เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล - ตอนที่ 294.1
Sign in Buddha’s palm 294 (I) อยู่ยงคงกระ พันและก้มมองโลกเบื้องล่าง
ฟู่!
พลังปราณฟ้าดินค่อยๆ สงบลง รัศมีพลังที่น่าหวาดกลัวก็แกว่งพัดไปมาอย่างต่อเนื่องก่อนจะค่อยๆ หายไป เหลือเพียงเทือกเขาไฟเท่านั้นที่ตั้งอยู่ที่เดิมคอยปล่อยไอพลังธาตุไฟออกมาเงียบๆ
ไม่ว่าจะเป็นตํานานยุทธจํานวนมากที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบลี้ หรือบรรพชนนิกายใหญ่ที่แอบเฝ้าดูอยู่ลับๆ ไกลออกไปอีกหลายร้อยลี้ ดวงตาทุกคู่ดูหม่นหมอง จ้องมองไปบนท้องฟ้า
ตรงนั้นมีร่างสูงเพรียวยืนอยู่ ถือคันธนูขนาดใหญ่ที่ประกอบขึ้นมาจากแสงศักดิ์สิทธิ์แทบทั้งหมด เหมือนเทพเซียนในตํานานที่จุติลงมาเกิดบนโลกมนุษย์
ในความเป็นจริงแล้ว ซูฉินในตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างไปจากเทพเซียนเลย
ตํานานยุทธขั้นสูงสุดถึงสามคนที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ ร่วมมือกันเตรียมพร้อมสําหรับการสังหาร พวกเขาต้องการจะปราบซูฉิน แต่ท้ายที่สุดกลับถูกฆ่าตายเสียเอง สิ่งเหล่านี้น่ากลัวยิ่งนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนสุดท้าย บรรพชนนิกายเฮยหยวนได้หลบหนีออกไปไกลหลายร้อยลี้ แต่เขาก็ยังถูกซูฉินสังหารด้วยลูกศรเพียงดอกเดียว…
ช่างเป็นวิธีการที่อหังการยิ่ง
ไม่ต่างไปจากเทพเซียน
ตรองดูอีกครั้งว่ามันคือสิ่งใด?
แม้ระยะทางหลายร้อยล้ําจะไม่มีปัญหาใดสําหรับตํานานยุทธ ตํานานยุทธขั้นสูงสุดสามารถโจมตีไกลหลายร้อยล้ําได้ หากพวกเขาตั้งใจจะทํา
แต่การระเบิดพลังในที่เดียวให้พุ่งไปไกลหลายร้อยลี้ พลังก็สลายไปมากโข ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าพลังที่ส่งออกมาย่อมถูกลดทอนอานุภาพลงไปกว่าพันกว่าหมื่นเท่า
แต่ลูกศรของซูฉิน หลังจากยิงออกไปในระยะหลายร้อยลี้ หมายฆ่าสังหารบรรพชนเฮยหยวน ผลที่ตามมากลับเขย่าโลกหล้าไปหมื่นลี้
หากพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง เกรงว่าจะมีใครบางคนคิดว่าเป็นเซียนเทพปฐพีสักคนหนึ่งที่เป็นผู้ลงมือ
“ตายกันหมดแล้ว…”
ตํานานยุทธทั้งหลายที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่พลันมีสีหน้าที่ดูว่างเปล่า สูญเสียจิตใจไป
ก่อนหน้านี้ที่บรรพบุรุษเหลยสิ่งและบรรพชนอีกสองคนมารวมตัวกัน พวกเขาแทบจะแน่ใจแล้วว่า ซูฉินถูกลิขิตมาให้ถูกปราบในวันนี้ และหากมีเหตุผิดพลาดทําให้ซูฉินสามารถหลบหนีไปได้โดยบังเอิญ อย่างน้อยก็ต้องบาดเจ็บสาหัส
ใครจะไปคิดว่าบรรพชนทั้งสามจากนิกายใหญ่จะตกตายไปหมดเช่นนี้?
