่าแม้จะปล่อยหมัดออกมาถึงเก้าครั้งสําหรับซูฉินมันก็เป็นการสูญเสียพลังปราณชีวิตเลือดเนื้อไปเพียง เล็กน้อยเท่านั้นและจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากช่วงสนทนานี้
* ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นจิตวิญญาณแรกกําเนิด..
ซูฉินถอนหายใจเบาๆรู้สึกเสียดายเล็กๆ
จิตวิญญาณแรกกําเนิดคือการเปลี่ยนแปลงของจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์และมันสามารถรวบรวมและกระจายตัวได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แปลกประหลาดและคาดเดาไม่ได้วิธีการปกติแทบไม่ส่งผลต่อจิตวิญญาณแรกกําเนิดเลย
หากซูฉินแปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้เขาจะสามารถดักจับบรรพชนดาบได้ด้วยพลังของจิตวิญญาณแรกกําเนิดจากนั้นจึง ค่อยสลายพลังของบรรพชนดาบด้วยจิตวิญญาณแรกกําเนิดของตัวเอง
ซูฉินมีร่างกายที่คอยหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณแรกกําเนิดอย่างต่อเนื่องในขณะที่บรรพชนดาบได้สูญเสียร่างกายไปก็เหมือนกับจอก แหนที่ไร้รากไม่ช้าก็เร็วมันจะต้องตกตายในมือของซูฉินน่าเสียดาย
ซูฉินยังไม่ได้แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดดังนั้นเขาจึงทําได้เพียงวิธีโง่ๆนี้โดยใช้พลังจากร่างกายและจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เพื่อกระ ตุ้นห้าหมัดสายฟ้าเทพเจ้าเข้าสลายร่างจิตวิญญาณแรกกําเนิดของบรรพชนดาบครั้งแล้วครั้งเล่าบังคับให้บรรพชนดาบต้องใช้ พลังของจิตวิญญาณแรกกําเนิดออกมาอย่างเต็มที่
” ตอนนี้เจ้ายังกล้าบอกว่าไม่สามารถถูกฆ่าตายได้อยู่หรือไม่เล่า? ” ซูฉันค่อยๆสงบพลังงานที่กําลังเดือดพล่านในตอนนี้ลง
ด้วยการปล่อยหมัดเก้าครั้งติดต่อกันแม้ร่างกายของซูฉินจะเป็นกายแห่งธรรมชาติอยู่กึ่งหนึ่งแต่มันก็ยังใช้พลังไปไม่น้อยเป็นเห ตุให้เขาหยุดมือ ไม่ใช่เพียงแค่บรรพชนดาบเท่านั้นที่จําเป็นต้องฟื้นตัวแต่ซูฉินก็ต้องการฟื้นกําลังด้วย
อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของร่างกายทําได้ง่ายกว่าการฟื้นตัวของจิตวิญญาณแรกกําเนิดและซูฉันมีทิพยอํานาจกายเนื้อกํา เนิดใหม่เขาจะฟื้นฟูกําลังกลับมาได้เพียงชั่วพริบตา
บรรพชนดาบเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ท่าทีของเขาก็กลายเป็นหนักอึ้งในความเป็นจริงถึงแม้เขาจะยังเหลือจิตวิญญาณแรกกําเนิดอยู่ บ้างแต่เขาอาจจะทนไม่ได้หากซูฉินยังคงทําลายร่างเขาอีกเพียงไม่กี่ครั้ง
เมื่อคิดได้ดังนี้ใจของบรรพชนดาบก็คิดจะถอยกลับทันที
* รอข้ายึดครองร่างแล้วฟื้นพลังจนถึงจุดสูงสุดเมื่อไหร่ข้าจะกลับมาสู้กับเจ้าอีกครั้ง ร่างของบรรพชนดาบพลันระเบิดพลัง กลายเป็นเส้นแสงบินกลับไปยังอาคารดาบเก้ายอดพ้นจ้างในทันที
อาคารดาบเก้ายอดพันจ้างนี้ถูกทิ้งไว้โดยนักพรตหมื่นดาบเมื่อกว่าสี่พันปีที่แล้วมันเป็นสิ่งที่นักพรตหมั่นดาบทิ้งเอาไว้แม้จะเป็น พ่อมดราชันเมื่อสามพันปีก่อนก็ไม่สามารถทําลายอาคารดาบเก้ายอดลงได้
ความแข็งแกร่งของซูฉินน่ากลัวอย่างแน่นอนแต่ในสายตาของบรรพชนดาบตราบใดที่เขาหนีเข้าสู่อาคารดาบเก้ายอดพันจ้างได้ ก็ถือว่าเขาปลอดภัยแล้ว
* ถ้าเจ้าวิ่งหนีไปตั้งแต่ที่พบกับข้าข้าเองก็คงไม่สามารถหยุดยั้งได้ ซูฉินสายศีรษะเล็กน้อยพรอมแววเย้ยหยันบนใบหน้า แต่ ตอนนี้เจ้าใช้พลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดส่วนใหญ่ไปแล้วลองดูสิว่าเจ้าจะหลบหนีได้หรือไม่? ”
ทันทีที่เสียงของซูฉันจบลงเขาก็กระตุ้นปราณเลือดเนื้อในกายของตนเอง
หวิ่ง!!!
ปราณเลือดเนื้ออันน่าสยดสยองสาดแสงราวกับดวงอาทิตย์ส่องสว่างไปทั่วทุกทิศทางพลังของบรรพชนดาบสัมผัสเข้ากับปราณ เลือดเนื้อนี้เขาก็ต้องกรีดร้องทุรนทุราย
เมื่อครู่นี้
เส้นลําแสงที่มีขนาดเท่ามนุษย์แต่เดิมค่อยๆละลายและเหลือขนาดเพียงเท่าฝ่ามือในพริบตา
ลําแสงขนาดเท่าฝ่ามือนี้กลับมาเป็นร่างบรรพชนดาบอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามเนื่องจากใช้พลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดไปอย่างมหาศาลบรรพชนดาบในตอนนี้ไม่ได้มีขนาดเท่าคนปกติอีกต่อไป แต่มีขนาดเท่ากับฝ่ามือเท่านั้นมันจ้องมองพลังปราณเลือดเนื้อที่อยู่ล้อมรอบตนราวกับมหาสมุทรด้วยความหวาดกลัว ในเวลาเดียวกัน
ซูฉินก็ปรากฏกายขึ้นเงียบๆด้านหลังบรรพชนดาบยกมือขวาขึ้นมาคว้าจับบรรพชนดาบขนาดเท่าฝ่ามือเอาไว้ในกํามือ