เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล - ตอนที่ 294.2
Sign in Buddha’s palm 294 (II) อยู่ยงคง กระพันและก้มมองโลกเบื้องล่าง
พลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดที่ถูกดึงขึ้นมาเหนือกิ่งไม้อสนีบาตภัยก็ควบแน่นเป็นรูปลักษณ์ของบรรพบุรุษเหลยสิ่ง
ในเวลานี้ บรรพบุรุษเหลยสิงก็รู้ตัวในทันทีว่าตัวเขาได้ถูกค้นพบเสียแล้ว จึงรีบร้องขอความเมตตา “อย่าฆ่าข้า ตราบใดที่สหายเต๋าไว้ชีวิตข้าจะให้ข้าทําอะไรก็ยอม” บรรพบุรุษเหลยสิ่งอ้อนวอนอย่างขมขื่น
“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ารอดมาได้ กลายเป็นว่าซ่อนเศษเสี้ยวจิตวิญญาณแรกกําเนิดเอาไว้ในกิ่งไม้อสนีบาตภัยนี่เอง”
ซูฉินเหลือบมองไปที่บรรพบุรุษเหลยสิ่ง ใบหน้าของเขาดูครุ่นคิด
มีดเทพเจ้าปีศาจนั้นคมกริบเหนือสิ่งใด ทั้งยังมีกลิ่นอายจากขุมนรกที่สามารถกัดกร่อนพลังวิญญาณได้ทุกประเภท แต่บรรพบุรุษเหลยสิ่งซ่อนจิตวิญญาณแรกกําเนิดไว้ภายในกิ่งไม้อสนีบาตภัย และต่อต้านพลังการกัดกร่อนของคมมีดเทพเจ้าปีศาจด้วยไอพลังของสายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าภายในกิ่งไม้อสนีบาตภัย
ไอพลังของกิ่งไม้อสนีบาตภัยบรรจบลงตัวถึงขีดสุด ถึงแม้จะตรวจสอบดูด้วยจิตวิญญาณแรกกําเนิดก็อาจเป็นไปได้ที่จะตรวจไม่พบ ถ้าซูฉินไม่ใช้ดวงตาแห่งสัจจะตรวจจับอย่างถี่ถ้วน เขาอาจจะปล่อยให้บรรพบุรุษเหลยสิ่งหนีไปได้จริงๆ
แม้ว่าบรรพบุรุษเหลยสิ่งจะเหลือเพียงเศษเสี้ยวจิตวิญญาณในตอนนี้ แต่ที่ทําได้ก็เพียงเอาตัวให้รอดไปก่อนเท่านั้น ปัญหาที่ตามมาค่อยแก้ไขทีหลัง
“หนวกหู”
ซูฉินเหลือบมองบรรพบุรุษเหลยสิ่งซึ่งเต็มไป ด้วยความหวาดกลัว ยกมือขึ้นบดขยี้จิตวิญญาณแรกกําเนิดเศษเสียวสุดท้ายตรงๆ
จากนั้นเขาก็ตรวจสอบกิ่งไม้อสนีบาตภัยทั้ง ภายในและภายนอกอีกครั้ง หลังจากยืนยันได้ว่า ไม่มีปัญหาอะไรจึงเก็บมันไป
และในตอนนี้
ชายชราเฟยยวก็รีบปรี่เข้ามา
ยกเว้นชายชราเฟยยวี่ เหล่าตํานานยุทธที่เหลือที่เฝ้าดูการต่อสู้ไปก็ตัวสั่นไปพลาง
ตํานานยุทธเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นศิษย์นิกายใหญ่ มีมากกว่าสิบคนที่เป็นศิษย์นิกายเฮยหยวน นิกายเทพเจ้าสายฟ้า และตําหนักเทพเจ้าหิมะ พวกเขามองดูบรรพชนของตนตกตายด้วยฝีมือของซูฉิน แทบจะจินตนาการได้ถึงความโศกเศร้า และความโกรธแค้นในใจพวกเขาที่ต้องประสบ
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเศร้าโศกขนาดไหน พวกเขาก็ทําได้เพียงเดินกลับมาหาซูฉินและรอคําสั่ง
ส่วนการวิ่งหนี?