“นายท่าน นายท่านแข็งแกร่งเกินไปแล้ว……” คลื่นลมพายุก่อตัวขึ้นในใจของชายชราเฟ่ยยวี๋ ซูฉินเผชิญหน้ากับศัตรูถึงสามคน ไม่เพียงแต่ไม่มีอาการอ่อนล้า แต่กลับสังหารบรรพชนทั้งสามลงได้ พลังอันยิ่งใหญ่ที่เผยให้เห็นเมื่อครู่เกือบจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพีแล้ว
และในขณะนี้
ซูฉินเหลือบมองไปที่คันธนูเก้าประกายในมือขวาของเขา เพียงแค่คิดคันธนูศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ กลายเป็นแสงศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งละลายหายไปในส่วนลึกของความว่างเปล่า
ธนูเก้าประกายเป็นอาวุธวิเศษที่ซูฉินได้รับมาจากการลงชื่อเข้าใช้ในวังหลวง
แตกต่างไปจากคมมีดเทพเจ้าปีศาจและตราประทับสะกดมาร ธนูเก้าประกายนี้เป็นอาวุธทางจิตวิญญาณ ตราบใดที่จิตวิญญาณแรกกําเนิดที่ซูฉินส่งเข้าไปนั้นแข็งแกร่งพอ พลังของลูกธนูก็สามารถพัฒนาได้อย่างไม่มีขีดจํากัด
หลังจากเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่ห้า เขายังสามารถยิงกองทัพของเหล่าราชาหัวเมืองที่อยู่ห่างออกไปหลายพันล้ําได้ด้วยธนูเก้าประกาย ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้ซูฉินอยู่ในจุดสูงสุดของระดับนภาชั้นที่เก้า ซึ่งแปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้แล้ว เมื่อเทียบกับจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ จิตวิญญาณแรกกําเนิด นั้นยิ่งใหญ่กว่า ทําให้พลังของธนูเก้าประกายเข้มข้น ก้าวกระโดดขึ้นไปอีกขั้น
เพราะเหตุนี้เองซูฉินจึงสามารถยิงบรรพชนเฮยหยวนด้วยธนูเก้าประกายโดยที่อีกฝ่ายอยู่ห่างออกไปหลายร้อยล้ําได้
ในความเป็นจริง หากบรรพชนเฮยหยวนไม่เลือกที่จะหนี แต่กลับมาสู้กับซูฉินตัวต่อตัว เขาอาจจะประมือไปได้อีกสักพัก ไม่ว่าจะอย่างไร บรรพชนเฮยหยวนก็นับเป็นตํานานยุทธขั้นแปลงจิตวิญญาณเช่นกัน ไม่ง่ายนักที่จะสังหาร
แต่บรรพชนเฮยหยวนกลับวิ่งหนีไป
เมื่อหลบหนีไปก็เทียบได้กับแสวงหาความตายโดยแท้ ด้วยพลังของธนูเก้าประกาย เว้นแต่บรรพชนเฮยหยวนจะพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้เหมือนอย่างซูฉินที่ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณแรกกําเนิดเข้าสู่ครึ่งก้าวขอบเขตเซียนเทพปฐพี ไม่เช่นนั้นก็ต้องตกตายอย่างไร้ข้อกังขา
ส่วนร่างกายรูปแบบฝันร้ายนั้น…..
ธนูเก้าประกายจัดเป็นอาวุธจิตวิญญาณ มันถูกออกแบบมาเพื่อพิชิตร่างลวงตาอยู่แล้ว และการโจมตีใส่รูปแบบฝันร้ายของบรรพชนเฮยหยวนก็ไม่ได้มีอุปสรรคใดๆ
“เอ๊ะ?”
หลังจากที่ซูฉินเก็บธนูเก้าประกายกลับคืน จิตวิญญาณแรกกําเนิดก็กวาดออกไป เหมือนจะพบอะไรเข้าบางอย่าง เขาก้มมองไปยังสถานที่ที่บรรพบุรุษเหลยสิ่งตกตายซึ่งห่างออกไปหนึ่งร้อย
หลังจากใช้พันสายฟ้าฉุดกระชาก ร่างกายของบรรพบุรุษเหลยสิ่งได้กลายเป็นผุยผงไปแล้วภายใต้ทะเลสายฟ้ารัศมีพันเมตร เหลือเพียงจิตวิญญาณแรกกําเนิดที่หลบหนีไป
หลังจากนั้น คมมีดเทพเจ้าปีศาจของซูฉินก็ตามไปจัดการอีกครั้ง สังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิดโดยตรงจนตกตายไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่บรรพบุรุษเหลยสิ่ง จากนิกายเทพเจ้าสายฟ้าตายไป ไม้สีดําชิ้นหนึ่งก็ตกลงบนพื้น
ไม้สีดําชิ้นนี้มีรอยไหม้เกรียมไปทั่ว ราวกับว่ามันถูกฟ้าผ่ามานับพันครั้ง อย่างไรก็ตาม ลวดลาย สายฟ้าที่ปรากฏขึ้นจางๆ บนผิวไม้เป็นอะไรที่ดูไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง
หากมันเป็นเพียงแค่นั้น ซูฉินจะไม่สนใจเลย
แต่เมื่อซูฉินกวาดสายตามองด้วยดวงตาแห่งสัจจะ ก็ค้นพบว่าภายในไม้สีดําชิ้นนี้ มีไอพลังสายฟ้ามากมายกําลังก่อตัวอยู่ แทบไม่อ่อนแอไปกว่าทะเลสายฟ้าพันเมตรที่บรรพบุรุษเหลยสิง จําต้องสูญเสียร่างกายเพื่อสร้างขึ้นมาเลย
“หรือนี่จะเป็นกิ่งไม้อสนีบาตภัยที่จ้าวทะเลบูรพากล่าวถึง?” ซูฉินใช้จิตวิญญาณแรกกําเนิดห่อหุ้ม คว้าไม้สีดําชิ้นนั้นขึ้นมาโดยตรง พินิจอยู่ที่เบื้องหน้าตน
กิ่งไม้อัสนีบาตภัย คือต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีอายุมากกว่าหมื่นปี ขณะที่มันกําลังจะแปรสภาพเป็นร่างกายรูปแบบมนุษย์ ฟ้าดินจะส่งอสนีบาตภัยลงมาใส่ หากต้นไม้ทั้งหมดจะถูกทําลายโดยสายฟ้า ก็จะยังมีกิ่งไม้สองสามกิ่งที่พอเหลือรอดมาได้
และกิ่งไม้ที่ถูกสายฟ้าฟาดเข้าใส่เหล่านั้นก็จะถูกเรียกว่า กิ่งไม้อสนีบาตภัย
ตามบันทึกที่จ้าวทะเลบูรพาทิ้งเอาไว้ พลังงานที่บรรจุอยู่ในต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีชีวิตมานับหมื่นปีนั้นเหนือกว่าตํานานยุทธทั่วๆ ไปมาก ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับพันธุ์ไม้นั้นๆ ด้วย พวกมันไม่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ หลังจากประสบเภทภัยจากสายฟ้าแล้วเท่านั้นจึงจะกําจัดร่างกายต้นไม้ กลายเป็นร่างรูปแบบมนุษย์ สามารถโบยบินสู่ฟาก ฟ้า แหวกว่ายในสายชล
ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีที่กลายร่างเป็นรูปแบบมนุษย์ได้นั้น ความแข็งแกร่งของมันนับได้ว่ายืนอยู่บนจุดสูงสุดของขอบเขตเซียนเทพปฐพีแล้ว
ในช่วงกระแสปราณฉีเฟื่องฟูครั้งล่าสุด ก็มีชายคนหนึ่งที่เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์หมื่นปี ครอบครองพื้นที่แถบหนึ่ง แม้แต่จ้าวทะเลบูรพาเองก็ไม่เต็มใจจะเข้ารุกรานบุคคลผู้นี้