แม้แต่บรรพชนนิกายเฮยหยวนที่หลบหนีไปไกลหลายร้อยลี้ก็ยังโดนซูฉินยิงใส่ด้วยลูกธนู พวกเขาจะเหลืออะไร?
“นายท่าน”
ชายชราเฟยยวเดินเข้าไปหาซูฉิน และกล่าวด้วยความเคารพ
ในขณะนี้ ซูฉินได้กลับมาอยู่ที่ด้านหน้าเทือกเขาไฟแล้ว กําลังมองไปที่แหล่งกําเนิดธาตุไฟซึ่งอยู่ตรงหน้า
“ลุกขึ้นเถอะ”
ซูฉินเหลือบมองชายชราเฟยยวจากนั้นจึงย้าย ไปมองตํานานยุทธทั้งหลายที่เดินตามเฟยยวมา จากนั้นจึงกล่าวด้วยความสนใจ “พวกเจ้าไม่ต้องการล้างแค้นให้บรรพชนของพวกเจ้าหรือ?”
คําที่กล่าวออกมา
ตํานานยุทธจํานวนมากต่างก็พากันขนหัวลุกซู่ คนที่อยู่แถวหน้ารีบส่ายหัวซ้ําแล้วซ้ําเล่า ก่อนจะกล่าวว่า “ผู้อาวุโสสูงส่งดุจฟากฟ้า คนธรรมดาเดินดินเช่นข้าจะกล้าแก้แค้นได้อย่างไร?”
“ถูกต้อง เป็นเกียรติของบรรพชนที่ได้ตาย
ใต้ เงื้อมมือของผู้อาวุโส นี่แทบจะรอขอบคุณท่านไม่ไหว จะให้ข้าแก้แค้นได้อย่างไร?”
ใบหน้าของตํานานยุทธหลายคนแดงกํา พวกเขารีบพูดออกมาอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าฮ่า…”
ร่องรอยดูถูกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน หากคนกลุ่มนี้จิตใจกล้าแข็ง กล่าวว่าอยากล้างแค้นให้บรรพชน เขาก็จะมองอีกฝ่ายให้สูงขึ้นสักหน่อย จากนั้นค่อยบดขยี้พวกมันทั้งหมดอย่างสมศักดิ์ศรี
แต่ตอนนี้เมื่อเห็นอาการสั่นเทาของคนเหล่านี้ ซูฉินก็ไม่สนใจจะลงมือต่อไป
ตํานานยุทธที่อยู่ตรงหน้านี้ ตลอดช่วงชีวิตของพวกเขาคงยากที่จะไปถึงจุดสูงสุดของขอบเขตตํานานยุทธด้วยซ้ํา พวกเขาทําไม่ได้แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองซูฉิน
“ไสหัวกลับไปเถอะ”
ซูฉินไม่สนใจจะมองดูพวกมันอีกต่อไป และมองไปยังแหล่งกําเนิดธาตุไฟอีกครั้ง
“ขอรับ”
“ขอรับ ขอบคุณท่านผู้อาวุโส”
ตํานานยุทธจํานวนมากจากไปด้วยความนอบน้อมในทันทีหลังจากที่พวกเขาถูกปล่อยตัว
หลังจากตํานานยุทธเหล่านั้นจากไปจนหมดชายชราเฟยยวี่ ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “นายท่าน ให้พวกเขาได้ย้อนกลับไป เรื่องในวันนี้ย่อมถูกส่งกลับไปยังนิกายใหญ่….”
เมื่อเฟยยกล่าวเช่นนี้ ความกังวลก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
การทําลายพรรคหมื่นดาบของซูฉินเป็นเพียงการสร้างความตื่นตกใจให้ต่างดินแดน แต่ไม่ได้มีปัญหาใดในอนาคต เพราะหลังจากพรรคหมื่นดาบถูกทําลายลงไปแล้ว นิกายใหญ่อื่นๆ ก็ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางใดกับซูฉิน และเนื่องจากซูฉิน แสดงความแข็งแกร่งมากเพียงพอ นิกายใหญ่เหล่านั้นจึงไม่คิดโจมตีซูฉิน
แต่ยามนี้
ซูฉินได้สังหารบรรพชนขั้นจิตวิญญาณแรกกําเนิดสามคนจากทั้งตําหนักเทพเจ้าหิมะ นิกายเฮยหยวน และนิกายเทพเจ้าสายฟ้าพร้อมๆกัน ซึ่งเท่ากับสร้างความโกรธเคืองให้นิกายใหญ่คราวเดียวถึงสามแห่ง
จะไม่พูดถึงตําหนักเทพเจ้าหิมะและนิกายเฮยหยวน แต่นิกายเทพเจ้าสายฟ้าไม่ธรรมดา มันสืบทอดมรดกมาตั้งแต่ยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด และมีเซียนเทพปฐพีกําเนิดขึ้นมามากกว่าหนึ่งคน
ที่สําคัญกว่านั้น ซูฉินทั้งทําลายพรรคหมื่นดาบ และสังหารบรรพชนขั้นแปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีความลังเลใจ สิ่งเหล่านี้ต้องปลุกเร้าความหวาดกลัวให้กับนิกายใหญ่ระดับสูงที่เหลือ
หากเพิ่มการกระพือเรื่องราวของนิกายเทพเจ้าสายฟ้าเข้าไป มีความเป็นไปได้มากที่จะกระตุ้นนิกายใหญ่แห่งอื่นๆให้มาปิดล้อมซูฉินอีกครั้ง
เมื่อถึงตอนนั้น ซูฉินไม่เพียงแต่จะต้องเผชิญ หน้ากับศัตรูขั้นแปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดทั้งหมดสามคนเหมือนตอนนี้เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงภูมิหลังมากมายของนิกายใหญ่ทั้งหมดในต่างดินแดน และอาจถึงขั้นที่เซียนเทพปฐพีออกตัว
นิกายใหญ่ระดับสูงทั้งหลายในต่างดินแดนได้สืบทอดมรดกมานับหมื่นปี มีแม้กระทั่งขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ที่กําเนิดขึ้นมาเรื่อยๆ ในบางยุคสมัย แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่พร้อมจะบดขยี้ทุกสิ่ง
โดยเฉพาะนิกายใหญ่ระดับสูงบางแห่งที่สืบทอดมรดกมาตั้งแต่ยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด เช่น สํานักผู้วิเศษ สํานักเอกะวิถี และนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ไม่รู้ว่ามีสิ่งของและกลวิธีอันน่าสะพรึงกลัวที่หลงเหลือมาจากยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีมากเท่าไหร่
“ไม่เป็นไร”
“ข้ารู้เรื่องนั้นอยู่แก่ใจดี”
ซูฉินไม่ได้สนใจ ท่าทีของเขายังคงสงบ
ในขณะที่กระแสปราณฉียังคงฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องต่อสู้กับนิกายใหญ่จํานว นมากในต่างแดน
เว้นแต่ซูฉินเต็มใจจะละทิ้งทุกสิ่งในแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ สละทุกสิ่งในราชวงศ์ถัง
แต่สิ่งนั้นจะเป็นไปได้อย่างไร?