น่าเสียดายที่ในการต่อสู้กับโลกถ้ําปีศาจครั้งล่าสุด ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ผู้แข็งแกร่งได้ตกตายภายใต้การจ้องมองอันแสนน่ากลัวของเทพเจ้าปีศาจไปแล้ว
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เหลยสิ่งซึ่งละทิ้งกายเนื้อจะนําไม้ชิ้นนี้ติดตัวไปด้วย กลับกลายเป็นว่าไม้ชิ้นนี้คือกิ่งไม้อสนีบาตภัย……”
ดวงตาของซูฉินเป็นประกาย ครุ่นคิดในใจอย่างรวดเร็ว
แม้ว่ากิ่งไม้อสนีบาตภัยจะเกิดจากความล้มเหลวของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีที่พยายามจะก้าวข้ามภัยพิบัติทางสายฟ้า แต่เพราะพลังที่ได้จากการต้านทานอสนีบาตภัยนั้นช่างน่าสะพรึงกลัว มันถูกย้อมด้วยไอพลังสายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้า สําหรับนิกายใหญ่ที่เชี่ยวชาญในด้านวิถีแห่งสายฟ้าอย่างนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ความสําคัญของกิ่งไม้อสนีบาตภัยนั้นมากกว่าอาวุธวิเศษทั้งปวง
การพกพากิ่งไม้อสนีบาตภัยไว้เป็นเวลานาน สามารถดูดซับพลังอันน่าสะพรึงกลัวจากอสนีบาตภัยเข้ามาได้อย่างช้าๆ ซึ่งทรงพลังใกล้เคียงกับอยู่ใกล้ชิดเซียนเทพปฐพี เสมือนช่วยชําระล้างไขกระดูกของผู้ที่พกพาได้ราวสิบสองชั่วโมงต่อวัน
เป็นโอกาสที่หายากยิ่งในโลกหล้า
“ด้วยกิ่งไม้อสนีบาตภัยนี้ ห้าหมัดเทพเจ้าสายฟ้าของข้าจะต้องเพิ่มระดับขึ้นไปอีกขั้นอย่างแน่นอน”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน จากนั้นจิตวิญญาณแรกกําเนิดของเขาก็กวาดเข้าสู่กิ่งไม้อสนีบาตภัยอีกครั้ง
ขณะที่ซูฉันกําลังจะเก็บกิ่งไม้อสนีบาตภัย ใบหน้าของเขาก็กระตุกเล็กน้อย ความเยือกเย็นค่อยๆ ปรากฏบนหน้า
“ออกมาเถอะ”
พลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดของซูฉินแทรกซึม เข้าไปในกิ่งไม้อสนีบาตภัยในทันที และบังคับร่องรอยจิตวิญญาณแรกกําเนิดที่ไร้รูปร่างให้ออกมา
พลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดที่ถูกดึงขึ้นมาเหนือ กิ่งไม้อสนีบาตภัยก็ควบแน่นเป็นรูปลักษณ์ของบรรพบุรุษเหลยสิ่ง
ในเวลานี้ บรรพบุรุษเหลยสิงก็รู้ตัวในทันทีว่า ตัวเขาได้ถูกค้นพบเสียแล้ว จึงรีบร้องขอความเมตตา “อย่าฆ่าข้า ตราบใดที่สหายเต่ําไว้ชีวิตข้าจะให้ข้าทําอะไรก็ยอม” บรรพบุรุษเหลยสิงอ้อนวอนอย่างขมขื่น
“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ารอดมาได้ กลายเป็นว่าซ่อนเศษเสี้ยวจิตวิญญาณแรกกําเนิดเอาไว้ในกิ่งไม้อสนีบาตภัยนี่เอง”
ซูฉินเหลือบมองไปที่บรรพบุรุษเหลยสิง ใบหน้าของเขาดูครุ่นคิด