สถานที่ที่ผู้คนต่างต้องการแย่งชิงอย่างจุดศูนย์กลางในการฟื้นฟูปราณฉี และมีบทบาทสําคัญในการส่งเสริมการบ่มเพาะของซูฉินเช่นนี้ หากไม่ใช่ทางเลือกสุดท้ายซูฉินจะไม่ละทิ้งแผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่ไปเด็ดขาด
แม้ว่าซูฉินจะมีระบบ ไม่ช้าก็เร็วเขาสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพีหรือแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่านี้ไปได้อีก
แต่การเป็นเซียนเทพปฐพี่ภายในห้าร้อยปี กับการเป็นเซียนเทพปฐพี่ภายในร้อยปีนั้นเป็นสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ถ้าซูฉินเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ด้วยความยากลําบากภายในห้าร้อยปี เกรงว่าตระกูลและเพื่อนๆของเขาคงจะแก่ตายด้วยวัยชราไปแล้ว เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ว่าซูฉินจะแข็งแกร่งเพียงใด เขาก็คงจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว
“มันมีค่าควรแก่การเป็นแหล่งกําเนิดธาตุไฟ พลังงานธาตุไฟช่างกว้างใหญ่จนน่าเหลือเชื่อ ไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดหนังสือโบราณถึงบันทึกไว้ ว่าแหล่งกําเนิดธาตุทั้งห้าสามารถช่วยให้จอม ยุทธสื่อสารกับทะเลปราณได้?”
“พลังงานธาตุไฟมหาศาลเช่นนี้ แม้จะตั้งอยู่ เฉยๆ ก็สามารถเชื่อมต่อกับทะเลปราณในส่วนลึก ของความว่างเปล่าได้…”
ซูฉินมองไปที่แหล่งกําเนิดธาตุไฟอยู่สองสาม ครั้ง รู้สึกประหลาดใจอยู่ลึกๆ
แม้ว่าซูฉินเคยดูดกลืนแหล่งกําเนิดธาตุดินมาก่อน แต่แหล่งกําเนิดธาตุดินอันนั้นยังไม่เติบโตเต็มที่ มันจะเทียบกับแหล่งกําเนิดธาตุไฟที่เกือบจะเติบโตจนสมบูรณ์ได้อย่างไร
ซูฉินเหลือบมองชายชราเฟยยวี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดออกมาเบาๆ
ด้วยพลังงานธาตุไฟอันยิ่งใหญ่ที่มีอยู่ภายในแหล่งกําเนิดธาตุไฟ มันมากเกินพอที่จะผลักดันแผ่นหินภาพดวงตะวันขนาดมหึมาไปสู่ความสําเร็จระดับเล็ก
และความสําเร็จระดับเล็กของภาพดวงตะวันขนาดมหึมานี้ แม้ว่าซูฉินจะไม่สามารถแปลงเป็นอีกาทองคําสามขาซึ่งเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดด้านธาตุไฟได้ แต่ก็อาจทําให้ซูฉินได้รับความสามารถพิเศษ และทิพยอํานาจบางส่วนของอีกาทองคําสามขา
ด้วยความสามารถพิเศษและทิพยอํานาจเหล่านี้ทําให้ซูฉินคนเดียวก็เพียงพอที่จะกวาดล้างตํานานยุทธขั้นสูงสุดทั้งหมด และแม้จะเจอเข้ากับเซียนเทพปฐพี ก็พอจะเล่นแง่กลกันได้บ้าง
นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมซูฉินถึงได้สังหารบรรพชนขอบเขตตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่แปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดทั้งสามคนอย่างอุกอาจ
แค่ในตอนนี้ซูฉินก็สามารถสังหารบรรพชนขั้นแปลงจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ตามต้องการแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงหลังจากซูฉินกลืนกินแหล่งกําเนิดธาตุไฟตรงหน้านี้เข้าไปเลยว่ามันจะเป็นเช่นไร?
“ขอรับ”
ชายชราเฟยยวโค้งคํานับด้วยความเคารพ
ซูฉินค่อยๆ เดินไปที่ทางเข้าของแหล่งกําเนิดธาตุไฟ และเมื่อเขากําลังจะก้าวเดินไปอีกก้าว เขาก็หันศีรษะมามองโลกภายนอกอีกครั้ง
เมื่อยามที่ซูฉินเดินกลับออกมาอีกครั้ง เขาจะอยู่ยงคงกระพันในใต้หล้าอย่างแท้จริง อยู่สูงจนต้องก้มมองโลกเบื้องล่าง